ถึงเวลา “รถยนต์ไฟฟ้ารักษ์โลก” ? หลังยอดจอง Motor Expo 2023 ตีคู่รถสันดาป

ถึงเวลา “รถยนต์ไฟฟ้ารักษ์โลก” ? หลังยอดจอง Motor Expo 2023 ตีคู่รถสันดาป

ถึงเวลา “รถยนต์ไฟฟ้ารักษ์โลก” เฉิดฉาย? หลังยอดจอง Motor Expo 2023 ตีคู่รถสันดาป

.
ตัวเลขในงาน Motor Expo 2023 ของไทย เผยให้เห็นยอดจองรถยนต์ประเภทขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% เพิ่มขึ้นจนสามารถเบียดรถยนต์สันดาปปกติที่ใช้น้ำมันได้อย่างน่าสนใจ
.
งานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 40 ที่จัดแสดงตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน ถึงวันจันทร์ที่ 11 ธันวาคมในปี 2023 ได้แสดงให้เห็นถึง “กระแสรถไฟฟ้า” ที่กำพุ่งสูงขึ้นอย่างน่าทึ่ง โดยยังไม่ทันจบงาน ยอดจองรถยนต์ไฟฟ้าสามารถขึ้นไปอยู่อันดับต้น ๆ ได้แล้ว
.
โดยข้อมูลในวันที่ 2 ธันวาคมระบุว่า มียอดจองรถยนต์ทั้งสิ้น 8,373 คัน สิ่งที่น่าสนใจคือรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ ‘BYD’ ทำตัวเลขได้ถึง 1,177 คน ตีคู่กับรถยนต์จาก ‘โตโยต้า’ เจ้าตลาดในประเทศไทยที่มียอดจอง 1,181 คันซึ่งเป็นอันดับ 1 ชี้ให้เห็นว่าคนไทยสนใจรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก
.
ตัวเลขนี้เป็นไปทางเดียวกันกับยอดจดทะเบียนรถไฟฟ้าตลอดทั้งปี 2023 ของประเทศไทยซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 17 เท่า จากการเข้าสู่ตลาดภายในระยะเวลาเพียง 3 ปี จนทำให้ประเทศไทยมีรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนมกราคม ถึงเดือนกันยายน ทะลุ 66,919 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 30% เมื่อเทียบกับปี 2022 ที่ผ่านมา
.
ทางศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี (ttb analytics) ได้ระบุไว้ว่า ปัจจัยที่ทำให้ผู้บริโภคหันมาสนใจรถยนต์ไฟฟ้าอย่างรวดเร็วนั้นเพราะภาพลักษณ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ราคาน้ำมันที่ผันผวน ผู้ผลิตมีการปรับลดราคาลงหลายครั้ง และมีค่าซ่อมบำรุงที่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับรถสันดาปทั่วไป รวมถึงการสนับสนุนจากภาครัฐที่มีเป้าหมายว่าต้องให้การรถยนต์ในประเทศมีสัดส่วนเป็นรถไฟฟ้า 30% ภายในปี 2030 นี้
.
ไม่เพียงแค่ประเทศไทยเท่านั้น แต่ผู้คนทั่วโลกกำลังเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นเช่นเดียวกัน การวิจัยล่าสุดจาก ‘Canalys’ ได้ชี้ให้เห็นว่ายอดขายรถไฟฟ้าทั่วโลกในครึ่งปีแรกของ 2023 นั้นเพิ่มขึ้นร้อยละ 49 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาที่ผ่านมา รวมเป็น 6.2 ล้านคน ทำให้ปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้ามีสัดส่วนเป็น 16% ของรถยนต์นั่งทั่วโลกแล้ว
.
ประเทศจีนเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด โดยมียอดขายเป็นสัดส่วนร้อยละ 55 ของรถไฟฟ้าทั่วโลก หรือรถไฟฟ้า 3.4 ล้านคันถูกซื้อโดยชาวจีนในประเทศ ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าเป็นเพราะการสนับสนุนจากภาครัฐ และการแข่งขันที่รุนแรง ทำให้หลายแบรนด์ต้องพัฒนาตัวเองให้คุ้มค่าเพื่อดึงลูกค้า
.
“รถยนต์ไฟฟ้าในจีนมีให้เลือกมากมาย แต่ก็ไม่มีรุ่นใดมีส่วนแบ่งตลาดเกิน 10% แม้ว่า BYD เป็นแบรนด์รถไฟฟ้าชั้นนำในจีน แต่สงครามราคาที่นำโดย Tesla ถือเป็นความท้าทายสำหรับแบรนด์ขนาดเล็ก” เจสัน โลว (Jason Low) นักวิเคราะห์หลักของ Canalys กล่าว
.
ขณะที่ยุโรปเป็นตลาดรถยนต์ไฟฟ้าใหญ่อันดับ 2 ของโลก โดยคิดเป็นสัดส่วน 24% และมียอดส่งมอบ 1.5 ล้านคัน ทำให้ภูมิภาคนี้มีสัดส่วนรถไฟฟ้ามากกว่าร้อยละ 19 แล้ว ทาง Canalys ได้วิเคราะห์ต่อไปว่าสัดส่วนรถไฟฟ้าทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเป็น 18% และคาดว่าจะมียอดขายทะลุ 14 ล้านคันทั่วโลก
.
แต่รถไฟฟ้าดีต่อสิ่งแวดล้อมจริงหรือไม่?
ผู้เชี่ยวชาญหลายคนชี้ว่าขึ้นอยู่กับแหล่งที่มาของไฟฟ้า แม้ภาพลักษณ์ของรถไฟฟ้าจะไม่มีท่อไอเสีย จึงไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกขณะใช้งาน แต่อย่างไรก็ตามรถยนต์ไฟฟ้าก็ยังไม่สมบูรณ์แบบ มันมาพร้อมกับปัญหามลพิษจากแบตเตอรี่เช่น ลิเธียม ซึ่งต้องใช้พลังงานจำนวนมากในการขุดเจาะและสกัดเพื่อให้ได้มา
.
ทว่าแบตเตอรี่ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของทั้งระบบ ในงานวิจัยเมื่อปี 2014 ที่เผยแพร่ในวารสาร Proceedings of the National Academy of Sciences ได้พิจารณาวงจรการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของรถไฟฟ้า ตั้งแต่การขุดโลหะที่จำเป็นในการผลิต จนถึงกระบวนการผลิตพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ชาร์จกับรถ จากนั้นจึงเปรียบเทียบกับรถยนต์ที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิล
.
พวกเขาพบว่า โดยทั่วไปแล้วหากรถยนต์ไฟฟ้าชาร์จพลังงานจากไฟฟ้าที่มาจากถ่านหิน รถยนต์ไฟฟ้าจะปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากกว่ารถยนต์เบนซินทั่วไป ซึ่งปัญหานี้เกิดมากในจีน เนื่องจากโรงไฟฟ้าหลายแห่งในจีนยังผลิตจากถ่านหินทั้งหมด ประเมินกันว่าเป็นถ่านหินราว 58%
.
“โดยเฉพาะเมื่อเชื่อมต่อกับโครงข่ายไฟฟ้าที่สกปรกที่สุดและเต็มไปด้วยถ่านหินเท่านั้น รถยนต์ไฟฟ้าจะมีก๊าซเรือนกระจกเทียบได้กับรถยนต์เครื่องสันดาปที่ใช้น้ำมันเบนซิน” คอลิน เชพพาร์ด (Colin Sheppard) นักวิจัยที่เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมระบบพลังงานและการขนส่งที่ห้องปฏิบัติการแห่งชาติลอว์เรนซ์ เบิร์กลีย์ กล่าว
.
แต่ประเด็นสำคัญคือ หลายฝ่ายกำลังเปลี่ยนจากพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลไปเป็นพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น และไม่เพียงเท่านั้น โครงข่ายไฟฟ้าปัจจุบันของหลายประเทศทั่วโลกก็มาจากพลังงานสะอาดเป็นส่วนใหญ่ ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้จึงทำให้รถไฟฟ้าค่อย ๆ ดีต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเรื่อย ๆ (แต่ยังคงมีปัญหาเกี่ยวกับแบตเตอรี่อยู่)
.
โดยสรุปแล้ว การจะทำให้รถยนต์ไฟฟ้าดีต่อสิ่งแวดล้อมจริง ๆ ต้องมีการพัฒนาระบบผลิตพลังงานให้สะอาดมากขึ้น รวมถึงการจัดหาและจัดการกับแบตเตอรี่ลิเธียมด้วยเช่นกัน รถไฟฟ้าจึงสามารถแสดงศักยภาพของมันได้อย่างเต็มที่

สืบค้นและเรียบเรียง วิทิต บรมพิชัยชาติกุล

Image by Lee Rosario from Pixabay

ที่มา

https://www.springnews.co.th/digital-tech/auto/845760

https://www.prachachat.net/breaking-news/news-1452175

https://www.canalys.com/newsroom/global-ev-sales-h1-2023

https://www.nytimes.com/interactive/2021/01/15/climate/electric-car-cost.html

https://www.livescience.com/electric-cars-environment.html

https://www.iea.org/reports/global-ev-outlook-2023


อ่านเพิ่มเติม รถยนต์ไฟฟ้า – รวมคำถามที่ต้องสนใจก่อนตัดสินใจใช้งาน

Recommend