พบซากเต่ากาลาปากอสที่ใกล้สูญพันธุ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่กังวลอาจกำลังถูกล่าและกินโดยมนุษย์
สำนักงานอัยการสูงสุดของเอกวาดอร์ได้เปิดการสืบสวนสอบสวนการตายของเต่ายักษ์ 4 ตัวในหมู่เกาะกาลาปากอสหลังพบซากของพวกมันบนเกาะนี้ สร้างความกังวลว่าสิ่งมีชีวิตใกล้สูญพันธุ์เหล่านี้อาจถูกล่าและกินโดยมนุษย์ เนื่องจากเคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาแล้ว
ปัจจุบันเต่ายักษ์ในหมู่เกาะกาลาปากอสนั้นมี 15 สายพันธุ์ และทั้งหมดนั้นถูกจัดอยู่ในรายชื่อบัญชีแดงขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์หรือ International Union for Conservation of Nature (IUCN) ว่ามีความเสี่ยงใกล้สูญพันธุ์ที่สุด จากที่เคยมีอยู่กว่า 200,000 ตัวในปี 1800 กลับมีจำนวนลดลงเหลืออยู่เพียง 15,000 ตัวจากการถูกมนุษย์ล่าและพื้นที่หาอาหารที่ลดลง
แม้เอกวาดอร์จะประกาศว่าการล่าเต่ายักษ์เหล่านี้เป็นเรื่องผิดกฎหมาย และอยู่ในหมู่เกาะกาลาปากอสที่ได้รับการคุ้มครองในฐานะอุทยานแห่งชาติตั้งแต่ปี 1933 แต่ก็ยังเกิดเหตุการณ์อันน่าสลดอยู่
โดยล่าสุดเกิดเมื่อเดือนกันยายน ปี 2021 เมื่อเจ้าหน้าที่พบซากเต่ายักษ์จำนวน 15 ตัว หลักฐานที่รวบรวมได้ในเวลานั้นชี้ว่าเต่าผู้โชคร้ายเหล่านี้ถูกล่าโดยมนุษย์เพื่อเอาเนื้อของมัน นอกจากนี้ในเดือนมีนาคม ปี 2021 เจ้าหน้าที่ยังพบลูกต่ากว่า 185 ตัวในกระเป๋าเดินทางที่สนามบินเตรียมที่จะถูกลักลอบออกนอกประเทศอีกด้วย
“นี่ไม่ใช่เหตุการณ์ครั้งแรก ในเดือนกันยายนปีที่แล้ว เราพบซากเต่ายักษ์ 15 ตัวในสายพันธุ์ย่อยที่ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง ‘chelonoidis guntheri’ ในเกาะอิซาเบลา จากการตรวจสอบหลักฐานพบว่าสัตว์ดังกล่าวถูกล่าเพื่อการบริเโภค” แถลงการณ์ระบุและเสริมว่าองค์กร “ขอประณามอย่างรุนแรงต่อการล่าและกินเต่ายักษ์เหล่านี้เป็นอาชญากรรมต่อสิ่งแวดล้อม”
การค้นพบซากเต่ายักษ์อีก 4 ตัวในครั้งนี้ได้สร้างความกังวลอย่างยิ่งว่าจะยังคงมีการลักลอบล่าเพื่อนำไปจำหน่ายในตลาดมืดอยู่ ทางเจ้าหน้าที่รัฐกล่าวว่าปัจจุบันทีมงานที่ประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญในการชันสูตรศพสัตว์ นักสืบ และหน่วยงานพิเศษด้านอาชญากรรมสิ่งแวดล้อมกำลังทำการสืบสวนจากเจ้าหน้าที่อุทยาน “เราต้องปกป้องเต่ายักษ์และระบบนิเวศของพวกเขา” แถลงการณ์กล่าว
เต่ายักษ์แห่งหมู่เกาะกาลาปากอสเหล่านี้เคยเป็นแรงบันดาลใจจองชาลส์ ดาร์วินในการเขียนหนังสือของทฤษฎีวิวัฒนาการอันโด่งดังเรื่อง ‘On the Origin of Species’ หรือ ‘กำเนิดสปีชีส์’ ในภาษาไทย โดยดาร์วินได้นำเต่าเหล่านี้เดินทางไปกับเรือบีเกิลของเขาด้วยอีกว่า 30 ตัว ซึ่งส่วนใหญ่ถูกกินโดยลูกเรือ ในบันทึกของวิลเลียม แดมเปียร์ โจรสลัดชาวอังกฤษในยุคศตวรรษที 17 เคยบรรยายพวกมันไว้ว่า “ตัวใหญ่และอ้วนเป็นพิเศษ มีรสหวานมากจนไม่มีไก่ชิ่นไหนที่อร่อยกว่า”
หากพวกมันไม่ถูกล่า เต่ายักษ์ที่แสนอ่อนโยนเหล่านี้สามารถมีอายุได้ยาวนานถึง 100 ปี แต่เมื่อนักล่าวาฬและโจรสลัดมาถึงหมู่เกาะนี้เป็นครั้งแรก พวกเขาก็ลดจำนวนเต่าลงไปกว่าร้อยละ 85 สัตว์ที่เคลื่อนไหวเชื่องช้านี้ก็กลายเป็นสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์อย่างมากและหาได้ยากยิ่ง
สืบค้นและเรียบเรียง วิทิต บรมพิชัยชาติกุล
ที่มา