World Update: ความตายที่ยังไม่ได้รับคำตอบของช้าง 400 เชือกในบอตสวานา

World Update: ความตายที่ยังไม่ได้รับคำตอบของช้าง 400 เชือกในบอตสวานา

ความตายที่ยังไม่ได้รับคำตอบของช้าง 400 เชือกในบอตสวานา

เดือนมีนาคมปี 2020 มีช้างในบอตสวานาตายอย่างลึกลับ 44 ตัว หลังจากนั้น กลางเดือนมิถุนายนปีเดียวกัน นักอนุรักษ์ตรวจนับซากศพที่กระจัดกระจายในพื้นที่ 7,770 ตารางกิโลเมตรได้มากกว่า 350 ซาก และเดือนมกราคม จำนวนช้างที่ตายเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 450 ตัว กระนั้น เราก็ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของการตายจนตอนนี้

การสูญเสียของช้างแอฟริกาเป็นเรื่องที่น่าตระหนก เนื่องจากจำนวนที่เคยมีอยู่กว่าหนึ่งล้านตัวเหลือเพียง 415,000 ตัวจากการลักลอบฆ่าเพื่อเอางาช้าง และตอนนี้พวกมันยังต้องเผชิญภัยคุกคามทั้งจากมนุษย์ ที่อยู่อาศัย สภาพแวดล้อม รวมทั้งสาเหตุการตายลึกลับนี้ ซึ่งในบอตสวานามีช้างทั้งหมดเพียง 130,000 ตัว การตายจำนวนหลายร้อยนี้จึงน่าตกใจไปทั่วโลก

ด้วยแรงกดดันจากนานาชาติ ทางการบอตสวานาระบุว่าผู้ร้ายคือ ‘ไซยาโนแบคทีเรียนิวโรทรอกซิน(cyanobacteria neurotoxins)’ สารพิษที่ถูกปล่อยออกมาจากสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินที่บานในน้ำนิ่งและอุดมด้วยสารอาหาร มันจะโจมตีระบบประสาทหากสิ่งมีชีวิตกลืนเข้าไป แต่การทบทวนเอกสารและการสัมภาษณ์รวบรวมข้อมูลกว่า 14 เดือนของเนชั่นเนลจีโอกราฟิกพบว่าคำตอบที่ได้นั้นไม่น่าเชื่อถือเท่าที่ควร

“การวินิจฉัยสถานการณ์ที่ซับซ้อนเช่นนี้ไม่ควรถูกกำหนดโดยนักวิทยาศาสตร์ในห้องปฏิบัติการเพียงคนเดียวที่ใช้การวิจัยเพียงชุดเดียว” มมาดี รูเบน (Mmadi Reuben) สัตวแพทย์ของแผนกสัตว์ป่ากล่าว เขาเสริมว่าผู้สืบสวนของรัฐบาลไม่ได้ใช้ตัวอย่างเนื้อเยื่อจากช้างและน้ำตัวอย่างจากแหล่ง แต่กลับใช้ข้อมูลจากการตรวจสอบของห้องปฏิบัติการ อาการ การวิเคราะห์ทางพันธุกรรม และอื่น ๆ จนสรุปเป็นคำตอบว่าช้างถูกโจมตีทางระบบประสาท

ในขณะที่อีริก เวอร์เรนนี่ (Erik Verreynne) สัตวแพทย์และที่ปรึกษาด้านสัตว์ป่าของเมืองกาโบโรเนกล่าวว่า “เรามีโอกาสสอบสวนสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียดและจัดการเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต แต่น่าเสียดายที่เราพลาดมันไป” เขาไม่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการสืบสวนนี้ ทั้งตัวเขา นักวิทยาศาสตร์ และนักอนุรักษ์คนอื่น ๆ แย้งว่าสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินนั้นไม่สมเหตุสมผล

เนื่องจากสัตว์อื่น ๆ มากมายที่ดื่มน้ำแหล่งเดียวกันนั้นไม่ตายยกเว้นม้าเพียงตัวเดียว นอกจากนี้การเสียชีวิตเกิดขึ้นในฤดูฝนที่น้ำไหลหลากจะชะล้างสาหร่ายออก ไนออล แมคแคน (Niall McCann) ผู้อำนวยการฝ่ายอนุรักษ์ของกลุ่ม National Park Rescue ระบุว่าการรักษาความลับและการไม่เต็มใจที่จะรับความช่วยเหลือจากภายนอกเป็นพฤติกรรมของรัฐบาลบอตสวานามาช้านานแล้ว “เราไม่สามารถตรวจสอบเรื่องนี้ได้อย่างละเอียดถูกต้อง นั่นคือสิ่งที่น่าเศร้า” เวอร์เรนนี่กล่าว

ล่าสุดมีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในปี 2021 ว่าสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมากในภูมิภาคของบอตสาวานา และการที่ช้างหยุดเสียชีวิตเมื่อแหล่งน้ำแห้งบ่งบอกว่าอาจเป็นเชื้อโรคที่มากับน้ำ เมื่อเกิดการหมุนเวียนของทะเลสาบ แหล่งจึงน้ำเต็มไปด้วยของเสียจากสัตว์ และช้างอาจกินน้ำที่ลึกกว่าสัตว์อื่นจะกินได้โดยงวง นั่นอาจเป็นสาเหตุที่ช้างได้รับผลกระทบ แต่สัตว์อื่นไม่ได้รับผลกระทบเช่นนั้น

ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง จะต้องมีการตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวอยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบต้องได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลบอตสวานาด้วย ผู้เชี่ยวชาญหลายคนแสดงความกังวลว่าการสูญเสียอาจเกิดขึ้นอีกเมื่อไหร่ก็ได้ และหากสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินเป็นผู้ร้ายจริง อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกจะทำให้มันบานสะพรั่งได้ทุกที่ และนั่นจะเป็นภัยไม่เพียงแต่กับสัตว์เท่านั้น แต่รวมถึงมนุษย์ด้วยเช่นกัน

โจเซฟ โอโคริ (Joseph Okori) อดีตหัวหน้าหน่วยสัตวแพทย์กล่าวว่า มันคือ “คำเตือนที่ไม่ใช่เพียงบอตสวานาเท่านั้น แต่เป็นคำเตือนสำหรับพวกเราทุกคน”

สืบค้นและเรียบเรียง วิทิต บรมพิชัยชาติกุล

ที่มา

https://www.nationalgeographic.com/animals/article/we-still-dont-know-why-more-than-400-elephants-died-in-botswana

Recommend