การอนุรักษ์แนวทางใหม่ของชาวฮาโตโฮเป มุ่งสร้างหลักประกันว่า ความอุดมสมบูรณ์ของ อะทอลล์แห่งหนึ่งจะคงอยู่สืบไปชั่วลูกชั่วหลาน
อากาศสดใสตอนเช้าวันหนึ่งเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2020 ณ ชายขอบด้านตะวันตกเฉียงใต้ของกลุ่มเกาะปาเลา เจ้าหน้าที่พิทักษ์ทะเลในโครงการจัดการทรัพยากรแนวปะการังเฮเลนกำลังเริ่มงานประจำวัน ดูแลความเรียบร้อยรอบสถานีและตรวจสอบปืนฉมวกสำหรับใช้จับปลาตอนบ่าย พวกเขาได้ยินเสียงเครื่องยนต์ และไม่นานก็สังเกตเห็นเรือไม่ทราบฝ่าย ลำหนึ่ง นี่ต้องเป็นปัญหาแน่ๆ พวกเขาน่าจะต้องได้รับการแจ้งล่วงหน้าแล้ว หากมีเรือถูกกฎหมายเข้ามายังโฮต์ซารีฮีซึ่งเป็นชื่อที่ชาวฮาโตโฮเป ผู้พิทักษ์ดั้งเดิมของพื้นที่แห่งนี้ เรียกแนวปะการังเฮเลน
“เรือลำนั้นขนของเข้ามาเพียบเลยค่ะ” เพตรา เท็กเกิล เจ้าหน้าที่อนุรักษ์ หรือที่ทีมงานโครงการเรียกตนเองว่า “เจ้าหน้าที่พิทักษ์ทะเล” เท้าความหลังแม่ของเธอมาจากเกาะฮาโตโฮเปที่อยู่ห่างจากแนวปะการังแห่งนี้ไปทางตะวันตก 65 กิโลเมตร เรือลำนี้เป็นหนึ่งในกองเรือยนต์ขนาดเล็กหกลำจากเรือใหญ่สัญชาติจีนที่ลักลอบเข้ามาจับปลิงทะเล ซึ่งอาจมีสนนราคาถึงกิโลกรัมละ 1,800 ดอลลาร์สหรัฐในฮ่องกง
เมื่อเรือลำหนึ่งแล่นเข้ามายังสถานีผู้พิทักษ์ทะเลบนเกาะเฮเลน ซึ่งเป็นสันดอนทรายทางเหนือสุดของแนวปะการัง ทีมเจ้าหน้าที่สื่อสารด้วยสัญญาณมือให้ชาวประมงผิดกฎหมายกลับไปยังเรือใหญ่ของพวกเขาและรอคำสั่งต่อไป “ฉันกลัวค่ะ” เท็กเกิลบอก “นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันเผชิญหน้ากับพวกประมงเถื่อน” เธอถอยฉากออกมา แล้วโทรศัพท์ผ่านดาวเทียมหาผู้จัดการโครงการในโครอร์ เมืองใหญ่ที่สุดของปาเลา ความช่วยเหลือกำลังมา แต่การส่งเรือตำรวจน้ำข้ามน่านน้ำเปิดของมหาสมุทรเป็นระยะทาง 580 กิโลเมตรต้องใช้เวลาสองสามวัน เจ้าหน้าที่พิทักษ์ทะเลซึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นเรือต่างชาติเพื่อความปลอดภัยของตนเองต้องหาวิธีถ่วงเวลาพวกประมงเถื่อนไว้
ต่อมา ชาวประมงพวกนั้นกลับมาพร้อมข้าว เบียร์ และเงินสด 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ และสัญญาว่าจะโอนมาเพิ่มอีก 30,000 ดอลลาร์ หากแบ่งให้คนในทีมคนละเท่าๆ กัน เงินสินบนทั้งหมดนี้เทียบได้กับเงินเดือนทั้งปีของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ทะเลคนหนึ่งเลยทีเดียว พวกประมงเถื่อนทึกทักว่าเงินของพวกเขาจะได้ผล แต่สำหรับ เฮอร์คูลิส เอมิลิโอ เจ้าหน้าที่อนุรักษ์อาวุโสของทีม การปฎิเสธเงินจำนวนดังกล่าวเป็นเรื่องที่ไม่ต้องคิดเลย “เราเข้าใจว่า ถึงที่สุดแล้ว เราทำเพื่อคนของเรา เพื่อคนรุ่นต่อไปครับ” เอมิลิโอผู้เติบโตในฮาโตโฮเบ ซึ่งตอนเขายังเล็กเรียกกันว่า เกาะโตบี กล่าว
ประมงเถื่อนชาวจีนเดินเรือใหญ่ผ่านร่องน้ำเข้ามายังเขตกำบังคลื่นลมในลากูนของแนวปะการัง และส่งนักดำน้ำลงไปเก็บปลิงทะเล พวกเขาเสนอสินบนทั้งเงินและข้าวของต่างๆ แต่เจ้าหน้าที่พิทักษ์ทะเลยังคงยืนกรานปฏิเสธ
ในที่สุด ด้วยการสนับสนุนทางอากาศและทางทะเลจากกองกำลังรักษาชายฝั่งสหรัฐฯ เรือตำรวจน้ำจากโครอร์มาถึงในวันที่สามและปิดกั้นทางน้ำเดินเรือ ทำให้เรือสัญชาติจีนถูกกักอยู่ในลากูน เจ้าหน้าที่ขึ้นเรือและควบคุมตัวลูกเรือ 28 คนยึดเงินสด เรือยนต์ อุปกรณ์ประมง และปลิงทะเลที่จับมาอย่างผิดกฎหมายรวม 225 กิโลกรัม
“ฉันภูมิใจในเจ้าหน้าที่พิทักษ์ทะเลของเราค่ะ” โรซานยา วิกตัวร์ ผู้จัดการโครงการ กล่าวถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นในวิดีโอ “สำหรับการเสียสละของพวกเขาที่มาประจำการในสถานีไกลปืนเที่ยง ห่างจากครอบครัว สำหรับความกล้าหาญที่ พวกเขาสกัดกั้นเรือประมงผิดกฎหมายด้วยประสบการณ์และชั้นเชิงจากการฝึก และสำหรับความซื่อสัตย์สุจริตที่ไม่ยอมรับสินบน”
ตั้งแต่เริ่มดำเนินการเมื่อกว่า 20 ปีก่อน โครงการจัดการทรัพยากรแนวปะการังเฮเลนนำภูมิปัญญาด้านการดูแลธรรมชาติของฮาโตโฮเปมาใช้เป็นแนวทางปกป้องแนวปะการัง นี่คือประจักษ์พยานของความพยายามในการอนุรักษ์ทั่วปาเลาหนึ่งในสถานที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดและได้รับความคุ้มครองมากที่สุดในมหาสมุทรต่างๆ ของโลก
โฮต์ซารีฮี แปลว่า “แนวปะการังของหอยมือเสือ” ชื่อนี้ตั้งตามหอยมือเสือสกุล ไทรแดกนา ที่เคยมีอยู่อย่างชุกชุม และตามที่เล่าขานกันมานั้น มันอาจเติบใหญ่ถึงขนาดที่นักดำน้ำเข้าไปนอนขดอยู่ข้างในได้ ลากูน ร่องน้ำ และโซนพื้นราบ (reef flat) ขนาดใหญ่ของแนวปะการังในอะทอลล์แห่งนี้ เป็นแหล่งรวมของชนิดพันธุ์ปะการังแข็งและอ่อนมากมายซึ่งให้ถิ่นอาศัยใต้น้ำ แก่ทากทะเล ปลิงทะเล และปลาขนาดใหญ่ตามแนวปะการัง เช่น ปลานกขุนทองหัวโหนก ส่วนบนเกาะนั้น เต่าตนุและนกทะเลหลายพันตัวใช้เป็นแหล่งสร้างรัง
ความสัมพันธ์ใกล้ชิดที่ชาวฮาโตโฮเปมีต่อผืนดินและท้องทะเล บ่มเพาะองค์ความรู้ที่คงอยู่มาช้านาน ทั้งภูมิปัญญา วิถีปฏิบัติ และประเพณีที่เรียกว่า มูมู องค์ความรู้เหล่านี้ยังรวมถึงวิธีทำเกษตร เทคนิคการจับปลา และธรรมเนียมการท่องทะเลฮาโตโฮเป แปลว่า “ทำให้มนตร์ขลังและการค้นพบใหม่ๆ เปี่ยมคุณค่าความหมายมากขึ้น” อันเป็นเครื่องย้ำเตือนถึงวิถีที่บรรพบุรุษลงหลักปักฐานบนเกาะฮาโตโฮเป หลังจากรอนแรมในทะเลเป็นระยะทางราว 1,300 กิโลเมตร
ชาวฮาโตโฮเปรุ่นแรกๆ ปลูกกลี [พืชกินหัวคล้ายเผือก] แปลงใหญ่โตมโหฬารตรงกลางเกาะ เพื่อรับประกันว่าจะมีแหล่งอาหารที่มั่นคง ซึ่งพวกเขายังคงใช้อยู่จนถึงทุกวันนี้ พวกเขาพัฒนาการจับปลาด้วยวิธีต่างๆ รวมถึงการส่องไฟจับปลาด้วยสวิงขนาดใหญ่ การทำบ่วงดักฉลาม การจับปลาใต้ขอนไม้ลอยน้ำ การใช้ว่าวตกปลา และการลากสายเบ็ดในน้ำ แม้เทคนิคหลายอย่างเหล่านี้จะไม่ได้ใช้อีกแล้ว แต่ภูมิปัญญายังคงตกทอดอยู่ในชุมชนฮาโตโฮเปตลอดสองศตวรรษที่เกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่อยู่บ่อยครั้ง
เริ่มจากปลายศตวรรษที่สิบเก้า เกาะเล็กเกาะน้อยและอะทอลล์หรือเกาะปะการังวงแหวนกว่า 340 แห่งของปาเลา ถูกสเปน เยอรมนี ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ อ้างกรรมสิทธิ์ ใช้ประโยชน์และปกครองต่อเนื่องตามลำดับ ปาเลาซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของสหรัฐฯ นานเกือบครึ่งศตวรรษหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ได้รับเอกราชในปี 1994 ภายใต้สนธิสัญญาระหว่างสองประเทศ ปาเลาได้รับความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจและการสนับสนุนบริการทั้งด้านไปรษณีย์ อุตุนิยมวิทยา และการบินจากรัฐบาลกลางสหรัฐฯ อีกทั้งพลเมืองปาเลาสามารถอยู่อาศัย ทำงาน และศึกษาในสหรัฐฯ ได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า ส่วนสหรัฐฯ ยังคงไว้ซึ่งอำนาจทางการทหารเป็นการแลกเปลี่ยน
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา การถูกต่างชาติยึดครอง โรคระบาด พายุและการกัดเซาะชายฝั่ง ตลอดจนการใช้ประโยชน์ในทรัพยากรธรรมชาติ บีบให้ชาวฮาโตโฮเปส่วนใหญ่ละทิ้งเกาะบ้านเกิดไปยังโครอร์และไกลออกไป จากผู้สืบเชื้อสายชาวฮาโตโฮเปราว 200 คนในปาเลา มีเพียงประมาณ 30 คนที่ยังคงอาศัยอยู่บนเกาะนี้ตลอดทั้งปี ส่วนใหญ่พำนักอยู่ในชุมชนเอชางซึ่งก่อตั้งขึ้นระหว่างการยึดครองของเยอรมนีตอนต้นศตวรรษที่ยี่สิบ ในรัฐโครอร์ที่ห่างไกล ปัจจุบัน ฮาโตโฮเปและโฮต์ซารีฮียังคงเป็นรากฐานทางสังคมและวัฒนธรรมของชุมชนที่ยังคงดูแลรักษาเกาะและแนวปะการังต่อไป
ในช่วงทศวรรษ 1990 เรือประมงจากอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ลอบทำประมงในแนวปะการังด้วยความละโมบ โดยใช้ทั้งระเบิดไดนาไมต์ สารไซยาไนด์ และอวนขนาดใหญ่เพื่อจับปลิงทะเล ทากทะเล หอยมือเสือ ฉลาม ปลาเก๋า และเต่าทะเล
ด้วยความช่วยเหลือจากนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกันสองคน ชุมชนชาวฮาโตโฮเปจึงสอบถามไปยังชาวหมู่เกาะแปซิฟิกอื่นๆ เพื่อเรียนรู้วิธีรับมือกับการทำประมงเกินขนาด แต่ในขั้นแรก คนในชุมชนต้องตอบคำถามข้อหนึ่งเสียก่อน นั่นคือ ใครเป็นเจ้าของแนวปะการัง คำถามนี้จุดประกายให้เกิดการไต่สวนสาธารณะหลายครั้งในปี 1999 โดยมีสมาชิกของทุกครอบครัวในฮาโตโฮเปเข้าร่วม หลังจากพิจารณาและทบทวนคำบอกเล่าเก่าแก่ของครอบครัวและคนในสายตระกูลแล้ว ชุมชนก็ได้ฉันทามติว่า แนวปะการังมีชาวฮาโตโฮเปเป็นเจ้าของร่วมกัน “ผู้อาวุโสในห้องถามหัวหน้าครอบครัวแต่ละคนว่า ‘ท่านมีความเห็นอย่างไร’ และทุกคนล้วนเห็นพ้องด้วย” เวย์น แอนดรูว์ ซึ่งเป็นชาวฮาโตโฮเปและผู้อำนวยการอาวุโสของโครงการไมโครนีเซียที่องค์กรอนุรักษ์ไม่แสวงกำไรชื่อ วันรีฟ (OneReef) อธิบาย “เราต้องการให้แนวปะการังเฮเลนได้รับความคุ้มครองครับ”
เมื่อปี 2000 ชาวฮาโตโฮเปกลุ่มหนึ่ง ชาวปาเลากลุ่มอื่นๆ และกลุ่มนานาชาติได้รับเงินทุนจากรัฐบาลและภาคเอกชน ให้เริ่มดำเนินโครงการจัดการทรัพยากรแนวปะการังเฮเลน และในปีถัดมา สภานิติบัญญัติรัฐฮาโตโฮเปผ่านกฎหมายกำหนดให้แนวปะการังเป็นพื้นที่คุ้มครอง ในช่วงสี่ปีแรก แนวปะการังได้รับการประกาศให้เป็นเขตปลอดกิจกรรมประมงทั้งหมดเมื่อแนวปะการังฟื้นตัว พื้นที่ประมาณร้อยละ 30 ของอะทอลล์ก็เปิดให้ทำประมงอย่างยั่งยืน “เมื่อเรามีความอุดมสมบูรณ์แล้ว ส่วนที่ล้นเกินก็หล่อเลี้ยงชุมชนได้ครับ” ทอมัส แพทริส อดีตผู้ว่าการรัฐฮาโตโฮเปซึ่งมีบทบาทสำคัญในการจัดตั้งพื้นที่คุ้มครองแห่งนี้ อธิบาย
ในที่สุด โครงการฯ ก็สร้างสถานีพิทักษ์ทะเลขึ้นเป็นการถาวร ฝึกหัดและจ้างชาวฮาโตโฮเปและชาวปาเลาอื่นๆ เป็นเจ้าหน้าที่อนุรักษ์ และพัฒนาแผนจัดการเบ็ดเสร็จที่อิงงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์และภูมิปัญญาดั้งเดิม เจ้าหน้าที่พิทักษ์ทะเลไม่เพียงยับยั้งกิจกรรมประมงผิดกฎหมาย แต่ยังคอยเฝ้าระวังเต่าทะเลและสัตว์ทะเลอื่นๆ เพื่อรักษาการฟื้นตัวและสุขภาวะของอะทอลล์
แพทริสยังจำการไปเที่ยวแนวปะการังนี้ตอนเด็กได้ “เย็นวันหนึ่ง พอน้ำลง นกกลับมาจากการล่าเหยื่อ และจะบินต่ำมากจนหอยมือเสือยักษ์ตื่นตัวและงับฝาเข้าหากันจนน้ำพุ่งออกมาเลยครับ” หลายปีต่อมา เขาพาลูกๆ ไปชมปรากฏการณ์นี้แต่ไม่มีให้เห็นอีก แต่ตอนนี้ “ทรัพยากรกำลังฟื้นตัวครับ” เขาบอก “และเราอยากให้เป็นเช่นนั้นต่อไป”
ปาเลาขยายมาตรการอนุรักษ์ออกไปด้วยการจัดตั้งเขตรักษาพันธุ์สัตว์ทะเลแห่งชาติซึ่งมีผลบังคับเมื่อปี 2020 เขตรักษาพันธุ์แห่งนี้ซึ่งถือเป็นพื้นที่คุ้มครองทางทะเล (marine protected area: MPA) ขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ปกป้องน่านน้ำร้อยละ 80 ของปาเลาและน่านน้ำทางตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิกกว่า 474,000 ตารางกิโลเมตรจากกิจกรรม หาประโยชน์จากทรัพยากรทางทะเล รวมถึงการทำเหมืองและการประมง ปาเลามีความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเล มากที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคไมโครนีเซียทั้งหมด โดยมีทั้งปะการังแข็ง ปะการังอ่อน และฟองน้ำหลายร้อยชนิด ปลาใน แนวปะการังกว่า 1,300 ชนิด และปลาทูน่า ปลากระโทง ปลาฉลาม และปลากระเบนจำนวนมาก กองทุนและเขตรักษาพันธุ์มีพื้นฐานความเชื่อร่วมกันที่หยั่งรากลึกในธรรมเนียมปฏิบัติที่เรียกว่า บุล หรือการจำกัดการจับปลาในแนวปะการังหนึ่งๆ และช่วงใดช่วงหนึ่งของปีเพื่อให้ปลาขยายพันธุ์
ปัจจุบัน ประธานาธิบดีปาเลาเริ่มมองหาวิธีเปลี่ยนแปลงแนวเขตรักษาพันธุ์สัตว์ทะเลเพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการประมงเชิงพาณิชย์ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นการตอบสนองต่อการถดถอยทางเศรษฐกิจจากการระบาดของโควิด 19 แอนดรูว์อธิบายว่า ไม่ต้องสงสัยเลยว่า การประมงเชิงพาณิชย์ที่เพิ่มขึ้นในปาเลาจะส่งผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพในทะเล แต่การเปลี่ยนแปลงใดๆ ต่อแนวเขตรักษาพันธุ์สัตว์ทะเลแห่งชาติแห่งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อสถานะพื้นที่คุ้มครองของโฮต์ซารีฮี และแอนดรูว์รับรองว่าชาวฮาโตโฮเปจะดูแลมันต่อไป
ไม่กี่ปีหลังเหตุการณ์เผชิญหน้ากับประมงเถื่อนชาวจีน เจ้าหน้าที่พิทักษ์ทะเลยังคงปักหลักอยู่ในสถานีบนสันทรายอันห่างไกลของพวกเขา และยังไม่ได้เผชิญกับการล่วงล้ำจากต่างชาติอีก แต่พวกเขาก็พร้อมรับมือกับสิ่งใดก็ตามที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
“ฉันรักงานนี้เพราะรู้สึกว่าตัวเองกำลังช่วยชุมชนค่ะ” เจ้าหน้าที่เท็กเกิลกล่าว “ต่อให้มีโอกาสงานอื่นเข้ามา ฉันก็เลือกอยู่กับเกาะของฉันต่อไป”
เรื่อง เกล็บ เรย์กอรอเด็ตสกี
ภาพถ่าย คิลอิ ยู่หยาน