หนองน้ำ เล็กๆ ในป่าใหญ่ กำเนิดสรรพชีวิตสู่ธรรมชาติ

หนองน้ำ เล็กๆ ในป่าใหญ่ กำเนิดสรรพชีวิตสู่ธรรมชาติ

ฝนตามฤดูกาลเติมน้ำให้โอเอซิสขนาดเล็กที่เรียกว่า หนองน้ำ ฤดูใบไม้ผลิทำให้ชีวิตบานสะพรั่งอย่างฉับพลัน จากนั้นก็แห้งขอดไป จนกว่าจะถึงเวลาที่วัฏจักรประจำปีเริ่มทำงานอีกครั้ง

เส้นทางในป่าสนเฮมล็อกที่ฉันเดินไปนั้นนุ่มหยุ่นจากใบสนที่ร่วงหล่นลงมาทับถมกันนานปี เบื้องหน้ามีแสงเรืองรอง ราวกับเปลวไฟปะทุอยู่บนพื้นป่า แต่มันคือแสงอาทิตย์ที่ทอประกายออกมาจากที่โล่งในหมู่ไม้ ตรงนั้นมีหนองน้ำเล็กๆ สะท้อนแสงอาทิตย์กลับออกไป แหล่งน้ำตื้นๆนี้คือ หนองน้ำฤดูใบไม้ผลิ (vernal pool) นี่คือสิ่งที่ฉันมาตามหา

ในฤดูใบไม้ผลินั้น กลางวันยาวนาน อากาศยามบ่ายอบอุ่น น้ำในหนองเริ่มลดลงแล้ว หนองน้ำฤดูใบไม้ผลิพึ่งพาน้ำฝนและน้ำท่าที่ไหลลงมาจากที่ดอนในป่าเป็นหลัก หนองน้ำเหล่านี้ไม่มีทางน้ำเข้าออกถาวร มีขนาดเล็ก น้ำลึกเพียง หนึ่งเมตรหรือราวๆ นั้น และมักผุดขึ้นมาตามพื้นป่ารายล้อมไปด้วยผืนดิน เมื่ออากาศร้อนขึ้นและฝนฤดูใบไม้ผลิหยุดตก หนองก็สูญเสียน้ำให้กับการระเหยและรากของหมู่ไม้ที่อยู่รอบๆ พอถึงปลายฤดูร้อน หนองน้ำส่วนใหญ่ก็แห้งขอด นี่คือคุณสมบัติสำคัญของหนองน้ำฤดูใบไม้ผลิ เมื่อน้ำแห้ง ปลาก็ไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้ ส่งผลให้ตัวอ่อนกบ ซาลาแมนเดอร์ แมลงสารพัดชนิด และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ มีโอกาสเติบโตมากขึ้น

ไข่ซาลาแมนเดอร์ลายจุดซึ่งบางส่วนมีสาหร่ายที่จะกลายเป็นอาหารยังชีพเมื่อพวกมันฟักเป็นตัว ลอยอยู่ใกล้ผิวหนองน้ำฤดูใบไม้ผลิในรัฐเมน หนองน้ำที่ผุดขึ้นตามฤดูกาลเพราะได้รับน้ำจากน้ำฝน มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบนิเวศของป่า
กบป่าคู่หนึ่งผสมพันธุ์บริเวณน้ำตื้นในหนองน้ำฤดูใบไม้ผลิ ฝนช่วงเย็นที่ตกอย่างสม่ำเสมอและอุณหภูมิประมาณ 4 หรือ 5 องศาเซลเซียสกระตุ้นให้กบและซาลาแมนเดอร์จำนวนมากตื่นจากการจำศีล แล้วออกจากโพรงที่อาศัยในฤดูหนาว

ความที่ริมหนองเป็นรูพรุนคล้ายฟองน้ำและบนที่ดอนมีถิ่นอาศัยทั้งชื้นแฉะและแห้ง ซึ่งทั้งหมดเป็นสิ่งที่ ขาดไม่ได้ของระบบนิเวศหนึ่งๆ หนองน้ำเหล่านี้จึงเป็นแหล่งกำเนิดสรรพชีวิตของผืนป่า ต้นไม้และหนองน้ำมีความสัมพันธ์ ที่ถักทอกันอย่างแนบแน่น โดยต้นไม้ให้ร่มเงาที่ช่วยป้องกันไม่ให้หนองน้ำเหือดแห้งเร็วเกินไป และต้นไม้ยังทิ้งกิ่งก้าน ใบลงน้ำ กลายเป็นแหล่งอาหารอันอุดมแก่แบคทีเรียและแมลง เช่น ตัวอ่อนแมลงหนอนปลอกน้ำที่จะกลายเป็นอาหาร ของสัตว์อื่นต่อไป นกและค้างคาวที่อาศัยและทำรังในหมู่ไม้รอบๆ กินแมลงเป็นอาหาร และเมื่อสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก ตัวเต็มวัยและวัยอ่อนคืบคลานขึ้นสู่พื้นดิน จำนวนหนึ่งตกเป็นอาหารของสัตว์อื่น เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จากน้ำสู่พื้นดิน และสู่อากาศ สัตว์ที่อาศัยอยู่ในป่าเหล่านี้มีหนองน้ำเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตกันทั้งนั้น

งูการ์เตอร์
เต่าแบลนดิง

ในฤดูใบไม้ผลิ ฉันใช้สวิงปากเล็กๆ ช้อนไปตามก้นหนองน้ำฤดูใบไม้ผลิอย่างระมัดระวัง ยกสวิงขึ้นมา แล้วเทลงใน ชามแก้ว สัตว์สารพัดชนิดปรากฏให้เห็น
สัตว์มากมายที่พบในหนองน้ำเหล่านี้ใช้ชีวิตในแหล่งน้ำอื่นได้ดี แต่มีไม่กี่ชนิดที่ปรับตัวเข้ากับหนองน้ำอย่างเฉพาะเจาะจงเพื่อให้วัฏจักรชีวิตของพวกมันสมบูรณ์ พอถึงเดือนเมษายน น้ำแข็งละลายและฝนตกทั่วพื้นที่ ไรน้ำนางฟ้าฟักเป็นตัวในหนองน้ำ แล้วแหวกว่ายใต้แผ่นน้ำแข็งบางๆ ของฤดูใบไม้ผลิ ครัสเตเชียนตัวยาวประมาณ 2.5 เซนติเมตรเหล่านี้ว่ายน้ำโดยหงายด้านท้องขึ้น ใช้รยางค์บนท้องซึ่งช่วยให้พวกมันหายใจและรวมรวมอาหาร โบกพาตัวเองให้เคลื่อนที่ไปในน้ำ

ไรน้ำไม่เพียงมีวิวัฒนาการเพื่อเตรียมตัวรับการแห้งขอดในฤดูร้อน แต่ยังต้องการให้น้ำแห้งด้วย เมื่อเพศเมียปล่อยไข่ที่ได้รับการผสมออกจากถุง ไข่จะจมลงสู่ก้นหนองน้ำ พัฒนาเป็นเวลาสองสามวัน แล้วหยุดลง ไข่เปลือกแข็ง ฟองเล็กๆ นี้จะจมอยู่ในโคลนของหนองน้ำที่กำลังแห้งซึ่งมีใบไม้และเศษซากอินทรีย์อื่นๆ ทับถมอยู่เป็นชั้นๆ ไข่จะฟักเป็นตัวและเติบโตเมื่อฝนหวนกลับมา ชีวิตของไรน้ำสอดประสานกับฤดูกาลของหนองน้ำ

ฤดูใบไม้ผลิ
ฤดูร้อน
ฤดูใบไม้ร่วง
ฤดูหนาว

ในคืนที่ฝนฤดูใบไม้ผลิฉ่ำเย็นตกลงมา กบป่าตื่นจากการจำศีล ช่วงฤดูหนาวกบจำศีลในแอ่งตื้นๆ ใต้ใบไม้ หรือภายในต้นไม้ที่ล้มอยู่บนพื้นป่า พวกมันกระโดดไปตามพื้นดินที่ฉ่ำลื่นด้วยน้ำฝนไปยังหนองน้ำที่บางครั้ง ยังคงมีน้ำแข็งจับอยู่ตรงขอบ

กบมักเป็นสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกชนิดแรกที่ไปถึงหนองน้ำที่ใช้ผสมพันธุ์ กบป่าเพศผู้ร้องเรียกเพศเมีย ด้วยเสียงแหบแห้งคล้ายเป็ด เสียงร้องนี้เตือนเพศเมียว่า พิธีหาคู่ฤดูใบไม้ผลิเริ่มขึ้นแล้ว และสัตว์ผู้ล่าผู้หิวโหยจำนวนมาก ที่ทนทรหดผ่านฤดูหนาวอันยาวนานมาได้ก็ฟังเสียงประสานดังกล่าวอย่างตั้งใจเช่นกัน พิธีหาคู่ซึ่งอื้ออึงไปด้วยเสียงร้องแหบ เสียงน้ำกระเซ็น และเสียงร้องแหลมขณะเพศผู้แย่งกันคว้าตัวเพศเมียมากอดรัดเพื่อผสมพันธุ์นี้ เกิดขึ้นเป็นเวลาสั้นๆ เพศเมียปล่อยไข่ออกมาเป็นจำนวนมาก เพศผู้ที่เกาะหลังไว้แน่น ปล่อยอสุจิออกมาผสมกับไข่

กลางฤดูร้อน บัวงอกในหนองน้ำหลายแห่ง ช่วยให้ร่มเงาแก่สิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่อาศัยอยู่ในน้ำ
กบป่า
ช่วงฤดูผสมพันธุ์ในฤดูใบไม้ผลิ ซาลาแมนเดอร์ลายจุดวางไข่ไว้ตามกิ่งไม้ที่จมอยู่ใต้น้ำ

ซาลาแมนเดอร์ลายจุดปรากฏตัวช่วงกลางพิธีหาคู่ของกบ สมาชิกในวงศ์ซาลาแมนเดอร์โพรงเหล่านี้ใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตอยู่ใต้ผิวดิน ใต้มอสส์และใบไม้ และเปลือกไม้ ในโพรงที่เกิดจากรากไม้ที่ตายไปนานแล้ว และภายในลำต้น ที่ผุพังของไม้ล้ม ซาลาแมนเดอร์ต่างจากกบป่าตรงที่พวกมันใช้ชีวิตช่วงฤดูหนาวใต้ชั้นดินที่เป็นน้ำแข็ง โดยมักอยู่ในโพรงลึกที่หนูผีหางสั้นขุดไว้

ซาลาแมนเดอร์ผสมพันธุ์กันใต้น้ำ เป็นการกลุ้มรุมผสมพันธุ์อย่างเงียบๆ เพศผู้ปล่อยถุงบรรจุอสุจิรูปพีระมิด ที่เรียกว่าสเปอร์มาโตฟอร์ (spermatophore) ไว้บนใบไม้หรือกิ่งไม้เล็กๆ ที่ก้นหนองน้ำ เพศเมียว่ายมาคร่อม แล้วใช้ทวารร่วมครอบถุงหนึ่งเข้าไปผสมกับไข่ กลุ่มไข่ของซาลาแมนเดอร์ซึ่งติดอยู่กับกิ่งไม้ก้านไม้ มีรูปร่างคล้ายไต ผิวเรียบ และค่อนข้างโปร่งแสง มีชั้นเจลลีแข็งหุ้มอยู่ด้านนอก

หนองน้ำฤดูใบไม้ผลิเป็นโอเอซิสชั่วคราวให้สัตว์หลายชนิดได้พึ่งพาอาศัย อาทิ แมลงปอบึงลายวงแหวนซึ่งเป็นแมลงปอหายากชนิดหนึ่ง
ซาลาแมนเดอร์จุดฟ้าลูกผสม

เมื่อเติบใหญ่ขึ้น ตัวอ่อนซาลาแมนเดอร์กินแมลง ครัสเตเชียนขนาดเล็ก ลูกอ๊อดกบป่า และตัวอ่อน ซาลาแมนเดอร์ด้วยกัน ลูกอ๊อดกบป่ากินไข่สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกและซากสัตว์ แต่อาหารหลักของพวกมันคือสาหร่ายและแบคทีเรียที่เจริญเป็นแผ่นฟิล์มบางๆ โดยพวกมันจะเล็มกินจากผิวของพืชและเศษอินทรีย์อื่นๆ ในหนองน้ำ

กบป่าและซาลาแมนเดอร์ลายจุดตัวเต็มวัยเกือบทั้งหมดมีเป้าหมายจะกลับไปขยายพันธุ์ในหนองน้ำที่พวกมันถือกำเนิด แต่พวกวัยอ่อนน้อยตัวนักที่เป็นนักเดินทาง ในแต่ละปีจะมีจำนวนหนึ่งเปลี่ยนแปลงรูปร่าง ปีนออกจากหนองน้ำที่มันอยู่ แล้วเดินจากไป เป็นการนำพาพันธุกรรมไปยังหนองน้ำที่อยู่ไกลออกไปบนพื้นป่า

นกเค้าป่าลาย
กบป่าซึ่งอยู่ระหว่างการอพยพผสมพันธุ์ประจำปี
เต่าหลากสีวัยอ่อน

หนองน้ำฤดูใบไม้ผลิยังคงถูกมองข้ามต่อไป ผู้ปกป้องหนองน้ำอย่างแข็งขันที่สุด คือนักชีววิทยาผู้ศึกษาพวกมัน และผู้คนในเมืองและหมู่บ้านที่สนับสนุนการปกป้องหนองน้ำจากโครงการพัฒนาต่างๆ ในแถบตะวันออกเฉียงเหนือ ของสหรัฐฯ ขบวนการที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ เชิญชวนผู้คนในท้องถิ่นให้ออกมาในยามค่ำคืนเพื่อช่วยเหลือสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกข้ามถนนที่พลุกพล่านกลับไปยังหนองน้ำที่พวกมันถือกำเนิดในช่วงฝนแรกของฤดูใบไม้ผลิ

บางคนรับอาสาในการทำแผนที่หนองน้ำ ตรวจสอบชนิดพันธุ์ที่พบ และจดบันทึกรายละเอียดภูมิประเทศ ที่อยู่รอบๆ ผู้ที่ทำงานนี้รู้ว่า การอนุรักษ์หนองน้ำโดยไม่ปกป้องบริเวณชายขอบที่แผ่กว้างออกไป ตลอดจนส่วนที่เป็น ที่ดอน คือการอนุรักษ์เพียงน้อยนิด

ในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ ฝูงลูกอ๊อดว่ายน้ำอยู่ในหมู่ข้าวตอกฤาษี เศษใบไม้ และกิ่งไม้ที่ร่วงหล่นลงมาในหนองน้ำ ฤดูใบไม้ผลิ สัตว์ที่อาศัยอยู่ในน้ำเหล่านี้กินสาหร่าย แบคทีเรีย และอื่นๆ เป็นอาหาร และกลายเป็นอาหารของสัตว์ อื่นเช่นกัน
ภาพถ่ายทางอากาศแสดงหนองน้ำฤดูใบไม้ผลิขนาดใหญ่และภูมิประเทศโดยรอบในออโรรา รัฐเมน รัฐนี้มีพื้นที่ป่ามากกว่ารัฐอื่นๆ ในสหรัฐฯ หรือเกือบร้อยละ 90 ของพื้นที่

อะราม แคลฮูน ผู้เป็นเสียงหนึ่งที่มีพลังในความพยายามให้ความรู้เกี่ยวกับหนองน้ำฤดูใบไม้ผลิและการอนุรักษ์ ทุ่มเทหน้าที่การงานให้กับแหล่งน้ำชั่วคราวเหล่านี้ เธอเป็นนักชีววิทยาพื้นที่ชุ่มน้ำมากประสบการณ์และนักการศึกษาสิ่งแวดล้อม งานเขียนของเธอกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในนโยบายเกี่ยวกับพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีคุณค่าต่อรัฐเมนและที่อื่นๆ แคลฮูนยังร่วมมือกับนักชีววิทยาในหน่วยงานดูแลทรัพยากรธรรมชาติของเผ่าพีนอบสกอต เพื่อสนับสนุนการทำแผนที่หนองน้ำ ฤดูใบไม้ผลิบนที่ดินของชนเผ่า

ฉันกับเพื่อนบ้านได้เรียนรู้จากความพยายามเช่นนี้ เราเดินลุยฝนเดือนเมษายนไปด้วยกันบนถนนเส้นเล็กๆ พร้อมไฟฉายทั้งแบบมือถือและแบบคาดศีรษะ เพื่อทักทายกบและซาลาแมนเดอร์ที่ค่อยๆ คืบคลานฝ่าความมืดไปยัง หนองน้ำที่พวกมันถือกำเนิด นี่เป็นการฉลองให้กับการมีชีวิตอยู่ เพื่อแบ่งปันสถานที่ซึ่งเราอาศัยอยู่กับส่ำสัตว์ นอกเหนือไปจากสหายร่วมเผ่าพันธุ์ของเรา

เรื่อง ซูซาน แฮนด์ แชตเทอร์ลี
ภาพถ่าย ทริสแทน สปินสกี
แปล ปณต ไกรโรจนานันท์

ติดตามสารคดี ชีวิตในหนองน้ำฤดูใบไม้ผลิ ฉบับสมบูรณ์ได้ที่ นิตยสาร เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ฉบับภาษาไทย เดือนกุมภาพันธ์ 2567

สั่งซื้อนิตยสารได้ที่ https://www.naiin.com/product/detail/601207


อ่านเพิ่มเติม พื้นที่ชุ่มน้ำและการ Rewilding ระบบนิเวศและแนวคิดที่ต้องไม่ถูกลืม

พื้นที่ชุ่มน้ำ

Recommend