เสียงจากภาพขาวดำ บทบันทึกแห่งความหวังของ ศ.ดร.นันทวัฒน์ บรมานันท์

เสียงจากภาพขาวดำ บทบันทึกแห่งความหวังของ ศ.ดร.นันทวัฒน์ บรมานันท์

ใครจะรู้ว่าจากจุดเริ่มต้นถ่ายภาพดำขาวจากความชอบ ความหลงใหล จะเป็นได้มากกว่าการกดบันทึกภาพทรงจำ ณ ห้วงเวลาหนึ่งของชีวิตในต่างดินแดน แต่กลายเป็นความหวังของเด็กหูหนวก

เพราะในสังคมไทยยังมีเด็กหูหนวกอีกมากมายที่ไม่เคยได้ยินเสียงใด และรอคอยโอกาสได้ยินเสียงแรกจากผู้หยิบยื่นให้ด้วยความหวัง นั่นคือเหตุผลที่ภาพถ่ายดำขาวจากเลนส์และมุมมองของศาสตราจารย์ ดร.นันทวัฒน์ บรมานันท์ ได้ทำหน้าที่สร้างโอกาสให้พวกเขาเหล่านั้นอีกครั้ง

หากใครเคยได้ยินเรื่องราวของนักกฏหมายผู้หลงใหลการถ่ายภาพดำขาวมาร่วมครึ่งชีวิต ที่ลุกขึ้นมาจัดนิทรรศการแรกของตัวเองที่ชื่อว่า ‘ความทรงจำดำขาวของนันทวัฒน์’ แสดงภาพถ่ายพร้อมจัดทำหนังสือภาพดำขาวจำหน่าย เพื่อนำรายได้จากการจำหน่ายภาพถ่ายและหนังสือ Photobook มอบให้กับมูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์ โดยไม่หักค่าใช้จ่ายเมื่อสักประมาณ 4 ปีก่อน

จากโอกาสที่มอบให้ผู้พิการทางสายตาในครานั้น ภาพถ่ายดำขาวของนันทวัฒน์ ได้ขยายโอกาสมาสู่ผู้พิการทางการได้ยิน ผ่านการจัดนิทรรศการภาพถ่าย ‘ดำขาวเล่าเรื่องสองเมืองของ ศ.ดร.นันทวัฒน์ บรมานันท์’ และ “เสียงในความเงียบ โดย นันทวัฒน์” เพื่อนำรายได้จากการจำหน่ายภาพถ่ายและหนังสือ Photobook บริจาคให้มูลนิธิอนุเคราะห์คนหูหนวกในพระบรมราชินูปถัมภ์

บนเวที Gathering Space ในงาน Sustainability Expo 2025 (SX2025) ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อวันที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา ศ.ดร.นันทวัฒน์ บรมานันท์ กรรมการอิสระ Amarin Group และอดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้มาเล่าเรื่องราวดี ๆ ให้พวกเราได้ฟังอีกครั้ง โดยมี คุณศุขสนั่น โชติกเสถียร ประธานกรรมการ มูลนิธิอนุเคราะห์คนหูหนวกในพระบรมราชินูปถัมภ์ ร่วมพูดคุยในหัวข้อ ‘When pictures speak volumes แรงบันดาลใจและเส้นทางสู่ภาพถ่ายเพื่อสังคม’

ใครจะรู้ว่าจากจุดเริ่มต้นถ่ายภาพดำขาวจากความชอบ ความหลงใหล จะเป็นได้มากกว่าการกดบันทึกภาพทรงจำ ณ ห้วงเวลาหนึ่งของชีวิตในต่างดินแดน แต่กลายเป็นความหวังของเด็กหูหนวก

ภายหลังมีโอกาสได้พูดคุยกับ ดร.มลิวัลย์ ธรรมแสง เลขาธิการ มูลนิธิอนุเคราะห์คนหูหนวกในพระบรมราชินูปถัมภ์ ซึ่งพานักเรียนจากมูลนิธิมาเข้ามาชมนิทรรศการ ทำให้ ศ.ดร.นันทวัฒน์ มองเห็นถึงความจำเป็นของการผ่าตัดประสาทหูเทียม (Cochlear Implant) ซึ่งจะช่วยให้เด็กหูหนวก หรือมีภาวะพิการทางการได้ยินแต่กำเนิดมีโอกาสได้ยินเสียงสักครั้ง เพื่อใช้ชีวิตอย่างคนปกติในสังคม ทว่าการผ่าตัดประสาทหูเทียมหนึ่งข้าง มีค่าใช้จ่ายสูงกว่า 500,000 บาท

จากภาพถ่ายดำขาวปกติอย่างที่เคยทำ ศ.ดร.นันทวัฒน์ ได้ปรับเปลี่ยนมาใช้วิธีการร่วมมือกับศิลปินต่างแขนง เพื่อวาดภาพประกอบที่มีสีสันและชีวิตชีวาลงบนภาพถ่ายดำขาวของเขา เกิดเป็นภาพดำขาวที่มีการเติมแต่งรูปดอกไม้ สัตว์ตัวน้อย ไปจนถึงภาพวาดฝีพระหัตถ์จากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลงานของเขาได้เป็นอย่างดี โดยมียอดการประมูลครั้งล่าสุดรวมถึง 16 ล้านบาท โดยศ.ดร.นันทวัฒน์ จัดนิทรรศการและการประมูลผลงานมาแล้ว 4 ครั้ง สามารถระดมเงินเพื่อช่วยเหลือผู้พิการทางการได้ยินไปแล้วเกือบ 31 ล้านบาทเลยทีเดียว

“รู้ไหมว่าเด็กคนแรกที่ได้ผ่าตัดประสาทหูเทียมโดยใช้เงินที่ได้รับจากนิทรรศการที่จัดขึ้นนี้ ตอนหมอเปิดหูออกแล้วลองตีกลองเล็ก ๆ ให้เด็กฟัง พอเขาได้ยินแล้วตกใจจนร้องไห้ลั่นเลย เรารู้สึกว่านี่คือการให้ชีวิตใหม่คนเลยนะ สิ่งนี้มันทำให้เรามีกำลังใจที่จะช่วยต่อไป แต่ลำพังผมคนเดียวคงทำไม่ไหว โชคดีที่ยังมีมิตรสหายหลายคนคอยถามว่าจะจัดอีกเมื่อไร เขายังพร้อมจะช่วยสนับสนุน แต่เราเองก็มองหาและต้องการคนใหม่ ๆ มาร่วมบริจาคหรือซื้อภาพเพื่อช่วยเหลือเด็กเหล่านี้”

ด้านคุณศุขสนั่น โชติกเสถียร ประธานกรรมการ มูลนิธิอนุเคราะห์คนหูหนวกในพระบรมราชินูปถัมภ์ เล่าผ่านเวที Gathering Space ว่า “ในแต่ละปีจะมีเด็กเกิดมาพร้อมภาวะหูหนวกสนิทราว 300 คน เป้าหมายของมูลนิธิคือการผลักดันให้เด็กไทยมีโอกาสได้รับการรักษา เพราะทุกคนควรได้รับสิทธิในการเข้าถึงการรักษาอย่างเท่าเทียมตามหลักรัฐธรรมนูญ เด็กอายุก่อนสองขวบคือช่วงเวลาเหมาะสมที่สุดในการผ่าตัด เพราะสมองยังสามารถพัฒนาได้เต็มที่ เด็กบางคนได้รับการผ่าตัดตั้งแต่อายุเพียงแปดถึงเก้าเดือนและได้ผลดี แต่หากเกินกว่านั้นประสิทธิภาพการฟื้นฟูจะลดลง เนื่องจากสมองส่วนที่ควบคุมการฟังจะเปลี่ยนไปทำหน้าที่อื่น เด็กหูหนวกถูกตัดขาดจากโลกแห่งการสื่อสารโดยสิ้นเชิง และต้องใช้ภาษามือเป็นภาษาแม่ การได้ผ่าตัดประสาทหูเทียมจึงเปรียบได้กับการเปิดประตูให้พวกเขากลับมาเชื่อมโยงกับสังคมอีกครั้ง”

มูลนิธิอนุเคราะห์คนหูหนวกในพระบรมราชินูปถัมภ์ ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2495 เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาและการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้แก่คนหูหนวก ซึ่งต่อมาในปี พ.ศ. 2507 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับมูลนิธิฯ ไว้ในพระบรมราชินูปถัมภ์

ปัจจุบัน มูลนิธิฯ มีพันธกิจที่สำคัญหลายอย่าง รวมถึงการมอบเครื่องช่วยฟังให้เด็กและบุคคลที่สูญเสียการได้ยิน และมอบทุนผ่าตัดประสาทหูเทียมให้เด็กหูหนวกอายุไม่เกิน 3 ขวบ เพื่อให้เด็กเหล่านี้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณค่าในสังคม โดยไม่มีอุปสรรคด้านการสื่อสาร รวมถึงจัดตั้ง ‘กองทุนหนูอยากได้ยินเสียงแม่’ เพื่อระลึกถึงสมเด็จพระพันปีหลวง ผู้ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ โดยมีวัตถุประสงค์ในการสนับสนุนค่าใช้จ่ายด้านการผ่าตัดและการใช้ประสาทหูเทียม จากเงินที่ได้รับบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธา

เด็กคนแรกที่ได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุน ปัจจุบันสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น และสามารถทำงานใช้ชีวิตอย่างปกติ เรื่องราวเช่นนี้สะท้อนถึงความมหัศจรรย์ของการเปลี่ยนแปลงชีวิตที่เกิดขึ้นได้จริง”

นี่คือพลังของภาพถ่ายดำขาวและเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากหลายหลายความร่วมมือ จากงานอดิเรก การออกเดินทางบันทึกภาพถ่ายดำขาวที่ตัวเองหลงใหล ก้าวไปสู่เป้าหมายสร้างโอกาสในการผ่าตัดประสาทหูเทียมอย่างทั่วถึง เพื่อมอบชีวิตให้ผู้พิการทางการได้ยิน ได้ยินเสียงอย่างเท่าเทียมเหมือนคนปกติ


อ่านเพิ่มเติม : นิทรรศการ “เสียงในความเงียบ” เมื่อภาพถ่ายสื่อเสียงและมีความหมายต่อการช่วยเหลือผู้ที่บกพร่องทางการได้ยิน

Recommend