จากนั้นหลายสิ่งก็เปลี่ยนไปในช่วงปี 1970 เมื่อวาฬขี้สงสัยตัวหนึ่งว่ายเข้าหาเรือประมง มันโผล่ขึ้นมาแต่หัวและว่ายเข้ามาใกล้เรือเรื่อยๆ นั่นทำให้บรรดาชาวประมงพากันหวาดหวั่น แต่แล้วหนึ่งในนั้นเอาชนะความกลัว เขายื่นมือออกไปสัมผัสกับวาฬ
ความมหัศจรรย์ก็ถือบังเกิดขึ้น และพัฒนากลายเป็นความสัมพันธ์ของคนกับวาฬต่อมา แม่ๆ วาฬสอนลูกของพวกมันให้รู้จักเข้าหามนุษย์ เมื่อเรือลำเล็กว่ายเข้ามา แม่วาฬก็พยายามพาลูกวาฬขึ้นสู่ผิวน้ำคล้ายจะเป็นการแนะนำตัวครั้งแรกให้กับมนุษย์
วาฬสีน้ำเงินในปัจจุบันเหล่านี้คือลูกหลานของวาฬสีน้ำเงินที่รอดมาได้จากยุคล่าวาฬ การเล่นกับผู้คนนั้นเป็นหนึ่งในความสนุกที่วาฬหาได้ เคยมีคนถามกับผมว่าการเล่นกับวาฬเช่นนี้เป็นอันตรายหรือไม่ บางพื้นที่บนโลกนี้ ผมเคยเห็นฝูงงวาฬล้อมเรือด้วยความสนใจ สิ่งที่เกิดขึ้นนี้อาจเป็นอันตรายต่อมันได้ เนื่องจากพวกมันอาจได้รับบาดเจ็บจากใบพัดเรือ แต่ที่ซาน อิกนาซิโอที่นี่แตกต่างพวกเขามีชุมชนที่แข็งแกร่งคอยดูแลและควบคุมพฤติกรรมของวาฬเป็นอย่างดี
ระหว่างช่วงเดือนธันวาคมถึงเมษายน เมื่อวาฬสีน้ำเงินเดินทางมาถึงอ่าวเพื่อผสมพันธุ์ บรรดาชาวประมงท้องถิ่นจะเปลี่ยนอาชีพจากการจับปลามาเป็นไกด์นำเที่ยวพาชมวาฬแทน เพราะฉะนั้นแล้วนอกเหนือจากการประมง วาฬยังเป็นเสาหลักของเศรษฐกิจท้องถิ่นในพื้นที่แห่งนี้ด้วยเช่นกัน
ดังนั้นแล้วชาวประมงในซาน อินาซิโอจึงดูแลวาฬอย่างดี เพราะการที่วาฬเหล่านี้อยู่ดีกินดี นั่นหมายถึงชาวประมงจะอยู่ดีกินดีด้วยเช่นกัน
ปกติแล้วการอนุรักษ์ซึ่งความหลากหลายของพืชพรรณและสิ่งมีชีวิต มนุษย์มักเป็นผู้สังเกตจากระยะไกลสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ในซาน อิกนาซิโอ ไม่ใช่บรรทัดฐาน และเป็นเอกลักษณ์ที่เกิดขึ้นได้กับบางสถานที่เท่านั้น อย่างไรก็ตามเรื่องราวของที่นี่ก็เป็นแรงบันดาลใจที่แสดงให้เห็นถึงความมหัศจรรย์ของความสัมพันธ์ระหว่างชุมชนและวาฬ ที่ผ่านการสั่งสมมานานหลายปี
เรื่องและภาพ โธมัส พี.พีแช็ก
อ่านเพิ่มเติม