มนุษย์สามารถมี พลังพิเศษ ได้จริง ๆ และนักวิทยาศาสตร์กำลังศึกษาพลังเหล่านี้ ไม่ว่าจะมาจากโดยทางพันธุกรรมหรือการฝึกอบรม ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า แม้แต่มนุษย์ธรรมดาก็สามารถพัฒนาความสามารถพิเศษเหล่านั้นได้
แม้ โฮโม เซเปียนส์ หรือ มนุษย์ปัจจุบัน จะไม่สามารถงอกกรงเล็บที่ใหญ่ยาวและแข็งแกร่งออกมาได้เหมือนวูล์ฟเวอรีนในภาพยนตร์ ‘เอ็กซ์-เมน’ (X-Men) หรือยิงลำแสงพลังงานสูงออกมาจากดวงตาได้เหมือน “ไซคลอปส์” ได้ แต่ร่างกายและสมองของเราก็มีศักยภาพเพียงพอที่จะสร้างสรรค์ พลังพิเศษ ที่ดูเหมือนอะไรบางอย่างที่เหนือมนุษย์ได้หลายอย่าง
นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า บางครั้งพลังพิเศษก็เกิดขึ้นจากการกลายพันธุ์ทางพันธุกรรม เหมือนกับในเรื่องราวต้นกำเนิดของตัวละครในการ์ตูน ตัวอย่างเช่น ขาวเชอร์ปาในเทือกขาหิมาลัยที่ได้ปรับตัวเข้าพื้นที่สูงด้วยยีนที่เสริมความแข็งแกร่งและความอดทนของพวกเขา
ในขณะที่พลังพิเศษอื่น ๆ เช่นนักจิตบำบัดการกีฬาที่มีความสามารถพิเศษในการจดจำ ซึ่งความสามารถนี้ก็สามารถพัฒนาขึ้นมาได้เช่นเดียวกัน แม้แต่ความกลัวเองก็อาจช่วยเพิ่มพลังได้ในสถานการณ์ที่เหมาะสม ดังที่เห็นได้ในเรื่องราวของ อเล็กซ์ ฮอนโนลด์ (Alex Honnold) นักไต่ที่ถูกเปรียบเทียบกับ “สไปเดอร์แมน” ในด้านปีนกำแพงสูงชันโดยไม่ต้องใช้เชือก
นักวิทยาศาสตร์เพิ่งจะเริ่มเรียนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นภายในร่างกายและจิตใจของผู้ที่มีความสามารถพิเศษเหล่านี้ และความสามารถขั้นสูงอื่น ๆ โดยพบว่าแม้ยีนจะทำให้บางคนได้เปรียบ แต่พวกเราส่วนใหญ่นั้นมีศักยภายที่ยังไม่ได้ใช้ซ่อนอยู่
และนี่เป็นเพียงตัวอย่างบางส่วนของพลังพิเศษที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางหมู่พวกเรา
ผู้กล้าที่ไร้ซึ่งความกลัว: อเล็กซ์ ฮอนโนลด์
สำหรับคนส่วนใหญ่ เพียงแค่ได้มองรูปถ่ายของ ฮอนโนลด์ ที่ห้อยลงมาจากหน้าผาโดยใช้เพียงแค่นิ้วเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เกิดความรู้สึกกลัวและหวาดเสียวอย่างยิ่ง
แต่ไม่ใช่กับฮอนโนลด์ นักวิทยาศาสตร์ได้สแกนสมองนักปีนเขาชื่อดังคนนี้โดยใช้ fMRI เมื่อปี 2016 พวกเขาก็ได้พบกับสิ่งที่น่าแปลกใจ นั่นคือกราฟิกแสดงให้เห็นว่ากิจกรรมทางสมองในต่อมทอนซิลซึ่งเชื่อมโยงกับความกลัวในคนปกติ แต่ของฮอนโนลด์ กลับเงียบสนิท
โครงสร้างสมองของเขาเป็นปกติอย่างสมบูรณ์เหมือนคนทั่วไป และฮอนโนลด์ปฏิเสธมาเป็นเวลานานแล้วว่าไม่รู้สึกถึงความกลัวใด ๆ ทาง เจน โจเซฟ (Jane Joseph) นักประสาทวิทยาที่ทำการตรวจสมองของ ฮอนโนลด์ ได้เขียนไว้ในเว็บไซต์ Poppular Science เมื่อปี 2018 ว่า เป็นไปได้ที่เขาปรับสภาพตัวเองโดยลดการทำงานของสมอง แล้วมุ่งเน้นไปที่การวางแผนความเคลื่อนไหวแต่ละครั้งอย่างพิถีพิถันแทน
และนั่นคือความสามารถพิเศษที่พวกเราที่เหลือสามารถนำมาใช้ได้ นักจิตวิทยาใช้การปรับสภาพที่คล้ายกันเพื่อช่วยให้ผู้คนเอาชนะความกลัวได้ และประสาทวิทยาศาสตร์ก็ได้เปิดเผยว่าความทรงจำเกี่ยวกับความกลัวนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร และสามารถยกเลิกได้เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในร่างกายของ ฮอนโนลด์
ความยืดหยุ่นสูง: ชาวเชอร์ปา
“มนุษย์ยังคงมีการพัฒนา” ทาทัม ไซมอนสัน (Tatum Simonson) ผู้ศึกษาพันธุศาสตร์และสรีรวิทยาของการปรับตัวที่อยู่ในพื้นที่ระดับความสูงของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานดิเอโก กล่าว และชาวเชอร์ปาในเนปาลเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของการพัฒนาความสามารถพิเศษ
สมาชิกของกลุ่มชาติพันธุ์นี้มีชีวิตอยู่มานานกว่า 6,000 ปีบนความสูงเฉลี่ยเหนือระดับน้ำทะเล 4,200 เมตร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีออกซิเจนน้อยกว่าบริเวณที่อยู่ระดับเดียวกับน้ำทะเลถึง 40 เปอร์เซ็นต์ “มีเวลามากสำหรับการคัดเลือกโดยธรรมชาติเพื่อหาวิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับออกซิเจน” ไซมอนสัน กล่าว
โดยปกติแล้ว เมื่อระดับออกซิเจนในร่างกายมนุษย์ลดลง จะสูบฉีดเซลล์เม็ดเลือดแดงมากขึ้น เพื่อส่งออกซิเจนให้ได้มากขึ้น แต่นั่นจะทำให้เกิดภาวะเลือดข้น และอาจนำไปสู่อาการป่วยจากที่สูงหรือเสียชีวิตได้
กลับกันชาวเชอร์ปาได้ได้พัฒนาการกลายพันธุ์ทางพันธุกรรมหลายอย่าง ที่ช่วยให้พวกเขารักษาระดับเซลล์เม็ดเลือดแดงให้อยู่ในระดับต่ำ ในขณะเดียวกันไมโทคอนเดรียในเซลล์ก็สามารถใช้ออกซิเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นักวิทยาศาสตร์กำลังศึกษาประสิทธิภาพของคนเหล่านี้เมื่ออยู่ในระดับความสูงที่ต่ำกว่าปกติ และพบว่าพวกเขายังคงรักษาความได้เปรียบไว้ได้แม้จะอยู่ในระดับเดียวกันกับน้ำทะเลก็ตาม นี่อาจเป็นความสามารถพิเศษที่อาจช่วยเหลือผู้ที่มีปัญหาออกซิเจนในเลือดต่ำอันเกิดจากโรคทางเดินหายใจ หรือโรคหลอดเลือดหัวใจ
สุดยอดนักว่ายน้ำ: บาเจา (Bajau) ‘นักพเนจรในท้องทะเล’
มีเหตุผลอย่างหนึ่งที่เรามักชื่อชอบฮีโร่ที่บินได้สูงอย่างซุปเปอร์แมน หรือว่ายน้ำลึกลงไปในมหาสมุทรอย่างอควาแมน นั่นคือพวกเขาสามารถไปในพื้นที่ที่พวกเราไม่สามารถทำได้
สิ่งนี้เกิดขึ้นเช่นเดียวกับนักดำน้ำแบบฟรีไดรฟ์ (Free Drive) ซึ่งสามารถดำน้ำลึกโดยไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์ดำน้ำ แต่ชาวบาเจาในฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และอินโดนีเซียนั้่นพิเศษยิ่งกว่า เนื่องจากพวกเขาสามารถอยู่ในน้ำได้นานถึง 13 นาทีที่ระดับความลึกสูงสุด 70 เมตร
เช่นเดียวกับชาวเชอร์ปา นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าชาวบาเจาได้พัฒนาข้อได้เปรียบทางพันธุกรรมเพื่อใช้ออกซิเจนอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพวกเขาต้องเผชิญกับภาวะขาดออกซิเจนในทันที ชาวบาเจาถึงได้พัฒนากลไกได้ในระยะเวลาที่รวดเร็วยิ่งขึ้น
เมื่อเวลาผ่านไป การคัดเลือกโดยธรรมชาติได้สนับสนุนให้ม้ามมีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อรองรับเซลล์เม็ดเลือดแดดที่มีออกซิเจนให้มากขึ้น ซึ่งขณะดำน้ำ ม้ามของชาวบาเจาจะหดตัวและพ่นสารสำรองนี้เข้าสู่กระแสเลือด เพื่อใช้ในยามฉุกเฉิน
ความคล่องตัวขั้นสุดยอด: ซามูไร อิซาโอะ มาชิอิ (Samurai Isao Machii)
ในนิยาย สิ่งมีชีวิตที่เป็นตำนานอย่างเช่น แวมไพร์และมนุษย์หมาป่า ต่างเต็มไปด้วยความคล่องตัวขั้นสุดยอด พร้อมกับการเคลื่อนไหวที่สมดุลจากการประสานงานและปฏิกิริยาตอบสนองที่ไม่ธรรมดา สำหรับในชีวิตจริง การผสมผสานระหว่างพันธุกรรมและการฝึกฝนนี้ทำให้บางคนมีการเคลื่อนไหวเหนือมนุษย์ได้
หากคุณยิงกระสุนใส่นักดาบ อิซาโอะ มาชิอิ เขาจะสามารถผ่ามันครึ่งมันในกลางอากาศได้ด้วยการแกว่งดาว หรือกลับกันคุณสามารถสังเกต บ็อบ มันเดน (Bob Munden) นักแม่นปืนระดับตำนานที่ได้รับการทดสอบว่าสามารถยิงปืนได้อย่างแม่นยำโดยใช้เวลาไม่ถึงเสี้ยววินาที ซึ่งเร็วกว่าเวลาตอบสนองของสมองมนุษย์โดยเฉลี่ย
นักวิทยาศาสตร์ยังคงพยายามทำความเข้าใจว่าระบบประสาทส่วนกลางได้ช่วยให้คนบางคนวางแผน และดำเนินการตอบสนองด้วยความเคลื่อนที่ซับซ้อนดังกล่าวโดยไม่รู้ตัวได้อย่างไร
สุดยอดความจำ: นักจิตบำบัดการกีฬา
ลองนึกภาพการจำลำดับสำรับไพ่ให้ได้ภายใน 20 วินาที หรือจะเป็นชื่อและใบหน้าของคนแปลกหน้า 200-300 คนในเวลาไม่กี่นาทีดู มันเป็นเรื่องยากที่เราทำไม่เคยจะได้ แต่สำหรับนักจิตบำบัดการกีฬา (Mental athletes) บางคนที่เข้าแข่งขันในรายงาน ‘USA Memory Championship’ ความสำเร็จดังกล่าวดูเป็นเรื่องง่ายขึ้นมาทันที
แอนโทนี่ ดอททิโน (Anthony Dottino) ผู้ก่อตั้งกิจกรรมชิงแชมป์ดังกล่าว กล่าวว่าไม่มีอะไรพิเศษเกี่ยวกับแชมป์แห่งความทรงจำ มีเพียงแค่การฝึกซ้อมที่ ดอททิโน และ ไมเคิล ลูกชายของเขาได้ทำ ทั้งสองคนจัดโปรแกรมฝึกความจำ และบอกว่าใคร ๆ ก็สามารถพัฒนาความจำของตนเองได้ ไม่ว่าจะเป็นวัยไหนก็ตาม
เพื่อดูว่าการฝึกความทรงจำส่งผลต่อการทำงานของสมองอย่างไร ไมเคิล ดอททิโน ได้กำลังทำงานร่วมกับนักประสาทวิทยาในเรื่องนี้ การวิจัยได้เผยให้เห็นว่าเทคนิคการจำนั้นทำงานอย่างไร มันเกิดขึ้นด้วยการสร้างเครือข่ายในสมองซึ่งยึดความทรงจำใหม่ ๆ เข้ากับความทรงจำเก่า ๆ
ยิ่งไปกว่านั้นการศึกษาในวารสาร Neuron ชี้ให้เห็นว่าคนทั่วไปก็สามารถปรับปรุงความทรงจำของตนเองได้อย่างมากด้วยการฝึกฝนเพียง 6 สัปดาห์เท่านั้น
ตอนนี้คุณพร้อมที่มีพลังพิเศษแล้วรึยัง?
สืบค้นและเรียบเรียง วิทิต บรมพิชัยชาติกุล
ที่มา
https://www.nationalgeographic.com/science/article/superpowers-real-human-abilities-genetics