“ระดับน้ำทะเลทั่วโลกอาจเพิ่มสูงขึ้นถึง 1.9 เมตรภายในปี 2100
ซึ่งมีความเป็นไปได้อยู่ที่ร้อยละ 90
สูงกว่าการคาดการณ์ล่าสุดของสหประชาชาติถึง 90 เซนติเมตร”
ปัจจุบันโลกยังคงปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างไม่หยุดยั้ง จนทำให้หลายปีที่ผ่านมา โลกมีระดับอุณหภูมิสูงทำลายสถิติติดต่อกันหลายเดือน ซึ่งนอกจากผลกระทบเรื่องความร้อนแล้ว ก๊าซเรือนกระจกยังทำให้ระดับน้ำทะเลมีแนวโน้มสูงขึ้น เนื่องจากมันได้ไปละลายน้ำแข็งบริเวณขั้วโลกซึ่งเพิ่มปริมาณน้ำเข้าไปยังมหาสมุทร
โดยทั่วไปแล้วการคาดการณ์เกี่ยวกับระดับน้ำทะเลในปัจจุบันนั้นมีวิธีต่าง ๆ มากมายในการสร้างแบบจำลองสภาพอากาศ อย่างไรก็ตามระบบอากาศของโลกเป็นสิ่งที่ซับซ้อนอย่างมากและได้รับผลกระทบจากปัจจัยจำนวนมาก ดังนั้นแบบจำลองจึงให้ภาพที่แตกต่างกันไป ทำให้การประเมินระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้นให้ได้อย่างแม่นยำนั้นเป็นเรื่องยากขึ้นไปอีก
ด้วยเหตุนี้แม้แต่องค์กรอย่างคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ก็ยังไม่สามารถระบุได้อย่างแน่ชัดว่าระดับน้ำทะเลจะเพิ่มขึ้นเท่าไหร่กันแน่ แต่สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์เห็นตรงกันคือน้ำทะเลจะสูงขึ้นอย่างแน่นอน
เพื่อเอาชนะความท้าทายเหล่านี้และแก้ไขความไม่แน่นอนในการจำลองระดับน้ำทะเล ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนานยาง (NTU) จากประเทศสิงคโปร์และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเดลฟท์ (TU Delft) ประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้ร่วมมือกันพัฒนาวิธีใหม่เพื่อทำให้ภาพดังกล่าวชัดเจนขึ้น
“แนวทางใหม่ของเราช่วยแก้ปัญหาสำคัญในวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับระดับน้ำทะเลได้ เนื่องจากวิธีการต่าง ๆ ที่ใช้ในการคาดการณ์การเพิ่มขึ้นของระดับทะเลนั้นมักจะให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันอย่างมาก” ดร.เบนจามิน แกรนเดย์ (Benjamin Grandey) นักวิจัยอาวุโสจากคณะวิทยาศาสตร์กายภาพและคณิตศาสตร์ของมหาวิทยาลัยนานยาง กล่าว
“การรวบรวมแนวทางต่าง ๆ เหล่านี้เข้าด้วยกันเพื่อสร้างการประมาณแบบฟิวชัน ช่วยให้เราประเมินความไม่แน่นอนที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลในอนาคต และระบุช่วงที่เป็นไปได้ในการเพิ่มขึ้นนี้” เขาเสริม ทีมวิจัยเชื่อว่าวิธีการใหม่ของพวกเขาสามารถเติมเต็มช่องว่างสำคัญและเสริมรายงานของ IPCC ได้
จุดแข็งของแบบจำลอง
ตามรายงานใหม่ที่เผยแพร่บนวารสาร Earth’s Future ทีมวิจัยได้สร้างแบบจำลองโดยการบูรณาการวิธีการสร้างสถิติเข้ากับการตัดสินใจของผู้เชี่ยวชาญ โดยใช้ข้อมูลจากการคาดการณ์ที่กำหนดไว้ซึ่งมาจากรายงานการประเมินครั้งที่ 6 ของของ IPCC ที่ระบุถึงสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นภายใต้การปล่อยมลพิษที่แตกต่างกัน
กล่าวคือ นักวิจัยได้ผสมผสานวิธีการคำนวณทางสถิติเข้ากับข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญที่ระบุไว้ในรายงาน IPCC เข้าด้วยกัน เพื่ออธิบายกระบวนการ ‘สุดขั้ว’ ที่เข้าใจได้ยาก เช่น การเปลี่ยนแปลงกระทันหันของแผ่นน้ำแข็ง โดยให้ความสำคัญกับข้อมูลที่มีความเชื่อมั่นปานกลางขึ้นไป ขณะเดียวกันก็รวมการคาดการณ์ในสถานการณ์ความเชื่อมั่นต่ำไว้ด้วย เพื่อจัดการกับความไม่แน่นอน
ข้อมูลระบุออกมาอย่างชัดเจนว่า ภายใต้การปล่อยมลพิษสูง(หรือก็คือก๊าซเรือนกระจกสูง) แบบจำลองฟิวชั่นนี้คาดการณ์เอาไว้ว่าระดับน้ำทะเลทั่วโลกจะสูงขึ้นระหว่าง 0.5 ถึง 1.9 เมตรภายในปี 2100 โดยมีความน่าจะเป็นอยู่ที่ 90% ตามแนวโน้มปัจจุบัน ซึ่งสูงกว่าการประเมินของ IPCC ที่ระบุว่าจะสูงขึ้น 0.6 ถึง 1 เมตร
ขณะเดียวกันหากโลกอยู่ในสถานการณ์การปล่อยก๊าซเรือนกระจกระดับต่ำ ระดับน้ำทะเลทั่วโลกจะมีแนวโน้มสูงขึ้นระหว่าง 0.3 ถึง 1.0 เมตรภายในปี 2100 ซึ่งใกล้เคียงกับการประเมินของ IPCC ที่ระบุว่าจะอยู่ที่ 0.3 ถึง 0.6 เมตร
“การคาดการณ์ใหม่ของเรามีแนวโน้มที่จะเป็นไปได้สูงนี้ เน้นย้ำให้เห็นถึงความไม่แน่นอนของระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น” ดร. แกรนเดย์ กล่าว “การคาดการณ์ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น 1.9 เมตรได้ส่งข้อความเร่งด่วนไปยังผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจที่จะต้องวางแผนโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญให้เหมาะสม”
“ที่สำคัญกว่านั้น ผลลัพธ์เหล่านี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของกระบวนการบรรเทาผลกระทบจากสภาพอากาศผ่านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก”
ขณะที่ศาสตราจารย์ เบนจามิน ฮอร์ตัน (Benjamin Horton) ผู้อำนวยการหอสังเกตการณ์โลกแห่งสิงคโปร์แและผู้เขียนร่วมได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมไว้ว่า “การวิจัยของมหาวิทยาลัยนานยางถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญในสาขาวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวกับระดับน้ำทะเล โดยประเมินความน่าจะเป็นของผลลัพธ์ที่รุนแรงที่สุด”
“ซึ่งเน้นย้ำถึงผลกระทบที่รุนแรงของระดับน้ำทะเลที่มีต่อชุมชนชายฝั่ง โครงสร้างพื้นฐาน และระบบนิเวศ พร้อมกับแจ้งเตือนอย่างเร่งด่วนไปยังการแก้ไขวิกฤตสภาพอากาศ”
สืบค้นและเรียบเรียง
วิทิต บรมพิชัยชาติกุล
ที่มา
https://agupubs.onlinelibrary.wiley.com