ค้างคาวโบราณตัวใหญ่กว่าค้าวคาวปัจจุบัน 3 เท่า
ก่อนจะไปพบกับ ค้างคาวโบราณ คุณผู้อ่านทราบหรือไม่ว่าเมื่อราว 50 ล้านปีก่อน บนผืนดินที่ปัจจุบันเป็นประเทศนิวซีแลนด์, ออสเตรเลีย, อเมริกาใต้ และแอนตาร์กติกา ล้วนเคยเป็นส่วนหนึ่งของมหาทวีปขนาดใหญ่อันอุดมสมบูรณ์ที่มีชื่อเรียกว่า กอนด์วานา อุณหภูมิเฉลี่ยในตอนนั้นอุ่นกว่าโลกของเราทุกวันนี้ เอื้อต่อการอยู่อาศัยของสัตว์หลากหลายสายพันธุ์ไม่ว่าจะเป็นจระเข้, เต่าบก รวมไปถึงนกมากมาย
บนพื้นที่ที่จะกลายมาเป็นเกาะใต้ของประเทศนิวซีแลนด์ปัจจุบัน ระบบนิเวศอันซับซ้อนหลากหลายก่อตัวขึ้นล้อมรอบทะเลสาบในยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่มีชื่อว่า ทะเลสาบมานูเฮรีคีอา (Manuherikia) ในพื้นที่ที่มีขนาดเทียบเท่ากับรัฐพรินซ์เอ็ดเวิร์ดไอแลนด์ ของแคนาดา สิ่งมีชีวิตมากมายเติบโตสืบพันธุ์กันมาหลายชั่วอายุ จนกระทั่งเมื่ออุณหภูมิของโลกเริ่มลดลง ความชุ่มชื้นเหือดหาย และในที่สุดทะเลสาบก็เหือดแห้งไป
ข้ามเวลามายังปัจจุบัน หลัง 15 ปีของการสำรวจและวิจัย ทีมนักวิทยาศาสตร์นานาชาติประกาศการค้นพบค้างคาวขุดดินขนาดยักษ์ที่เคยมีชีวิตอยู่บนท้องฟ้าและพื้นดินของมหาทวีปกอนด์วานา รายงานการค้นพบครั้งนี้ซึ่งนำทีมโดยมหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ถูกเผยแพร่ลงในวารสาร Scientific Reports เมื่อวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา
(อ่านเรื่องทะเลสาบโบราณในนิวซีแลนด์เพิ่มได้ ที่นี่ )
การค้นพบที่ยิ่งใหญ่
ฟอสซิลที่ถูกค้นพบเป็นสายพันธุ์สัตว์ที่มีชื่อว่า Vulcanops jennyworthyae โดยสิ่งที่พวกเขาค้นพบเป็นเศษกระดูกและฟันของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ใช้ชีวิตบนต้นไม้และคลานไปมาบนพื้นดินบ้างเป็นครั้งคราว นักวิทยาศาสตร์คาดว่าเจ้าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตัวนี้น่าจะมีชีวิตอยู่เมื่อ 19 – 16 ล้านปีก่อน ถูกพบในตะกอนของพื้นที่ส่วน Central Otago บนเกาะใต้ และน่าจะมีน้ำหนักไม่ถึง 40 กรัม ส่วนขนาดตัวนั้นใหญ่กว่าค้างคาวปัจจุบันประมาณ 3 เท่า
(ไม่ใช่แค่ค้างคาวโบราณที่มีขนาดใหญ่กว่า นากโบราณเองก็มีขนาดใหญ่กว่าปัจจุบัน อ่านเพิ่มเติมได้ ที่นี่ )
ค้างคาวโบราณอาจถูกล่าจากผู้ล่าที่อาศัยอยู่ในท้องฟ้าหรือบนดิน นั่นจึงทำให้มันวิวัฒน์ให้ตนเองมีฟันพิเศษขนาดใหญ่ที่ช่วยให้พวกมันใช้ขุดดินใต้บรรดาดอกไม้ต้นไม้เพื่อใช้หลบภัย สำหรับอาหารเจ้าค้างคาวโบราณนี้กินแมลงทุกอย่าง รวมถึงแมงมุม และดอกไม้ ผลไม้ รวมถึงน้ำจากเกสรดอกไม้ด้วย เมื่อเปรียบเทียบกับค้างคาวหางสั้นสายพันธุ์อื่นในนิวซีแลนด์ ค้างคาวโบราณสายพันธุ์นี้แสดงให้เห็นถึงโภชนาการของมัน ซึ่งคล้ายคลึงกับสายพันธุ์ค้างคาวญาติของมันในทวีปอเมริกาใต้มากกว่า ในขณะที่สายพันธุ์ญาติอื่นๆ ของมันได้แก่ ค้างคาวแวมไพร์ และค้างคาวโกสต์เฟซซึ่งล่าปลา, กบ และน้ำจากเกสรดอกไม้เป็นอาหาร
ชิ้นส่วนกระดูกที่ยังคงเหลืออยู่ของมันทำให้นักวิทยาศาสตร์คาดว่าสายพันธุ์โบราณนี้น่าจะเป็นค้างคาวขุดดินที่มีขนาดใหญ่ที่สุด นอกจากนั้นยังเป็นการค้นพบค้างคาวชนิดใหม่ของภูมิภาค ในรอบ 150 ปีอีกด้วย
“ซากดึกดำบรรพ์ของค้างคาวและสัตว์อื่นๆ ที่ถูกค้นพบแสดงให้เห็นว่าในอดีตนิวซีแลนด์เต็มไปด้วยความหลากหลายของสายพันธุ์สัตว์มีขนมากมายควบคู่ไปกับนก” Trevor Worthy ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัย Flinders กล่าวระหว่างการแถลงข่าว
ประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย
เช่นเดียวกับสัตว์อื่นๆ ในยุคสมัยเดียวกับมัน ค้างคาว Vulcanops สูญพันธุ์ไปในช่วงต้นของยุคสมัยไมโอซีน สัตว์อื่นๆ ที่เผชิญกับชะตากรรมเช่นเดียวกับมันก็ได้แก่สัตว์สายพันธุ์จำพวกจระเข้, เต่า, และนกบางชนิดเช่น นกฟลามิงโกโบราณที่มีชื่อว่า palaelodid, นกนางแอ่น, นกพิราบ, นกแก้วและนกที่อาศัยอยู่ตามชายฝั่ง ในขณะที่สัตว์บางชนิดอย่าง กิ้งก่าทัวทาราและนกกีวียังคงอยู่รอดมาได้จนถึงปัจจุบัน
ทุกวันนี้ในนิวซีแลนด์เหลือค้างคาวสายพันธุ์ท้องถิ่นเพียงสองชนิดเท่านั้น สถานที่ที่เดียวที่ค้างคาวขุดดินยังคงพบเห็นได้ เพราะในช่วง 800 ปีที่ผ่านมา มนุษย์ได้นำเอาสัตว์สายพันธุ์ต่างถิ่นเข้ามา ส่งผลให้สัตว์สายพันธุ์ดั้งเดิมได้รับผลกระทบอย่างมาก (ในนิวซีแลนด์ยังมีการค้นพบเพนกวินโบราณ อ่านเพิ่มได้ ที่นี่ )
เรื่อง Elania Zachos
อ่านเพิ่มเติม