ควรขุดค้น ปอมเปอี นครแห่งความตายจากภูเขาไฟต่อไหม หรือปล่อยไว้จะดีกว่า?

ควรขุดค้น ปอมเปอี นครแห่งความตายจากภูเขาไฟต่อไหม หรือปล่อยไว้จะดีกว่า?

ปอมเปอี เมืองมรดกโลกล้ำค่ายังมีความลับอีกมากมายที่รอการเปิดเผย แต่เราควรขุดต่อไปหรือไม่? เพราะแม้บางส่วนของเมืองจะยังถูกฝังอยู่ใต้เถ้าถ่านภูเขาไฟ แต่การอนุรักษ์ไว้แบบนั้นอาจเป็นสิ่งที่ดีกว่าเพื่ออนาคต

การขุดค้นในปีที่แล้วเพียงปีเดียว นักโบราณคดีได้ค้นพบร้านซักรีดอายุ 2,000 ปี ห้องนอนของทาส และจิตรกรรมฝาผนังที่วาดภาพบรรพบุรุษต้นกำเนิดของพิซซ่า (ที่ยังไม่มีมะเขือเทศ เพราะยังมาไม่ถึงยุโรปอีกอย่างน้อย 10 ศตวรรษ)

การค้นพบทั้งหมดนี้ไม่ได้เกิดจากการ “ขุดค้น” บริเวณใหม่ ๆ ในชั้นเถ้าถ่านสูง 6 เมตร

ขณะเดียวกัน ทางรัฐบาลอิตาลีก็ได้ระงับการขุดในเมืองปอมเปอีชั่วคราว นั่นหมายความว่าการค้นพบที่กล่าวมาเป็นผลมาจากความพยายามในการอนุรักษ์และฟื้นฟูสิ่งที่เคยขุดไปแล้ว

แน่นอนว่าเมืองยังมีความลับอีกมากมายให้ค้นหา บ้างก็เหลืออยู่อีกว่าร้อยละ 15 บ้างก็ว่าร้อยละ 25 ที่เรายังไม่ขุดค้นพบ แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่าควรเปลี่ยนคำถามจาก เหลืออะไรให้ค้นหา เป็น ควรจะขุดต่อไหม?

“เรามีเมืองปอมเปอี (ที่ขุดพบแล้ว) เพียงพอสำหรับประชาชนทั่วไป และมากพอให้ชุมชนนักวิชาการได้เรียนรู้” ศาสตราจารย์ สตีเวน เอลลิส (Steven Ellis) ผู้เชี่ยวชาญด้านโบราณคดีโรมันจากมหาวิทยาลัยซินซินนาติ กล่าว “สิ่งที่เราจำเป็นต้องทำจริง ๆ คือการรักษามันไว้อย่างดีเพื่ออนาคต เท่าที่เราจะทำได้”

มีการขุดค้นพบพื้นที่ใหม่ในหลายเขตด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเขตธุรกิจ หรือพื้นที่ค้าปลีกที่ส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ตามถนนสายใหญ่ อย่างไรก็ตาม เมื่อเคลื่อนไปทางตะวันออก ความหนาแน่นและการใช้ประโยชน์ของเมืองก็ค่อย ๆ ลดลง โดยเฉพาะบริเวณตะวันออกเฉียงใต้ที่แทบไม่ถูกเตะต้องเลย

ศาสตราจารย์ อีริค โพฮ์เลอร์ (Eric Poehler) จากมหาวิทยาลัยแมสซาซูเซตส์-แอมเฮิร์ต กล่าวว่า พื้นที่เหล่านั้นน่าจะเป็นแหล่งเพาะปลูกมากกว่าจะเป็นสวนหลังบ้านขนาดใหญ่ที่มีถนนหนทาง รูปปั้น หรือเสาแบบที่เห็นในเมือง หรือพูดกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า ไม่น่าจะมีอะไรใหม่ ๆ ให้พบ

เขายังเสริมอีกว่าในการสำรวจครั้งที่ผ่าน ๆ มา นักโบราณคดีได้มองข้ามข้อมูลจำนวนมากในพื้นที่ ดังนั้นมันน่าจะมีโบราณวัตถุตามถนน ภาพวาดและภาพเขียนบนทางเท้า รวมถึงเหยื่อภูเขาไฟ การกลับไปสำรวจพื้นที่ที่ผ่านมาแล้วด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ อาจทำให้พบสิ่งที่น่าตื่นเต้นพอ ๆ กับการขุดสถานที่ใหม่

“เรามีรูปถ่าย แต่เราไม่เคยพอ” ศาสตราจารย์โพฮ์เลอร์กล่าว “ตอนนี้เรามีโมเดล 3 มิติของพื้นที่ ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วเราสามารถกลับไปที่การขุดค้นของเราและมองเห็นที่นั่นได้แทบทุกเวลา” พร้อมเสริมว่า “เราจะได้เห็น (ปอมเปอี) ในสภาพที่ดีขึ้นจริง ๆ และเราจะเจาะลึกมันด้วยวิธีที่น่าสนใจและทันสมัยยิ่งขึ้น”

เพราะการขุดค้นพื้นที่ใหม่ ๆ อาจมีส่วนทำให้เกิดปัญหาตามมาอย่างไม่จำเป็น เช่นในปี 2014 เกิดเหตุฝนตกหนักหลายวัน ทำให้พื้นที่ของเมืองปอมเปอี 3 ส่วนพังลงใน 3 วันได้แก่ หลุมฝังศพ ซุ้มโค้งในวิหารวีนัส และผนังโรงงาน เช่นเดียวกันกับก่อนหน้านี้ในปี 2010 ที่ ‘House of Gladiators’ พังทลายลง จนทำให้คณะกรรมการยูเนสโกบางส่วนระบุว่า จะถอดเมืองนี้ออกจากมรดกโลก

นักโบราณคดีอาจต้องชะลอความพยายามขุดค้นลงสักเล็กน้อย และเพิ่มความพยายามในการอนุรักษ์ให้มากขึ้น รัฐบาลอิตาลีได้เริ่มโครงการ ‘เกรท ปอมเปอี’ (Great Pompeii) ตั้งแต่ปี 2012 โดยร่วมมือกับสหภาพยุโรปเพื่อสร้างเขื่อน ฟื้นฟูกำแพง และปกป้องโครงสร้างจากการสัมผัสกับอากาศ

ในระหว่างดำเนินโครงการก็ได้ค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ไมว่าจะเป็นภาพจิตรกรรมฝาผนังใกล้กับ ‘House of the Silver Wedding’ ซึ่งเป็นตัวอย่างอันงดงามของวิถีชีวิตชนชั้นสูงที่มีโลมาคู่หนึ่งตั้งอยู่

ต่อมานักโบราณคดีก็ค้นพบ ‘สวนมหัศจรรย์’ ซึ่งเป็นโรงนาที่ตกแต่งอย่างหรูหรา คาดว่าจัดไว้เป็นที่สักการะเทพเจ้า ซึ่งเป็นภาพบุคคลที่มีหัวสุนัข อาจเป็นการแสดงความเคารพต่อเทพเจ้าอียิปต์ อนูบิส

“สิ่งที่เราสามารถทำได้ มีทั้งการตั้งตารอในทุกครั้งที่เราไปขุดค้นปอมเปอี และเพียงแค่เพ่งมองไปที่พื้นดินนั้น ทั้งสองอย่างนี้ก็ทำให้เรารู้สึกได้ถึงความมหัศจรรย์และความประหลาดใจได้เช่นกัน” โพฮ์เลอร์กล่าว “เพราะเราจะพบกับผลงานและภาพจากอดีตอันงดงามที่หลุดออกมาจากพลั่ว”

สืบค้นและเรียบเรียง วิทิต บรมพิชัยชาติกุล

https://www.nationalgeographic.com/premium/article/pompeii-unexcavated-remains-archaeology-undug

อ่านเพิ่มเติม ทำไม อาณาจักรมายา ถึงล่มสลาย? การเมือง เศรษฐกิจ หรือเพราะตัวเอง

Recommend