“แร้งต้องเป็นสัตว์ที่ผู้คนดูถูกเหยียดหยามมากที่สุดชนิดหนึ่งในโลกแน่ๆ”
คำว่า “แร้ง” หรือ “vulture” ในภาษาอังกฤษเองก็เป็นคำพ้องความหมายเรียกคนละโมบโลภมากที่ชอบเอารัดเอาเปรียบ ในแง่หนึ่ง ชื่อเสียงแย่ๆ ของแร้งเป็นเรื่องเข้าใจได้ ประการแรก พวกมันทั้งไม่น่ารักไม่น่ากอด ไหนจะท่าทางที่ดูงองุ้ม หัวก็ล้าน ตาก็ขมึงทึง พวกมันใช้เวลาทั้งวันกินซากสัตว์ แถมวิธีการกินก็ชวนสะอิดสะเอียน โดยจะมุดเข้าไปในซากสัตว์ตามจุดอ่อนนุ่ม เช่น ปาก จมูก และทวารหนัก
“แร้งมีปัญหาด้านภาพลักษณ์แน่นอนที่สุดค่ะ” ดาร์ซี โอกาดา นักสำรวจของเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก และผู้อำนวยการโครงการแอฟริกาในสังกัดกองทุนเพเรกริน องค์กรอนุรักษ์ไม่แสวงกำไร บอกและเสริมว่า นกหัวล้านที่กำลังสอดจะงอยปากเข้าไปในก้นของวิลเดอบีสต์ไม่ใช่ภาพปกนิตยสารที่น่าดึงดูดที่สุดแน่ๆ”
ปัญหาด้านพีอาร์ของนกชนิดนี้มีผลพวงถึงโลกแห่งความเป็นจริง เพราะทำให้พวกเรามองข้ามพฤติกรรมน่าทึ่งและบทบาทสำคัญของแร้งในระบบนิเวศของเรา หากปราศจากแร้ง สิ่งเลวร้ายจะเกิดตามมา นกเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นพนักงานทำความสะอาดของธรรมชาติ คอยกำจัดซากสัตว์เน่าเปื่อยและป้องกันการแพร่กระจายของโรค

ลองพิจารณาสถานการณ์เลวร้ายในอินเดียดูก็ได้ ย้อนหลังไปสามทศวรรษก่อน แร้งเกือบหายไปจากที่นั่นหลังจากพวกมันนับล้านตัวได้รับสารพิษโดยไม่ตั้งใจจากยาที่ใช้กับวัว ซึ่งปรากฏว่าเป็นพิษต่อแร้ง ผลที่ตามมาคือ พื้นที่ชนบทของอินเดียเกลื่อนกล่นไปด้วยซากสัตว์เน่าเปื่อยเต็มไปด้วยเชื้อโรค ซึ่งปนเปื้อนแม่น้ำลำธารและแหล่งน้ำดื่มและยังส่งผลให้จประชากรสุนัขจรจัดที่เป็นพาหะของโรคพิษสุนัขบ้าพุ่งสูงขึ้น ผลการศึกษาเมื่อไม่นานมานี้ในวารสาร American Economic Review เผยว่า การลดลงของประชากรแร้งเชื่อมโยงกับการเสียชีวิตของมนุษย์ที่เพิ่มมากขึ้นกว่าครึ่งล้านรายในกลุ่มตัวอย่างประชากรอินเดียกลุ่มหนึ่งระหว่างปี 2000 ถึง 2005
ในโลกที่สมบูรณ์แบบ การหายไปของประชากรแร้งต้องถือเป็นประเด็นอนุรักษ์ที่มีความสำคัญในลำดับต้นๆ แต่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น เกือบทั้งหมดของงบสนับสนุนการอนุรักษ์ทั่วโลก ถูกจัดสรรให้สัตว์ระดับท็อปไม่กี่ชนิด ซึ่งมักเป็นสัตว์ขนาดใหญ่อย่างแรด ช้าง และกอริลลา “งานอนุรักษ์ที่เหลือได้รับแค่เพียงเศษเงินค่ะ” โอกาดากล่าว สัตว์ที่ต้องต่อสู้เพื่อแย่งชิงเศษเงินดังกล่าวได้แก่พวกที่คุณอาจเรียกว่า ชนิดพันธุ์นอกสายตาหรือพวกถูกมองข้าม เรากำลังพูดถึงสัตว์อย่างแร้ง ตุ่นหนูไร้ขน และลิงจมูกงวง พวกมันไม่สวยงาม สีสันไม่สดใสน่าดึงดูด มักทำอะไรน่าสะอิดสะเอียนอย่างกินอุจจาระ ซึ่งเป็นพฤติกรรมของตุ่นหนูไร้ขน
พวกมันคือขั้วตรงข้ามของเหล่าไอคอนแห่งวงการอนุรักษ์ เช่น สิงโต แพนดา เพนกวิน และยีราฟ ที่มักแสดงนำในสารคดีโลกธรรมชาติ ปรากฏโฉมบนกล่องผลิตภัณฑ์ และได้บทเด่นในภาพยนตร์การ์ตูน นักอนุรักษ์เรียกชนิดพันธุ์ดารา หรือเหล่า “เอ-ลิสต์” เหล่านี้ว่า สัตว์ใหญ่รวยเสน่ห์ หรือชนิดพันธุ์เรือธง การศึกษาหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่า พวกมันได้รับส่วนแบ่งจากเงินบริจาคอย่างเกินหน้าเกินตา ดังที่การศึกษาชิ้นหนึ่งระบุว่า “เสน่ห์ของสัตว์มีอิทธิพลเหนือกว่าสถานะใกล้สูญพันธุ์” ในจำนวนสัตว์มีกระดูกสันหลังที่อยู่ในบัญชีชนิดพันธุ์ถูกคุกคามมีสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกรวมอยู่ถึงร้อยละ 25 แต่พวกมันได้รับเงินสนับสนุนเพียงร้อยละ 2.5 ไม่มีใครอยากพะเน้าพะนอหรือบริจาคเงินให้กบตัวลื่นๆ นี่เป็นเพียงตัวอย่างเดียวเท่านั้น

ต้องมีอะไรบ้างถึงจะเป็นสัตว์ระดับวีไอพีได้ จะช่วยได้มากถ้าคุณน่ารัก มีขนปกปุย ตัวใหญ่ยักษ์ และ/หรือประดับเรือนร่างด้วยเสื้อนอกสวยสะดุดตา ลองนึกถึงลวดลายน่าสนใจของเสือดาวกับม้าลายดู
ความน่ารักเป็นแรงดึงดูดที่ทรงพลังเป็นพิเศษ เพราะถูกโปรแกรมไว้ในสมองของเรา “สิ่งที่เราเห็นว่าน่ารักในสัตว์ต่าง ๆ มักเป็นสิ่งเดียวกันกับที่เราเห็นว่าน่ารักในเด็กวัยอ่อน เช่น ตาคู่โตในตำแหน่งมองตรงไปข้างหน้า แกบบีซาลาซาร์ นักสังคมศาสตร์สิ่งแวดล้อมและนักสำรวจของเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก กล่าว พวกเราได้รับการออกแบบทางพันธุกรรมให้รักและฟูมฟักเด็กอ่อน และสัตว์ที่ดูเหมือนเด็กอย่างแพนดาเลยพลอยได้อานิสงส์ไปด้วย การอยู่ในกลุ่มชนิดพันธุ์เอ-ลิสต์ยังมาพร้อมผลประโยชน์อีกอย่างที่นักจิตวิทยาเรียกว่า กระบวนการคิดเชิงเทิดทูน (halo effect) ซึ่งหมายถึงแนวโน้มที่เราจะเติมคุณลักษณะเชิงบวกให้กับคนหรือสัตว์หน้าตาดี เช่น มองว่ามีคุณธรรมโดยไม่มีหลักฐานหรือเหตุผลรองรับ
แต่ในความเป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ หน้าตาสวยงามไม่ได้หมายความว่ามีความเมตตากรุณาหรือความกล้าหาญ และหน้าตาน่าเกลียดก็ไม่ได้หมายถึงว่ามีความชั่วร้ายหรือขี้ขลาด
แล้วเราจะแก้ปัญหาด้านพีอาร์นี้อย่างไร เราทำอะไรได้บ้างเพื่อให้บรรดาชนิดพันธุ์นอกสายตาในอาณาจักรสัตว์ได้รับความสนใจและส่วนแบ่งจากงบการอนุรักษ์ที่พวกมันสมควรได้มากขึ้น ซาลาซาร์บอกว่า กุญแจสำคัญประการหนึ่งคือ การบอกเล่าเรื่องราวที่ดีกว่าเดิม อันดับแรกเลยคือ เราสามารถเน้นย้ำถึงประโยชน์ต่างๆ ที่สัตว์เหล่านี้มอบให้ เช่น บทบาทของนกแร้งในการกำจัดขยะเป็นต้น
อีกกลยุทธ์หนึ่งคือการปรับมุมมองที่มีต่อลักษณะที่ถูกมองว่าเป็นข้อด้อยของสัตว์เหล่านี้เสียใหม่ ตัวอย่างเช่น หัวโล้นล้านที่ดูไม่โสภาของแร้งนั้น แท้จริงแล้วเป็นกลไกอันชาญฉลาดที่ป้องกันไม่ให้เชื้อโรคสะสมอยู่ในขนของพวกมันขณะกินซากสัตว์ ความเกียจคร้านที่สลอทมักถูกกล่าวหา อันที่จริงเป็นการปรับตัวอันชาญฉลาดในทางวิวัฒนาการ ความเชื่องช้าของมันเป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมในการอยู่รอดด้วยอาหารให้พลังงานต่ำที่ประกอบด้วยใบไม้เป็นส่วนใหญ่ ตุ่นหนูไร้ขนอาจดูเหมือนไส้กรอกเหี่ยวย่น แต่เจ้าสัตว์แปลกประหลาดนี้วิวัฒน์จนสามารถอยู่รอดในสภาพไร้ออกซิเจนได้นานถึง 18 นาที

อีกแนวทางหนึ่งคือเจาะจงศึกษาลงไปถึงความประหลาดของสัตว์เหล่านี้เสียเลย ซาลาซาร์บอกว่า ตอนนี้มีงานวิจัยใหม่ๆ เกี่ยวกับสิ่งที่เรียกกันว่าสัตว์ “น่ารัก-น่าชัง” อยู่จำนวนหนึ่ง “สัตว์น่ารักน่าชังก็คือพวกสัตว์ที่ประหลาดสุดๆ หรือไม่ได้ดูน่ารักแบบเหมารวมจนกลายเป็นดูตลกและทำให้เรายิ้มและหัวเราะได้น่ะค่ะ” เธออธิบายและเสริมว่า “บางชนิดก็พิสดารมากจนได้รับประโยชน์จากปรากฏการณ์น่ารักน่าชังนี้ “ตัวอย่างที่หนึ่งคือปลาบล็อบฟิช ที่เป็นดาวเด่นในโลกอินเทอร์เน็ตด้วยหน้าตาทึ่มๆ น่าเกลียดน่าชังเคียงข้างคำบรรยายประมาณว่า “นี่แหละความรู้สึกของฉันในทุกวันจันทร์”
ซาลาซาร์อ้างถึงงานวิจัยล่าสุดชิ้นหนึ่งว่าด้วยลิงจมูกงวง และมีมในโลกออนไลน์เกี่ยวข้องหรือเชื่อมโยงอย่างไรกับการเพิ่มขึ้นของยอดบริจาคเพื่อคุ้มครองไพรเมตในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เหล่านี้ “ในยุคเศรษฐศาสตร์แห่งความสนใจอย่างทุกวันนี้ มีความแปลกใหม่และอารมณ์ขันจำนวนหนึ่งที่เราฉวยมาใช้ให้เป็นประโยชน์ได้ค่ะ” เธอบอก
ฉะนั้นเรามาช่วยกันเริ่มการปฏิวัติกันดีกว่า ถึงเวลาแล้วที่จะโอบรับเหล่าดาราผู้ถูกมองข้าม ซึ่งหวังไว้ในที่นี้ว่าวันหนึ่งเราจะได้เห็นตัวการ์ตูนตุ่นหนูไร้ขนบนกล่องซีเรียล ทีมฟุตบอลมหาวิทยาลัยนำชื่อแร้งไปใช้ และปลาบ็อบฟิชมีภาพยนตร์การ์ตูนค่ายพิกซาร์เป็นของตัวเอง สำหรับตอนนี้ เราขอเฉลิมฉลองลักษณะและพฤติกรรมชวนทึ่งและแปลกประหลาดของสัตว์โลกนอกสายตาเหล่านี้ไว้ในสารคดีเรื่องนี้ก่อน
เรื่อง เอ.เจ. เจคอบส์
ภาพถ่าย โจเอล ซาร์โทรี
แปล อัครมุนี วรรณประไพ