ส่อง โรงแรมม่านรูด สารพัดธีมในญี่ปุ่น

ส่อง โรงแรมม่านรูด สารพัดธีมในญี่ปุ่น

ม่านรูด
อุปกรณ์สำหรับพันธนาการร่างกาย ภายในห้องพักของโรงแรม Fifteen Love จากย่านชิบูย่า
ม่านรูด
หุ่นโฟมซึ่งตัดแต่งเป็นรูปผู้หญิงวางตกแต่งอยู่ในโรงแรม Sara Sweet

ฟังดูเป็นอะไรที่ล้ำยุคเอามากๆ แท้จริงแล้วธุรกิจโรงแรมม่านรูดในญี่ปุ่นนี้สามารถย้อนกลับไปได้ถึงในสมัยเอะโดะ (ปีค.ศ. 1600 – 1868) เมื่อโรงน้ำชากลายเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ซึ่งพร้อมไปด้วยความบันเทิงจากเกอิชาและหญิงค้าบริการ ต่อมาในช่วงทศวรรษที่ 1920 โรงแรมด่วนๆ ที่มีชื่อเรียกว่า enshenku ก็ได้ก่อตั้งขึ้น ให้บริการโดยคิดชั่วโมงละหนึ่งเยนภายในตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์ยุโรป เตียงขนาดใหญ่และประตูล็อคได้ ส่วนโรงแรมม่านรูดสมัยใหม่นั้นเริ่มขยายตัวขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 1970 – 1980 พร้อมๆ กันกับการเศรษฐกิจของประเทศที่เบ่งบานและความนิยมชมชอบในวัฒนธรรมตะวันตก ห้องพักชั่วคราวเหล่านี้ตกแต่งในสไตล์ภาพยนตร์ฮอลลีวูดหรือนิทานแฟนตาซี

จวบจนวันนี้โรงแรมม่านรูดยังคงนำเสนอธีมมากมายให้แก่บรรดาผู้ใช้บริการ ไล่เรียงตั้งแต่ตัวการ์ตูนจากดิสนี่ย์แลนด์ไปจนถึงห้องเรียนจำลองและห้องลงโทษสำหรับผู้ที่ชื่นชอบเซ็กส์แบบ BDSM หรือห้องพักแบบปกติที่ครบครันไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับช่วงเวลาอีโรติกไม่วาจะเป็น เครื่องสั่น, ชุดคอสเพลย์ให้เช่า, เตียงหมุนได้ ตลอดจนอุปกรณ์สร้างความเจ็บปวดต่างๆ และในบางครั้งโรงแรมเหล่านี้ก็มีหน้าตาไม่ต่างจากโรงแรมปกติด้วยซ้ำ ซึ่งมักจะเจอปัญหานักท่องเที่ยวจองห้องพักมาโดยเข้าใจผิดว่าที่ที่พวกเขาจะไปนั้นคือโรงแรมธรรมดา

ม่านรูด
ห้องชมพู ซึ่งประดับด้วยข้าวของทุกอย่างที่เป็นสีชมพู จากโรงแรม Sara Sweet
ม่านรูด
โรงแรม Ai ได้ชื่อว่าโด่งดังที่สุดสำหรับใครก็ตามที่ชื่นชอบเซ็กส์แบบ BDSM
ม่านรูด
โรงแรม SK Plaza ในย่านชิบูย่าเช่นกัน เสนอยริการห้องแบบธรรมดาเรียบง่าย

อัตราการมีเซ็กส์ดิ่งเหว

แม้ธุรกิจโรงแรมม่านรูดในญี่ปุ่นจะประสบความสำเร็จ แต่อัตราการแต่งงาน คลอดบุตร ตลอดจนการมีเพศสัมพันธ์กำลังดิ่งเหว

ข้อมูลจากสถาบันวิจัยประชากรและสังคมแห่งชาติญี่ปุ่น มากกว่า 40% ของชายและหญิงในวัย 18 – 34 ปี ไม่เคยมีเซ็กส์มาก่อน และหากเทรนด์นี้ยังคงเกิดขึ้นต่อไปคาดการณ์กันว่าในปี 2060 จำนวนประชากรในญี่ปุ่นจะลดลง 30% ซึ่งจะนำไปสู่วิกฤติทางเศรษฐกิจ

แต่จะทำอย่างไรได้ เพราะท่ามกลางเศรษฐกิจอันซบเซา การครองตัวอยู่เป็นโสดนั้นเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าเป็นไหนๆ

ด้วยค่าครองชีพที่สูง แต่อัตราการจ้างงานต่ำ หนุ่มสาวรุ่นใหม่ที่เป็นคนโสดจำนวนมากเลือกที่จะอาศัยอยู่กับครอบครัว กลุ่มคนพวกนี้ถูกเรียกว่า parasaito shinguru หรือ parasite singles และแน่นอนว่าเทรนด์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในญี่ปุ่น แต่ผู้คนรุ่นใหม่ในยุโรปตะวันตกและสหรัฐอเมริกาเองก็มีบางส่วนที่ยังคงเลือกที่จะอาศัยอยู่กับพ่อแม่ต่อไปเพราะเศรษฐกิจที่ซบเซาเช่นกัน

ม่านรูด
เครื่องสั่นวางไว้ให้พร้อมใช้บริการภายในห้องพักของโรงแรม SK Plaza
ม่านรูด
ห้องพักในธีมรถไฟ จากโรงแรม Sara Sweet

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญก็คือ ความเป็นอิสระที่มากขึ้นของผู้หญิงญี่ปุ่น “เราเห็นผู้หญิงญี่ปุ่นหลายคนมากที่ครองตัวอยู่เป็นโสด” Eric Garrison ผู้ให้คำปรึกษาด้านเพศสัมพันธ์กล่าว “แต่ก่อนนี้คนญี่ปุ่นเชื่อกันว่าถ้าคุณมีสามี แล้วสามีประสบความสำเร็จ คุณก็จะประสบความสำเร็จในชีวิตไปด้วย แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช้แล้ว ผู้ชายไม่ใช้ตัวชี้วัดความสำเร็จอีกแล้ว”

และสำหรับบางคนแล้ว การฟาดฟันอารมณ์ใส่กันในชีวิตคู่จนหมดความโรแมนติกต่อกันนั้น เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ชาวญี่ปุ่นไม่อยากแต่งงาน ในปี 2006 Maki Fukasawa นักเขียนชาวญี่ปุ่นนิยามกลุ่มคนเหล่านี้ว่าเป็น “herbivore men” หรือพวกที่ไม่สนใจเนื้อสัตว์ ซึ่งเปรียบเปรยกับเรื่องทางเพศที่พวกเขามีความสนใจน้อยนั่นเอง

(อ่านต่อหน้า 3)

Recommend