ผลวิจัยใหม่เผย การถูกนอกใจไม่เพียงแต่ทำร้ายจิตใจ แต่ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพระยะยาว

ผลวิจัยใหม่เผย การถูกนอกใจไม่เพียงแต่ทำร้ายจิตใจ แต่ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพระยะยาว

“การถูกนอกใจ ทำให้สุขภาพ ‘พัง’ ระยะยาว งานวิจัยใหม่เผย

ปัญหาความรักที่ย่ำแย่อาจส่งผลต่อร่างกายมากกว่าแค่ความเสียใจ” 

ผู้ที่มีประสบการณ์ถูกนอกใจ มีแนวโน้มที่จะมีปัญหาสุขภาพด้านเรื้อรังแย่ลง และผลกระทบนี้ยังคงอยู่แม้ว่าจะอยู่ในความสัมพันธ์แบบสนับสนุนซึ่งกันและกันก็ตาม (supportive relationships) 

เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการเปิดเผยสถิติจาก ‘World of Statistics’ และ ‘Inside Monkey’ ที่น่าประหลาดใจออกมาในหัวข้อ ‘25 ประเทศที่มีการนอกใจคู่ครองมากที่สุด’ ซึ่งมากถึงร้อยละ 51 แต่ที่น่าตกใจกว่านั้นในปี 2023 หรือปีที่แล้วก็มีการระบุเอาไว้ว่า คนไทยมีอัตราการ ‘นอกใจ’ โดยเว็บไซต์ World Population Revie มากถึง 61% 

ข้อมูลเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าคนไทยจำนวนมากกำลังมีประสบการณ์การนอกใจ (อย่างไรก็ตามรายงานไม่ได้เผยรายละเอียดที่มาที่ไปของข้อมูล) ขณะเดียวกันข้อมูลที่มีการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ก็ประมาณไว้ว่าผู้ชายประมาณ 34% และ 24% เคยนอกใจอย่างน้อยครั้งหนึ่งในช่วงชีวิต 

ไม่ว่าเรื่องนี้จะจริงมากน้อยเพียงใด แต่ที่แน่นอนคือไม่มีใครต้องเจอกับการถูกนอกใจ ซึ่งไม่เพียงแต่จะสร้างความเสียใจเท่านั้น ทว่าก็สร้างความเสียหายให้กับร่างกายด้วยเช่นกัน ซึ่งที่ผ่านมาผู้เชี่ยวชาญหลายคนได้ศึกษาผลกระทบทางจิตวิทยาเกี่ยวกับประสบการณ์นี้จำนวนนมาก

โดยชี้ให้เห็นว่าการถูกนอกใจได้เพิ่มความวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า และการนับถือตนเองที่ลดลง (Lowered self-esteem) พร้อมกับงานวิจัยเกี่ยวกับ ‘ภาวะหัวใจสลาย’ พอสมควร อย่างไรก็ตามนี่เป็นครั้งที่นักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาผลกระทบต่อสุขภาพระยะยาวตามรายงานที่เผยแพร่บนวารสาร Journal of Social and Personal Relationships

ประสบการณ์จริง

“การนอกใจคู่ครองเป็นเรื่องที่เกิดขึ้้นได้ และจากกรณีศึกษาที่พบว่าการนอกใจคู่ครองก็สามารถก่อให้เกิดความเครียดในความสัมพันธ์ได้อย่างรุนแรง (โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อความสัมพันธ์แบบโรแมนติกดังกล่าวเกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ที่ดีของบุคคลจำนวนมาก)” วินเซนต์ วาย. เอส. โอห์ (Vincent Y. S. Oh) อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยสังคมศาสตร์สิงคโปร์ กล่าว 

“แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น การนอกใจก็ยังเป็นหัวข้อที่ไม่ค่อยมีการวิจัย ดังนั้นจึงมีความสำคัญและมีความหมายในทางปฏิบัติที่จะต้องมีการศึกษาวิจัยหัวข้อนี้โดยอาศัยประสบการณ์จริง” เขาเสริม 

เพื่อสำรวจผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวจากการนอกใจ นักวิจัยได้ใช้ข้อมูลจากการวิจัยที่ชื่อว่า ‘ Midlife Development in the United States (MIDUS)’ ซึ่งเป็นการสำรวจขนาดใหญ่และเป็นตัวแทนระดับชาติของสหรัฐอเมริกา 

โดยการศึกษา MIDUS นี้มีข้อมูลเกี่ยวกับความสัมพันธ์สุขภาพกับลักษณะประชากรของแต่ละบุคล ทำให้เป็นแหล่งข้อมูลที่มีค่าสำหรับการตรวจสอบว่าประสบการณ์ส่วนตัวส่งผลต่อสุขภาพอย่างไรในระยะยาว 

กลุ่มตัวอย่างที่ทำการศึกษามีผู้เข้าร่วมทั้งหมด 2,579 คนโดยมีอายุระหว่าง 33 ถึง 84 ปีซึ่งได้ทำแบบสำรวจของ MIDUS ไปแล้ว 2 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกันประมาณ 9 ปี ผู้เข้าร่วมจะรายงานว่าคู่ครองของตนเคยนอกใจหรือไม่ จากนั้นจะทำการประเมินสุขภาพเรื้อรังของตนเองในด้านต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน หรือไมเกรน 

นอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์ยังวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับมิตรภาพ ความสัมพันธ์ในครอบครัว สถานะการจ้างงาน การศึกษา รายได้ และความพึงพอใจในความสัมพันธ์โดยรวมของผู้เข้าร่วมด้วย ผลลัพธ์ที่ทีมวิจัยได้นั้นแสดงให้เห็นการเชื่อมโยงอย่างชัดเจนว่า อันตรายที่เกิดขึ้นจากความเสียใจนั้นไม่ได้อยู่แค่ชั่วคราว

คนที่ถูกนอกใจจะมีปัญหาสุขภาพเรื้อรังแย่ลง แม้จะมีการควบคุมปัจจัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอายุ เพศ รายได้ และระดับการศึกษาแล้วก็ตาม ผู้เข้าร่วมที่เคยถูกนอกใจก็มีแนวโน้มที่จะรายงานปัญหาสุขภาพเรื้อรังเพิ่มขึ้นเช่นปัญหาด้านไมเกรนหรือปัญหาโรคหัวใจ มากกว่าผู้ที่ไม่เคยถูกนอกใจ 

“การถูกคู่รักนอกใจอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพเรื้อรังในระยะยาว และผลกระทบเหล่านี้อาจรุนแรงเป็นพิเศษในกลุ่มที่เปราะบางเช่น กลุ่มคนด้อยโอกาสหรือกลุ่มที่ต้องเผชิญกับความท้าททายทางเศรษฐกิจและสังคม” โอห์ อธิบาย “บุคคลที่ประสบปัญหาการนอกใจคู่ครองและพบว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะจัดการ ควรพิจารณาขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ” 

ไม่มีใครอยากถูกนอกใจ

ที่น่าสนใจก็คือ การศึกษาครั้งนี้ยังได้สำรวจว่าการได้รับการสนับสนุนอย่างแข็งแกร่งจากเพื่อนและครอบครัว สามารถป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพดังกล่าวได้หรือไม่ อย่างไรก็ตามนักวิจัยก็ไม่พบหลักฐานที่บ่งชี้ว่าเพื่อนหรือครอบครัวที่คอยช่วยเหลือดูแลหลังจาก ‘ถูกนอกใจ’ จะทำให้ผลลัพธ์ดีขึ้น

แม้คนรอบข้างจะมีส่วนช่วยด้านสภาพจิตใจ อารมณ์ และความเครียดได้เป็นอย่างดี ทว่าความสัมพันธ์ที่ดีเหล่านี้กลับดูเหมือนว่าจะไม่มีเพียงพอใจการต่อสู้กับปัญหาด้านสุขภาพร่างกาย 

“ข่าวร้ายก็คือ การมีความสัมพันธ์ที่สนับสนุนซึ่งกันและกันจากครอบครัวหรือเพื่อนฝูงนั้น ดูเหมือนจะไม่สามารถบรรเทาความสัมพันธ์เชิงลบระหว่างการถูกนอกใจกับปัญหาสุขภาพเรื้อรังได้” โอห์ กล่าวกับ PsyPost 

“เราหวังว่าจะพบแหล่งสนับสนุนทางสังคมอื่น ๆ ที่อาจช่วยลดผละกระทบเชิงลบระหว่างการถูกนอกใจกับปัญหาสุขภาพเรื้อรังได้อย่างน้อยที่สุด แต่น่าเสียดายที่ผลกการศึกษาของเราไม่เป็นเช่นนั้น” เขาเสริม 

อย่างไรก็ตามทีมวิจัยระบุว่าข่าวดีก็คือ ผลกระทบสุขภาพดังกล่าวนั้นถือว่าอยู่ในระดับเล็กน้อย “ขนาดผลกระทบดังกล่าวยังคงชี้ให้เห็นถึงศักยภาพในการก่อให้เกิดอันตรายถาวรซึ่งมีผลในทางปฏิบัติ แต่ผลกระทบนั้นไม่ใหญ่โตมากนัก” เขากล่าว 

การศึกษานี้เป็นงานวิจัยหนึ่งในชิ้นแรก ๆ ที่ให้หลักฐานที่ชัดเจนว่าการนอกใจของคู่รัก สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพเรื้อรังได้ในระยะยาว โดยเน้นย้ำว่าผลกระทบของการนอกใจในความรักนั้นมีมากกว่าแค่ความทุกข์ทางอารมณ์ แต่เช่นเดียวกับการศึกษาทั้งหมด งานวิจัยนี้ก็มีข้อจำกัดบางประการ

เนื่องจากเป็นการใช้ข้อมูลที่ได้มาโดยวิธี ‘รายงานด้วยตนเอง’ โดยหมายความว่าผู้เข้าร่วมจะถูกขอให้เล่าว่าเคยถูกนอกใจหรือไม่ ซึ่งวิธีนี้อาจทำให้เกิดอคติทางความจำได้ เช่นผู้เข้าร่วมอาจจำได้ไม่แม่นยำหรืออาจเลือกที่จะไม่เปิดเผยประสบการณ์ออกมา รวมถึงปัจจัยด้านบริบทและช่วงเวลาของการนอกใจ

“(งานวิจัย)นี้ไม่ใช่การวัดที่สมบูรณ์แบบ” โอห์ กล่าว “การนอกใจนี้วัดโดยการถามผู้เข้าร่วมว่าเคยถูกคู่รักนอกใจหรือไม่ ซึ่งไม่มีข้อมูลอื่นใดที่ให้รายละเอียดว่าเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้วหรือบริบทของการนอกใจ (เช่นทางกาย อารมณ์ หรืออื่น ๆ) ข้อมูลดังกล่าวจำกัดการวิจัย” 

“ข้อสรุปที่ได้จึงเป็นเพียงการเลือกว่าบุคคลนั้นเคยถูกนอกใจมาก่อนหรือไม่ และเกี่ยวข้องกับสุขภาพเรื้อรังที่ย่ำแย่หรือไม่” เขาเสริม 

แต่ไม่ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไร สิ่งที่ทุกคนมีเหมือนกันก็คือ ‘ไม่มีใครอยากถูกนอกใจ’ “โปรดซื่อสัตย์กับคู่ครองของคุณ” โอห์ กล่าว 

 

สืบค้นและเรียบเรียง

วิทิต บรมพิชัยชาติกุล

 

ที่มา

https://journals.sagepub.com

https://www.iflscience.com

https://www.psypost.org

 


อ่านเพิ่มเติม : ถ้าไม่เคย อกหัก จะรู้จักความรักได้อย่างไร? รู้ “รัก-อกหัก” ในทางวิทย์ฯ

Recommend