น้ำท่วม…ชีวิตเด็กไทย เมื่อความหวังและอนาคตต้องจมไปกับสายน้ำ

น้ำท่วม…ชีวิตเด็กไทย เมื่อความหวังและอนาคตต้องจมไปกับสายน้ำ

ความจริงของผู้คนในบางบาล เสนา และผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา น้ำท่วม น้ำลดที่ยืดเยื้อนานหลายเดือนในแต่ละปี พัดพาอนาคตของเด็กให้จมไปกับสายน้ำ

คลื่นน้ำที่โถมซัดเสาไม้ดัง ปึ้ง ปึ้ง ทั้งวันทั้งคืน ทำให้เพิงไม้หลังเล็กของย่าทวดแสวง วุฒิพัตน์ เหลือเพียงไม่กี่ตารางเมตรที่ยังพ้นน้ำอยู่

เธออาศัยอยู่กับ วุทิตา หรือ ตัง ผู้เป็นเหลนวัย 6 ขวบ ซึ่งกำลังก้มหน้าทำการบ้านบนเตียงไม้ที่ตอนนี้กลายเป็นเหมือนเกาะกลางน้ำภายในบ้าน สมุดในมือสั่นทุกครั้งที่คลื่นกระแทก เงาน้ำไหวสะท้อนบนใบหน้าเหมือนทาบด้วยเงามืดแห่งความไม่แน่นอน เสียงไม้เก่าที่ถูกแรงน้ำรุกคืบดังกรอบแกรบ โต๊ะและเตาทำกับข้าวถูกยกสูงจนเอียงราวกับจะร่วงลงได้ทุกเมื่อ ทิ้งให้ข้าวของที่ยกไม่ทันจมหายไปใต้น้ำ พื้นชื้นแฉะทำให้แม้แต่ผู้ใหญ่ต้องยึดเสาเพื่อทรงตัว แล้วเด็กเล็ก ๆ จะเหลือพื้นที่ปลอดภัยเพียงใด

นี่คือความจริงของผู้คนในบางบาล เสนา และผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พื้นที่รับน้ำที่ต้องเผชิญน้ำท่วมซ้ำซากทุกปี วัฏจักรน้ำขึ้น น้ำท่วม น้ำลดที่ยืดเยื้อนานหลายเดือนในแต่ละปีจนกลายเป็นความเคยชินที่ไม่มีใครอยากคุ้นชิน เพราะทุกครั้งที่น้ำมา มันไม่ได้พาแค่ความเดือดร้อน แต่ยังอาจพัดพาอนาคตของเด็กไปด้วย

ผลกระทบกระจายไปทั่วชุมชนและโรงเรียน เด็กจำนวนมากต้องหยุดเรียนเป็นระยะ เดินทางมาเรียนไม่ได้ หรือพึ่งพาการเรียนออนไลน์ที่ไม่สมบูรณ์ ครูต้องสอนผ่านโทรศัพท์ ส่งใบงานให้ถึงบ้าน หรือแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ขณะที่เด็กเติบโตท่ามกลางความไม่แน่นอนซ้ำซากทุกปี

ปีนี้หลายพื้นที่บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าสถานการณ์ต่างจากปี 2554 น้ำท่วมใหญ่ครั้งนั้นเกิดจากน้ำหลากจากเขื่อนรวมกับปริมาณฝนที่ตกมากผิดปกติ ทำให้อยุธยาจมอยู่ใต้น้ำนานหลายเดือน ส่งผลให้โรงงาน นิคมอุตสาหกรรม โรงเรียน และบ้านเรือนเสียหายเป็นวงกว้าง แต่ในปีนี้แม้น้ำไม่สูงเท่า แต่กลับขังนานกว่า ทำให้เด็กต้องอยู่บ้านและเรียนออนไลน์ ส่งผลกระทบด้านการเรียนรู้หนักเกินคาด เด็ก ๆ ไม่ได้ใช้เวลากับเพื่อน ๆ ในโรงเรียน “อยากกลับไปเจอเพื่อนมากครับ แต่ตอนนี้ก็ทำได้แค่ทำการบ้านที่บ้าน” เด็กชายจิรยุทธ์ สุขสมพืช วัย 9 ขวบ บอกขณะสวมเสื้อชูชีพนั่งเรือกลับบ้านที่ระดับน้ำเกือบมิดหลังคา

ภาพมุมสูงของตำบลหัวรอ อำเภอพระนครศรีอยุธยา แสดงความต่างอย่างชัดระหว่างฝั่งซ้ายซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจที่ยังแห้งกับฝั่งขวาซึ่งเป็นชุมชนที่ถูกน้ำท่วมหนัก สะท้อนภาระที่ประชาชนรายได้น้อยต้องแบกรับมากกว่าผู้ที่อยู่ในเขตเศรษฐกิจที่มีระบบจัดการน้ำดีกว่า
วุทิตา วุฒิพัตน์ หรือ ตัง นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 อายุ 6 ขวบ นั่งทำการบ้านที่ได้รับมาในช่วงหยุดเรียนเพราะน้ำท่วม โรงเรียนจะเปิดสอนได้เพียงวันเดียวก่อนต้องปิดอีกครั้งเมื่อระดับน้ำสูงขึ้น ตังอาศัยอยู่กับย่าทวดแสวงในเพิงเล็ก ๆ ในอำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา น้ำรอบบ้านสูงราว 3 เมตร และเอ่อล้นเข้ามาในตัวบ้านถึงระดับหัวเข่า

โรงเรียนบางแห่ง เช่น โรงเรียนวัดบันไดช้าง ต้องปิดเรียน ขณะที่บางแห่ง เช่น โรงเรียนวัดนาคสโมสร ยังเปิดได้แต่ต้องย้ายของขึ้นที่สูงเมื่อชั้นล่างถูกน้ำท่วม ครูเตือนใจ จิตร์ประสงค์ ครูประจำชั้นอนุบาล 1 ต้องสอนเด็กเล็กออนไลน์ผ่านโทรศัพท์ ส่วนครูกรองทอง เวชสุกรรม ครูแผนกธุรการเล่าว่าครูในโรงเรียนต้องเปลี่ยนมาสอนแบบออนไลน์ควบคู่ไปกับให้การบ้านผ่านผู้ปกครอง “แต่เด็กหลายคนเข้าไม่ถึงอินเทอร์เน็ต ทำให้การเรียนไม่สมบูรณ์เท่าห้องเรียนจริง” เธอกล่าว

สิ่งที่เกิดขึ้นในอยุธยาไม่ใช่เหตุการณ์โดดเดี่ยว แต่สะท้อนปัญหาระดับประเทศ จากผลสำรวจล่าสุด “ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความช่วยเหลือที่โรงเรียนต้องการ” ซึ่งจัดทำโดยยูนิเซฟและสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม 2568 ครอบคลุมโรงเรียนรัฐ 329 แห่งทั่วประเทศ พบว่าเกือบทุกโรงเรียนทั่วประเทศต้องเผชิญสภาพอากาศรุนแรงมากขึ้นในช่วงสามปีที่ผ่านมา โดยทุกโรงเรียนในการสำรวจรายงานว่าเคยเผชิญฝนตกหนัก น้ำท่วม หรือพายุอย่างน้อยหนึ่งครั้ง และผลกระทบไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเรียนรู้ แต่ยังสร้างความเสียหายต่อสาธารณูปโภคพื้นฐานของโรงเรียนถึงสามในสี่แห่ง ตั้งแต่ไฟฟ้า น้ำดื่ม ห้องน้ำ สุขอนามัย ไปจนถึงระบบอาหารกลางวัน กว่าครึ่งระบุว่านักเรียนป่วยจากโรคที่มากับน้ำ ความร้อน หรือยุงพาหะ และเกือบครึ่งรายงานว่าอาคารเรียนเสียหาย ที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือ โรงเรียนประมาณครึ่งหนึ่งไม่เคยได้รับความช่วยเหลือใดๆ หลังเผชิญภัยสภาพอากาศรุนแรง

ข้อมูลนี้สอดคล้องกับสิ่งที่ครูและผู้ปกครองในอยุธยากำลังเผชิญอย่างตรงไปตรงมา เมื่อโรงเรียนเปิดไม่ได้ เด็กต้องใช้เวลานอกบ้านในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง อย่างที่วัดเชิงท่า ริมแม่น้ำน้อย เด็กๆ ลงเล่นน้ำแม้น้ำขึ้นลงเร็ว ผู้ใหญ่ต้องเฝ้าระวังอยู่เสมอ คุณลดา วรทีปบัณฑิต คุณแม่และเจ้าของร้านอาหารตามสั่งที่ต้องปิดร้านชั่วคราวเพราะน้ำท่วมบอกว่า “บางช่วงน้ำลึก เด็กต้องเกาะบันไดก่อนลงน้ำ เด็กชอบ แต่เราต้องคอยดูตลอด กลัวเกิดอุบัติเหตุ” ความเสี่ยงกลายเป็นโศกนาฏกรรมเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2568 เด็กชายอายุ 15 ปีพลัดตกน้ำและถูกกระแสน้ำพัดเสียชีวิต นับเป็นผู้เสียชีวิตรายที่ 19 จากน้ำท่วมในจังหวัดปีนี้

หลายครอบครัวต้องสอนลูกให้ว่ายน้ำหรือพายเรือตั้งแต่เล็ก บางคนต้องสวมเสื้อชูชีพทุกครั้งที่ออกจากบ้าน “เด็กหลายคนว่ายน้ำไม่เป็น หากน้ำท่วมอีก ความเสี่ยงสูงมาก” ผู้ปกครองรายหนึ่งกล่าว ในหลายพื้นที่ โรงเรียนเทศบาลวัดศาลาปูนต้องถูกใช้เป็นศูนย์พักพิง ผู้ประสบภัยรวมถึงเด็กเล็กและทารกพักอาศัยรวมกัน เจ้าหน้าที่ต้องดูแลทั้งเรื่องอาหาร สุขอนามัย และการรักษาพยาบาล ขณะที่ทุกคนยังคิดถึงบ้านที่จมน้ำอยู่เบื้องหลัง ผู้ปกครองจำนวนมากเรียกร้องให้รัฐ โดยเฉพาะกรมชลประทาน บริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบเพื่อลดความเสี่ยงซ้ำซากที่กระทบเด็กโดยตรง

ครูเตือนใจ จิตร์ประสงค์ ครูประจำชั้นอนุบาล 1 เปิดมือถือสอนนักเรียนทางออนไลน์ระหว่างที่โรงเรียนต้องหยุดเรียนเพราะน้ำท่วม โรงเรียนเทศบาลวัดแม่นางปลื้ม ตำบลคลองสระบัว อำเภอพระนครศรีอยุธยา เป็นหนึ่งในโรงเรียนที่ถูกน้ำท่วมต่อเนื่องยาวนานกว่า 4 เดือน ทำให้ต้องปรับมาใช้การสอนออนไลน์แทน
นักเรียนและครูโรงเรียนวัดนาคสโมสร (โบราณญาณบำรุง) ตำบลไผ่พระ อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร่วมกันเคลื่อนย้ายของในห้องพักครูหลังน้ำเพิ่มสูงจนท่วมพื้นที่ชั้น 1 ของโรงเรียน
ครูเตือนใจ จิตร์ประสงค์ ครูประจำชั้นอนุบาล 1 สำรวจความเสียหายในห้องอนุบาล โรงเรียนเทศบาลวัดแม่นางปลื้ม ตำบลคลองสระบัว อำเภอพระนครศรีอยุธยา หลังน้ำท่วมยาวนานกว่า 4 เดือนโดยระดับน้ำยังไม่ลดลง สาเหตุหลักมาจากการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาที่เพิ่มขึ้น ทำให้น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาและคลองสาขาเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำ

องค์การยูนิเซฟชี้ว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่เด็กเผชิญความเสี่ยงจากผลกระทบสภาพภูมิอากาศสูงที่สุด โดยรายงาน Global Climate Risk Index ปี 2568 จัดให้ไทยอยู่ในอันดับที่ 30 ของประเทศที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตภูมิอากาศมากที่สุด ขณะเดียวกัน เด็กไทยกว่า 10.8 ล้านคนยังเผชิญความเสี่ยงสูงจากอุทกภัยและภัยแล้ง

การสำรวจล่าสุดของยูนิเซฟยังพบว่า แม้โรงเรียนส่วนใหญ่จะพยายามสอดแทรกเนื้อหาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในการเรียนการสอน แต่ครูร้อยละ 80 ไม่เคยได้รับการอบรมอย่างเป็นทางการและต้องพึ่งพาการศึกษาด้วยตนเอง ขณะที่โรงเรียนเฉพาะความพิการมีความต้องการอุปกรณ์และการสนับสนุนมากกว่าโรงเรียนทั่วไปอย่างชัดเจน

แป้นบาสในสนามเด็กเล่น โรงเรียนเทศบาลวัดแม่นางปลื้ม ตำบลคลองสระบัว อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัด จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ถูกน้ำท่วมขังต่อเนื่องยาวนานกว่า 4 เดือน โดยระดับน้ำยังไม่ลดลง
สนามหน้าโรงเรียนวัดบันไดช้าง ตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ถูกน้ำท่วมขัง ทำให้โรงเรียนต้องหยุดการเรียนการสอนเป็นแห่งแรก ๆ ใน อำเภอ
“อยากกลับไปเจอเพื่อนมากครับ แต่ตอนนี้ทำได้แค่ทำการบ้านที่บ้าน” จิรยุทธ์ สุขสมพืช อายุ 9 ขวบ นักเรียนโรงเรียนวัดประดู่โลกเชษฐ์ กล่าวขณะสวมเสื้อชูชีพนั่งเรือกลับบ้านซึ่งถูกน้ำท่วมสูงจนเกือบมิดหลังคา
ยายสอนหลานหัดว่ายน้ำหน้ามัสยิดดารุซซุนนะห์ ตำบลภูเขาทอง อำเภอพระนครศรีอยุธยา โดยให้สวมเสื้อชูชีพและใช้เชือกจูงเพื่อความปลอดภัย ท่ามกลางสถานการณ์น้ำท่วมที่ยังส่งผลกระทบ
บุญศิริ ส้มเช้า ไกวเปลให้ธนพัต ลูกชายวัย 7 เดือน หน้าบ้านที่ถูกน้ำท่วมถึงระดับข้อเท้า ในอำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ลดา วรทีปบัณฑิต เฝ้าระวังเด็ก ๆ ขณะเดินลุยน้ำหน้าวัดเชิงท่า ชุมชนริมแม่น้ำน้อย อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ผลกระทบหนักจากน้ำท่วม จอกแหนลอยเต็มผิวน้ำและส่งกลิ่นเหม็น
บี เด็กวัย 6 ขวบ อาศัยในเต็นท์ริมถนนกับครอบครัวหลังบ้านที่อำเภอบางบาลถูกน้ำท่วมทั้งหลัง ครอบครัวต้องระวังเป็นพิเศษเพราะกลางคืนมีรถสิบล้อขับผ่านด้วยความเร็ว
ศิรินภา กลางรักษ์ หอมแก้มน้องบีเอ็มด้วยความรักที่ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย โรงเรียนเทศบาลวัดศาลาปูน อำเภอพระนครศรีอยุธยา เธอและลูกชายแรกเกิดต้องอพยพจากบ้านที่ถูกน้ำท่วมสูงจนไม่เหมาะกับการเลี้ยงทารก แม้ที่พักชั่วคราวจะไม่สะดวกและเต็มไปด้วยความกังวล แต่ศิรินภายังคงพยายามสร้างความอบอุ่นให้ลูก
เด็ก ๆ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาส่วนใหญ่พายเรือได้ เพราะต้องเจอน้ำท่วมซ้ำซากทุกปี ทำให้ทักษะนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน

เซเวอรีน เลโอนาร์ดี รักษาการผู้อำนวยการ องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวว่า “หากไม่เร่งเสริมความพร้อมให้โรงเรียนด้านโครงสร้างพื้นฐานและทรัพยากร เด็กจำนวนมากอาจสูญเสียโอกาสและศักยภาพในระยะยาว”

วิกฤตน้ำท่วมขังในอยุธยาไม่ใช่เพียงปัญหาในระดับพื้นที่ แต่สะท้อนความเปราะบางของระบบการศึกษาไทยทั้งระบบ เด็กจำนวนมากกำลังเสี่ยงต่อชีวิต สุขภาพ และการเรียนรู้ท่ามกลางสภาพอากาศที่รุนแรงขึ้นทุกปี ความหวังและอนาคตของเด็กไทยกำลังลอยคออยู่ท่ามกลางกระแสน้ำเชี่ยว และหากประเทศไม่เร่งปรับตัว ความสูญเสียในรุ่นนี้อาจกลายเป็นแผลลึกในอนาคตมากกว่าที่คิด

 

เรื่องและภาพ อานันท์ ชนมหาตระกูล

UNICEF Thailand


อ่านเพิ่มเติม : สุโขทัย Risks & Resilience เมืองแห่งการปรับตัวกับน้ำท่วมและน้ำแล้ง

Recommend