ลานีญากำลังหายไป องค์การอุตุนิยมวิทยาโลกเปิดเผยถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในปี 2025 ว่า อุณหภูมิทั่วโลกยังคงสูงขึ้น และปรากฏการณ์เอลนีโญอาจกำลังกลับมา
ลานีญา (La Niña) คือปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิกเขตร้อน มีลักษณะเด่นคือการลดลงของอุณหภูมิผิวทะเลในพื้นที่ตอนกลางและตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิกในเขตเส้นศูนย์สูตร (Equator) โดยทั่วไปแล้ว ลานีญา จะมีผลกระทบต่อสภาพอากาศทั่วโลก เช่น การเปลี่ยนแปลงในลม ฝน และสภาพภูมิอากาศอื่นๆ
ในช่วงที่เกิดลานีญา มักจะทำให้เกิดสภาพอากาศที่เย็นกว่าปกติในบางพื้นที่และอาจทำให้เกิดฝนตกหนักในบางภูมิภาค อาทิ ภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ของเอเชียและบางส่วนของออสเตรเลีย ขณะเดียวกันบางพื้นที่อย่าง อเมริกาใต้บางส่วนอาจประสบกับภัยแล้ง โดยการเกิดลานีญามักจะเกิดขึ้นในวงรอบที่ไม่แน่นอน ประมาณทุก 2-7 ปี และมักจะเกิดขึ้นหลังจากปรากฏการณ์เอลนีโญ (El Niño) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ทำให้อุณหภูมิผิวทะเลในพื้นที่เดียวกันอุ่นขึ้น
อุตุนิยมวิทยาโลกคาดการณ์ลานีญาเบาบางลง
การพยากรณ์ล่าสุดจาก องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก หรือ WMO ระบุว่าอุณหภูมิผิวทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิกเขตร้อนคาดว่าจะกลับคืนสู่สภาพปกติ โดยมีโอกาส 60 % ที่สภาพอากาศจะกลับไปสู่ช่วงอุณหภูมิที่นักวิทยาศาสตร์เรียกว่า สภาวะปกติ (ENSO-neutral) ระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคม 2025 และเพิ่มขึ้นเป็น 70 % ในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน 2025
ทั้งนี้ ENSO (El Niño-Southern Oscillation)-neutral หมายถึงมหาสมุทรไม่ได้มีอุณหภูมิที่ร้อนผิดปกติ (เอลนีโญ) หรือเย็นผิดปกติ (ลานีญา) และโอกาสที่ El Niño จะเกิดขึ้นในช่วงนี้ก็ต่ำมากหน่วยงานกล่าว ซึ่งตามที่ Celeste Saulo เลขาธิการ WMO กล่าวไว้ว่า การพยากรณ์ที่เกี่ยวข้องกับ เอลนีโญ และ ลานีญา มีความสำคัญในการเตือนล่วงหน้าและการดำเนินการป้องกัน
“การพยากรณ์เหล่านี้แปลเป็นมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ในการประหยัดทางเศรษฐกิจสำหรับภาคส่วนสำคัญ ทั้ง เกษตรกรรม พลังงาน และการขนส่ง และได้ช่วยชีวิตผู้คนหลายพันคนในช่วงหลายปีที่ผ่านมาโดยการเสริมสร้างความพร้อมในการรับมือกับความเสี่ยงจากภัยพิบัติ”
สำหรับลานีญา ทำให้มีการเย็นตัวในอุณหภูมิผิวทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนกลางและตะวันออกจะทำให้ลม ความดัน และปริมาณน้ำฝนเปลี่ยนแปลง ซึ่งทั่วไปแล้วจะมีผลกระทบทางภูมิอากาศที่ตรงข้ามกับ เอลนีโญ โดยเฉพาะในพื้นที่เขตร้อน
ตัวอย่างเช่น ในช่วงเอลนีโญ ที่ออสเตรเลียมักประสบกับภัยแล้ง ในขณะที่ลานีญาสามารถทำให้เกิดฝนตกหนักและอุทกภัยมาได้ แต่ในทางกลับกันบางส่วนของอเมริกาใต้อาจประสบกับภัยแล้งในช่วงลานีญา แต่จะมีสภาพอากาศชื้นขึ้นในช่วงเอลนีโญ
อุณหภูมิทั่วโลกที่ยังคงสูงขึ้นต่อเนื่อง
สิ่งที่น่าสังเกตคือ เหตุการณ์ภูมิอากาศทางธรรมชาติเหล่านี้กำลังเกิดขึ้นร่วมกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ ซึ่งกำลังทำให้โลกอุ่นขึ้นและเกิดสภาพอากาศที่รุนแรงมากขึ้น ตามข้อมูลจาก WMO เดือนมกราคม 2025 ระบุว่าเป็นเดือนมกราคมที่อุ่นที่สุดในบันทึกสถิติ แม้ว่าจะอยู่ในช่วงปรากฏการณ์ลานีญาที่อากาศควรจะต้องเย็นลง
หน่วยงานดังกล่าวพิจารณา ENSO แต่ยังออกอัพเดทสภาพภูมิอากาศฤดูกาลทั่วโลก (GSCU) อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งให้การคาดการณ์สภาพภูมิอากาศที่ครอบคลุมมากขึ้นตามรูปแบบหลักอื่นๆ เช่น รูปแบบในมหาสมุทรแอตแลนติกและอาร์กติก การอัพเดทเหล่านี้ยังติดตามอุณหภูมิทะเล การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิทั่วโลกและในระดับภูมิภาค รวมถึงปริมาณน้ำฝน
อย่างไรก็ตาม มีความน่าจะเป็นกว่า 60% ที่เกิดขึ้นในเดือนธันวาคม ลานีญาจะสิ้นสุดระหว่างเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม ปี 2025 และเพิ่มโอกาสขึ้นเป็น 70% สำหรับเดือนเมษายนถึงมิถุนายนตามที่องค์การอุตุนิยมวิทยาโลกเปิดเผย โดยปรากฏการณ์ลานีญามีแนวโน้มที่จะอยู่ไม่นาน หลังจากเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาโลกมีอุณหภูมิร้อนเป็นอันดับ 3 ในประวัติศาสตร์
ขณะเดียวกัน ปรากฏการณ์เอลนีโญ ครั้งล่าสุดได้ส่งผลให้ภูมิอากาศช่วงนั้นขึ้นแท่นเป็น 1 ใน 5 เหตุการณ์ด้านสภาพอากาศที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์โลก ทำให้อุณหภูมิสูงทะลุออกจากกราฟในปี 2023 และทำให้ปี 2024 เป็นปีที่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลก
ภูมิอากาศโลกที่เกี่ยวพันกับ เอลนีโญ และ ลานีญา
WMO เตือนว่า เหตุการณ์ภูมิอากาศ ทั้ง เอลนีโญ และ ลานีญา กำลังเกิดขึ้นในบริบทที่กว้าง สภาพอากาศสุดขั้วจะมีบ่อยและรุนแรงมากขึ้น ในรูปแบบของฝนและอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงไป
สิ่งนี้อธิบายได้ว่าทำไมเดือนมกราคมจึงเป็นเดือนที่อุณหภูมิสูงที่สุดที่เคยบันทึกไว้ และมีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ แม้ว่าจะอยู่ในช่วงของการเกิดปรากฏการณ์ลานีญา
Zeke Hausfather นักพยากรณ์อากาศชาวสหรัฐอเมริกา โพสต์บล็อกของเขาว่า “มกราคม 2025 ถือเป็นเดือนที่ผิดปกติแม้ตามมาตรฐานมา 2 ปีแล้ว ในช่วงเริ่มต้นของปี ธรรมชาติดูเหมือนจะไม่เป็นไปตามความคาดหวังของเรา”
เมื่อพิจารณาจาก spring predictability barrier ซึ่งหมายถึงระดับความสามารถในการพยากรณ์ ENSO ในปัจจุบันที่ค่อนข้างจำกัด จึงไม่สามารถตีความการพยากรณ์ระยะยาวของสภาพอากาศในช่วงเวลาตั้งแต่กลางปีเป็นต้นไป โดยมีสิ่งที่ชัดเจนคือ ปรากฏการณ์ลานีญากำลังจะสิ้นสุดแล้วในช่วงกลางปี 2025
สืบค้นและเรียบเรียง สิทธิโชติ สุภาวรรณ์
ที่มา
อ่านเพิ่มเติม : งานวิจัยใหม่เผยว่า หากโลกร้อนขึ้น 4 องศาเซลเซียส ประชากรโลกส่วนใหญ่จะมีรายได้ลดลง