กัมพูชาเตรียมขอยูเนสโกขึ้นทะเบียน ผ้ากรอม้า เป็น ‘มรดกทางวัฒธรรม’

กัมพูชาเตรียมขอยูเนสโกขึ้นทะเบียน ผ้ากรอม้า เป็น ‘มรดกทางวัฒธรรม’

กัมพูชาเตรียมยื่นรายละเอียดเกี่ยวกับ ผ้ากรอมา (Krama) ผ้าพันคอทอมืออันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของประเทศต่อยูเนสโกเพื่อเป็นมรดกทางวัฒนธรรม

เว็ปไซต์เดอะพนมเปญโพสต์ สื่อประเทศกัมพูชา รายงานเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2566 ว่า  กัมพูชาเตรียมยื่นรายละเอียดเกี่ยวกับ ‘ผ้ากรอมา’ (Krama) ผ้าพันคอทอมืออันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของประเทศกัมพูชาต่อยูเนสโก เพื่อขอให้ขึ้นทะเบียนผ้าพันคอทอมือดังกล่าวนี้ลงในรายการ มรดกทางวัฒนธรรม ที่จับต้องไม่ได้

Siyonn Sophearith ผู้อำนวยการจากกระทรวงวัฒนธรรมและวิจิตรศิลป์  กัมพูชา กล่าวว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญได้รวบรวมเอกสารที่จำเป็นสำหรับการยื่นขอขึ้นทะเบียนแล้วประมาณ 80%

“ในวันที่ 17 มี.ค. กระทรวงวัฒนธรรมจะจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อทบทวนร่างคำขอ โดยการประชุมเชิงปฏิบัติการจะมีผู้เข้าร่วม ทั้งช่างทอผ้า นักวิจัย และกลุ่มตัวอย่างของชาวเสียมราฐ การประชุมจะเป็นโอกาสสุดท้ายในการตรวจสอบเอกสารก่อนยื่นเรื่องในวันที่ 21 มี.ค.”

รายงานข่าวระบุว่า ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่เมื่อวันที่ 28 ก.พ. ไทยได้ประกาศความตั้งใจที่จะยื่นเสนอ ‘ผ้าขาวม้า’ ขึ้นทะเบียนมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้เช่นกัน และถึงแม้คำขอจะเป็นรายการเดียวกันก็ตาม แต่กัมพูชายินดีที่จะยื่นขอขึ้นทะเบียน เนื่องจากยูเนสโกไม่ได้จำกัดการขึ้นทะเบียน ในความเป็นจริง ยูเนสโกสนับสนุนให้มีการจดทะเบียนร่วมกันของมรดกทางวัฒนธรรมทั้งหมด เพื่อที่จะสามารถร่วมกันปกป้องวัฒนธรรมเหล่านั้นได้

“มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ไม่สามารถเป็นของประเทศใดประเทศหนึ่งได้ ยูเนสโกสนับสนุนให้หลายประเทศขึ้นทะเบียนตามความเหมาะสม หลายประเทศมีอิทธิพลต่อกันและกัน” ตัวแทนของกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวตอนหนึ่ง

สำหรับวัฒนธรรมการแต่งกายของกัมพูชานั้น ในอดีตนิยมใช้ผ้านุ่ง หรือ สมปต ซึ่งถือเป็นเครื่องแต่งกายที่พบเห็นได้ทั่วไปในกัมพูชามาตั้งแต่ยุคโบราณ ซึ่งการนุ่งห่มร่างกายช่วงล่างด้วยผ้าผืนเดียวแบบนี้ สามารถย้อนกลับไปได้ถึงยุคฟูนันที่ได้รับอิทธิพลการแต่งกายมาจากอินเดีย อาจจะมีการประยุกต์นุ่งแบบโจงกระเบน และเลือกใช้วัสดุที่แตกต่างกันออกไปมาทอเป็นผ้านุ่งขึ้นอยู่กับฐานะของแต่ละกลุ่มคน

ส่วนผ้ากรอมา ถือเป็นของจำเป็นสำหรับชาวเขมรยิ่งกว่าเครื่องนุ่งห่มในชีวิตประจำวันอื่นๆ ผ้ากรอมามีทั้งที่ทำจากฝ้ายและไหม ส่วนใหญ่จะทอเป็นลายตารางหมากรุก โดยแต่ละจังหวัดของกัมพูชาจะผลิตผ้ากรอมาออกมาในรูปแบบเฉพาะของตน ผ้ากรอมีประโยชน์ใช้สอยมากมาย ไม่ว่าจะใช้กันแดด กันลม ห่มกันหนาว กางกันฝน ใช้พันแผลบริเวณส่วนต่างๆ ของร่างกาย หรือนำมานุ่งเป็นโสร่ง ถกเขมรขึ้นมาแทนกางเกงขาสั้น นอกจากนี้ผ้ากรอมายังถูกนำมาใช้เป็นผ้าอเนกประสงค์ไว้ห่อหิ้วของสารพัดเช่น ห่อเด็กทารกอุ้มกระเตงไปทำงาน นำมาห่อของสำหรับการจ่ายตลาด หรือแม้กระทั่งนำมาผูกขึงเป็นเปลนอน

ในรอบหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา กัมพูชากับไทยมีประเด็นเรื่องวัฒนธรรมมาโดยตลอด นับตั้งแต่เรื่องกุนแชมร์ ชนิดกีฬาในซีเกมส์ครั้งที่จะถึงซึ่งมีความคล้ายกับมวยไทย ประเพณีวันสงกรานต์ ที่กัมพูชาอ้างว่ากัมพูชา ลาว เมียนมา และไทย สามารถยื่นขอจดทะเบียนเป็นเจ้าของร่วมกับยูเนสโกได้ แม้ว่าจะฉลองแยกจากกันก็ตาม

ที่มา :ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), Phnom Penh Post

 

อ่านเพิ่ม เติม1914 ปีพีค การล่าอาณานิคม เมื่อการล่าอาณานิคมโดยชาวยุโรปและเอเชีย พุ่งทะยานสู่จุดสูงสุด ใครได้ประเทศไหนไปครอบครองกันบ้าง

Recommend