นักสำรวจพบหน้ากากหยกสุดสวยงามที่สุสานกษัตริย์ชาวมายาในบราณสถาน Chochkitam ในเมือง Petén ประเทศกัวเตมาลา ช่วยให้ความรู้ใหม่เกี่ยวกับสังคมยุคโบราณ
การค้นพบอารยธรรมมายาในกัวเตมาลา
อารยธรรมมายามีความเก่าแก่ราว 3,000 ปี ครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่ในภูมิภาคอเมริกากลาง ซึ่งรวมถึงทางตอนใต้ของเม็กซิโก พื้นที่ของประเทศฮอนดูรัส กัวเตมาลา และ เบลิซ เกือบทั้งหมด โดยโครงการสำรวจกัวเตมาลาเริ่มต้นขึ้นในปี 2015 ก่อนที่จะค้นพบเมืองอารยธรรมมายาแห่งใหญ่ในป่าเมื่อปี 2018
คณะนักวิจัยใช้การยิงแสงเลเซอร์จากเครื่องบินกับเฮลิคอปเตอร์ลงไปยังพื้นที่สำรวจ 2,100 ตารางกิโลเมตร เพื่อตรวจสอบบริเวณที่เป็นป่าทึบ โดยข้อมูลดิจิทัลที่ได้จากการสะท้อนกลับของแสงเลเซอร์ ได้เผยให้เห็นแท่นหินที่เป็นรากฐานของอาคารบ้านเรือนกว่า 60,000 หลัง รวมทั้งโครงสร้างของพีระมิดขนาด 7 ชั้น ป้อมปราการ กำแพงเมือง คูน้ำ และทางยกระดับขนาดใหญ่เพื่อการสัญจรไปมา
ทั้งนี้ โครงการ LIDAR ได้นำข้อมูลจากแสงเลเซอร์มาสร้างเป็นแผนที่ 3 มิติ ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ที่ผ่านมานักโบราณคดีประเมินความยิ่งใหญ่และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของอารยธรรมมายาต่ำเกินไป ทั้งที่จริงแล้วอาณาจักรของชาวมายามีอาณาเขตกว้างขวางกว่าที่คาด 3-4 เท่า และอาจมีประชากรสูงสุดถึง 15 ล้านคน ซึ่งเทียบได้กับความเจริญของอารยธรรมกรีกและจีนโบราณ
ต่อมาในปี 2023 นักวิจัยได้เปิดเผยแผนที่จำลองของเมืองโบราณที่ถูกขนานนามว่า เอลมิราดอร์ ที่ตั้งอยู่ในแห่งอุดมสมบูรณ์บริเวณที่ราบลุ่มชื่อ มิราดอร์ คาลัคมูลคาร์ส ซึ่งทีมนักโบราณคดีเชื่อว่าชาวมายาเลือกตั้งถิ่นฐานที่บริเวณนี้เนื่องจากมีทั้งพื้นที่สูงและพื้นที่ต่ำ โดยพื้นที่สูงเหมาะสำหรับสร้างแหล่งพักพิง ขณะที่พื้นที่สูงยังมีแหล่งหินปูนซึ่งชาวมายาใช้เป็นวัสดุหลักในการก่อสร้าง ส่วนพื้นที่ต่ำนั้นมีดินอุดมสมบูรณ์เหมาะสำหรับการเกษตรกรรม และยังมีแหล่งน้ำใกล้เคียงไว้ใช้อุปโภคบริโภค
อย่างไรก็ตาม นักวิจัยคาดว่าเมืองเอลมิราดอร์มีอายุประมาณ 1,000 ถึง 250 ปีก่อนคริสตกาล ก่อนหน้าที่อารยธรรมมายาจะรุ่งเรืองถึงขีดสุด ครอบคลุมพื้นที่ 1,700 ตารางกิโลเมตร ประกอบไปด้วยพีระมิดสูง 55 เมตร พระราชวัง สนาม คลอง อ่างเก็บน้ำ และที่อยู่อาศัยนับพันแห่ง และยังมีถนนยกระดับสูง 4 เมตร ยาว 177 กิโลเมตร เปรียบเสมือนเป็น ‘ทางหลวง’ เชื่อม 417 หมู่บ้านเข้าด้วยกัน เพื่อให้ผู้คนเดินทางไปไหนมาไหนเหนือหนองน้ำได้อย่างสะดวก
ชาวมายาโบราณเรียกถนนยกระดับนี้ว่า Sacebe ที่แปลว่าถนนสีขาว เพราะถนนยกระดับถูกฉาบด้วยปูนปลาสเตอร์สีขาว ซึ่งถนนสีขาวนี้อาจสะท้อนแสงดวงจันทร์ในยามค่ำคืนได้เป็นอย่างดี ซึ่งช่วยเพิ่มการมองเห็นถนนในเวลากลางคืนได้
การค้นพบหน้ากากหยกของกษัตริย์นิรนาม
เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า กัวเตมาลา คือหนึ่งในชาติแห่งอารยธรรมโบราณ โดยเฉพาะของชาวมายาหรือชนเผ่ามายา อัญมณีกลางผืนป่าอเมริกากลาง อาณาจักรที่เคยรุ่งโรจน์ที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ยุคหนึ่ง ล่าสุดมีการค้นพบ หน้ากากหยก อันสวยงามของกษัตริย์นิรนามในพีระมิดที่โชกกีทัม (Chochkitam)
โชกกีทัม คือโบราณสถานที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก ถูกปกคลุมไปด้วยป่าฝนและใบไม้ ไม่น่าเป็นไปได้ที่จะมีการค้นพบทางโบราณคดีที่น่าทึ่ง การค้นพบครั้งนี้จึงสร้างความฉงนให้กับบรรดานักวิจัยและนักโบราณคดีทั่วโลก
หน้ากากหยกชิ้นดังกล่าวมีขนาดเล็ก สีออกเขียวอำพัน สภาพค่อนข้างสมบูรณ์ ทำจากหยก ถูกวางไว้บนหีบของกษัตริย์ลึกลับในโบราณสถานโชกกีทัม ที่เคยถูกโจรปล้นหลุมศพไป
สิ่งที่น่าประหลาดใจคือ ทำไมโจรที่ปล้นหลุมศพจึงไม่ขโมยสิ่งนี้ไป เช่นเดียวกับสมบัติอื่นๆ ภายในห้องชั้นในของพีระมิดที่สามารถมองเห็นได้ง่าย กลับยังไม่เคยถูกใครแตะต้อง เมื่อนักโบราณคดีไปเข้าไปในพื้นที่พวกเขาจึงตื่นตะลึงกับวัตถุโบราณมากมายในสุสาน
นักโบราณคดีเชื่อว่า หน้ากากหยกเป็นของกษัตริย์ชาวมายาองค์หนึ่ง บอกเล่าเรื่องราวอันน่าทึ่งของการอุทิศตนทางศาสนาและการสืบราชสันตติวงศ์ในช่วงต้นยุคคลาสสิกของชาวมายาเมื่อเกือบ 1,700 ปีที่แล้ว รวมทั้งช่วยทำให้ทฤษฎีที่ว่าราชวงศ์มายาในยุคนั้นอาจตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของราชวงศ์เมโสอเมริกาที่มีอำนาจยิ่งกว่าแข็งแรงยิ่งขึ้น
พีระมิดกับโลงศพกษัตริย์ชาวมายา
พื้นที่ราบลุ่มทางตะวันออกเฉียงเหนือของกัวเตมาลาที่ล้อมรอบด้วยเม็กซิโกและเบลีซเป็นรู้จักมาตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 ถูกมองข้ามจากนักโบราณคดีทั่วโลก เหตุผลส่วนหนึ่งคือช่วงเวลาที่เกิดขึ้นของยุคมายาคลาสสิก ครอบคลุมตั้งแต่ประมาณคริสตศักราช 250 ถึง 900 ซึ่งแสดงถึงจุดสูงสุดของอารยธรรม มีหลักฐานน้อยมาก โดยหลักฐานส่วนใหญ่ถูกทำลายจากกลุ่มโจรปล้นแหล่งโบราณคดีในอเมริกาใต้
ในปี 2021 ด้วยการใช้เทคโนโลยี LIDAR ทำให้พบหลักฐานที่ชี้ให้เห็นว่า พวกโจรได้ขุดอุโมงค์เข้าไปในพีระมิดของราชวงศ์ที่ดูเหมือนอยู่ในใจกลางอนุสาวรีย์ของเมือง แต่นักโบราณคดีเจอจุดที่พวกโจรมองข้ามไป จึงตัดสินใจขุดเข้าไปภายใต้พีระมิดก่อนจะได้พบกับสุสานและหน้ากากของกษัตริย์
แม้ว่าด้านบนของโลงศพจะพังลง แต่พวกเขาก็พบเครื่องบูชาที่มาพร้อมกับพิธีฝังศพหลายชิ้น อาทิ หม้อ ภาชนะต่างๆ เปลือกหอยนางรมขนาดใหญ่ที่ประกอบจากกระดูกหลายชิ้น และกลุ่มเครื่องประดับหยกแวววาวที่จัดเรียงอย่างดี เมื่อนำมาต่อกันจึงพบว่ามันคือ หน้ากากหยก
ในห้องแล็บในช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2022 มีการพบก้อนหยกที่นักโบราณคดีรู้จักกันในชื่อ เทสเซเรียในสถานที่อื่นๆ ของโบราณสถานชาวมายา โดยเชื่อว่าเป็นหน้ากากโมเสกสำหรับฝังศพของคนในราชวงศ์มายา ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ราชาเป็นตัวแทนของเทพเจ้าในโลกหลังความตายคล้ายๆ กับราชวงค์อียิปต์ โดยหน้ากากจะสื่อถึงความมั่งคั่งและอำนาจของผู้สวมใส่
Alexandre Tokovinine นักโบราณคดีจากมหาวิทยาลัยอลาบามาที่เชี่ยวชาญด้านการเขียนอักษรมายา ถอดรหัสปริศนาเกี่ยวกับหน้ากากชิ้นนี้และตัวตนของกษัตริย์ในสุสานว่าเชื่อมโยงกัน โดยคาดว่าหน้ากากคือสัญลักษณ์ที่สื่อถึงเทพแห่งพายุที่ชนเผ่ามายาโบราณบูชา ทว่า ยังมีอะไรอีกมากมายให้เรียนรู้เกี่ยวกับกษัตริย์แห่ง Chochkitam ตัวตนของเขายังคงเต็มไปด้วยความลึกลับ เพราะมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์น้อยมาก โดยเฉพาะความสัมพันธ์ของราชาองค์นี้กับผู้ปกครองคนอื่นๆ ในยุคคลาสสิกตอนต้นของชนเผ่ามายา
อนึ่ง นักโบราณคดีในพื้นที่ตั้งใจจะศึกษา DNA ของโครงกระดูกโบราณในสุสาน ไปจนถึงความเป็นไปได้ในการค้นหาสมบัติอื่นๆ ที่ฝังอยู่ในพีระมิดที่ถูกทิ้งร้างมากมายในกัวเตมาลา ซึ่งอาจไขความลับของอาณาจักรมายาได้มากขึ้นในอนาคต
สืบค้นและเรียบเรียง สิทธิโชติ สุภาวรรณ์
ภาพจาก UBÉN SALGADO ESCUDERO
ข้อมูลอ้างอิง
https://www.nationalgeographic.com/history/article/maya-jade-mask-carved-bone-discovery
https://www.thaipbs.or.th/news/content/325857