ภาพชีวิตเสี้ยวหนึ่งของ สามจังหวัดชายแดนใต้ เมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว
ผมลงไปนราธิวาสครั้งแรกเดือนพฤษภาคม 2546 พร้อมกับคำถามคาใจมากมาย
แผนการเดินทางของผมค่อนข้างกว้าง และหยาบมาก ๆ จนที่จริงไม่น่าจะเรียกมันว่าแผนซักเท่าไหร่
ผมจะทิ้งตัวอยู่ที่นั่น 3 เดือน ผมจะออกไปข้างนอกทุกวัน ผมจะคุยกับทุกคนที่ผมมีโอกาสได้เจอ ผมจะไปทุกที่ที่ใครก็ตามชวน หรือชี้เป้าให้ผมไป ผมจะตามไปดูทุกอย่างที่สะกิดตา สะกิดใจ ผมจะถาม ผมจะฟัง เพื่อถามต่อ และผมจะพยายามมีชีวิตรอดกลับมา
นราธิวาสรอบนั้นจบลงที่ 4 เดือน ผมเข้าไปในหลายหมู่บ้าน หลายอำเภอ ไปปัตตานี ไปยะลา ข้ามไปดูความเป็นไปฝั่งกลันตัน ของมาเลเซีย
ผมไปงานแต่ง ไปงานศพ ไปดูโรงเรียน ตาดีกา ปอเนาะห์ เวลาว่างผมเข้าร้านน้ำชา หาคนคุย หาคนชี้เป้า ไปดูชีวิตประมงพื้นบ้าน ไปประท้วงกับพวกเค้าที่ศาลากลางเรื่องเรือใหญ่ล้ำเขตจับปลา ไปดูชีวิตคนกรีดยาง ไปดูวัยรุ่นเที่ยวงานคอนเสิร์ท เที่ยวน้ำตก เที่ยวงานแข่งเรือ
ผมไปมัสยิด คุยกับนักการศาสนา สุหนี่ ชีอะห์ โต๊ะครูสอนนักโทษในเรือนจำ คุยกับหมอแว กับนักการเมืองท้องถิ่น ร้านค้า ผู้ประกอบการ ชาวบ้าน คนเดินถนนทั่วไป ผมไปหาอดีตขบวนการในหมู่บ้าน ไปหาตำรวจที่โรงพัก ขอนั่งรถสายตรวจ ขอตามไปดูเค้าตั้งด่าน ไปหาทหารในค่าย ขอตามดูภารกิจต่าง ๆ รปภ. พระ รปภ. ครู
นราธิวาส และสามจังหวัดคือโรงเรียนชีวิตโรงใหญ่ที่มีคุณค่ามหาศาลในวัยสามสิบต้น ๆ ของผม
มันคือภาพสะท้อนของความเป็นไป และนานาปัญหาสลับซับซ้อนที่ดำรงอยู่คู่ขนานในภาพกว้างระดับประเทศ ที่ถูกย่อส่วนลงให้เห็นได้ถนัดขึ้น และยิ่งชัดขึ้นไปอีกด้วยความแตกต่างทางวัฒนธรรมอย่างสุดขั้ว
ผมเห็นความเชื่อมโยง ระหว่างความขัดแย้งภายใน ที่สะเทือนสืบเนื่องเป็นลูกคลื่นมาจากปัญหาใหญ่ระดับนานาชาติ ความขัดแย้งรุนแรงระหว่างโลกมุสลิมกับโลกตะวันตกที่คุกรุ่นเขม็งเกลียวมาตั้งแต่เหตุ 911 เครื่องบินชนตึกเวิร์ลดเทรด เมื่อปี 2543 ก็มาปะทุเดือดในช่วงเวลานั้นพอดี
ผมเทียวกลับลงไปอีกหลายรอบ จนครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2549 สั้นบ้าง ยาวบ้าง แล้วแต่โอกาสและงบจะอำนวย เหตุรุนแรงในพื้นที่เพิ่มอัตราถี่และดีกรีของความหนักหน่วงขึ้น ๆ ลง ๆ เป็นช่วง ๆ ตามปัจจัยของแต่ละห้วงเวลา พีคที่สุดคือหลังปี 2547 ที่มีการปราบปรามใหญ่ของฝ่ายรัฐ จนส่งผลให้พี่น้องมุสลิมเสียชีวิตเป็นร้อยศพ 2 ครั้ง ที่มัสยิดกรือเซะ และที่ตากใบ ตามด้วยการตอบโต้กลับที่รุนแรงต่อเนื่องจากฝ่ายขบวนการ ทั้งการลอบยิง คาร์บอมบ์ มอเตอร์ไซค์บอมบ์ ฝังระเบิดใต้ถนน ฆ่าตัดศรีษะ ฯ
ความตึงเครียดรู้สึกได้ในมวลอากาศหนัก ๆ ที่อบอวลไปทั่วทุกพื้นที่หลังปี 2547 ทุกชีวิตที่ผมได้สัมผัสล้วนได้รับผลกระทบจากความรุนแรง ทั้งโดยตรง โดยอ้อม มากบ้าง น้อยบ้าง ต่างกรรม ต่างวาระกันไป บางคนตกเป็นเป้า เป็นเหยื่อโดยตรง คนที่ถูกมอง ถูกหมายหัวว่าเป็นสมาชิกขบวนการ โต๊ะครูผู้มีอิทธิพลทางความคิดในชุมชน เจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งตำรวจ ทหาร ครู ไปจนพระสงฆ์ต่างต้องอยู่กันอย่างระแวดระวังทุกฝีก้าว สื่อมวลชนท้องถิ่นด้วยเช่นกัน
เศรษฐกิจที่ซบเซาสืบเนื่องจากความรุนแรงย่อมกระทบปากท้องของทุก ๆ ชีวิตในพื้นที่ ลามไปถึงเมืองธุรกิจใหญ่อย่างสงขลา หาดใหญ่ กระทบการทำมาหากินของคนท้องถิ่น ชาวสวนยางไม่สามารถออกกรีดยางตอนกลางดึกที่น้ำยางไหลดี ต้องรอให้ฟ้าสว่างเสียก่อน ร้านรวงไม่กล้าเปิดจนค่ำมืด การก่อสร้างถนนหนทางไม่สามารถทำตอนกลางคืน การฆ่าแกงกันด้วยเรื่องส่วนตัวก็ง่ายขึ้นด้วยการโบ้ยไปเป็นเรื่องขบวนการ ฯลฯ
ผมไม่แน่ใจว่าผมได้คำตอบที่ผมตั้งใจไปหาตั้งแต่ก่อนลงไปหรือเปล่า คำถามหนึ่งคำถาม กลับมีคำตอบที่แตกต่างหลากหลาย ตามแต่ประสบการณ์ สถานะ และปูมหลังของคนตอบ คำถามเดียวกันนั้นกลับนำไปสู่คำถามใหม่ ๆ ที่แยกย่อย ต่อยอดออกไปอีกมากมายมหาศาลระหว่างทางที่ผมคลุกคลี ลงลึกไปเรื่อย ๆ
ภาพจำเดิมก่อนลงไปใต้ทริปแรก จากข่าวโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ ที่นั่งดู นั่งอ่านอยู่ทุกวัน ในหัวผมเห็นแต่ภาพความรุนแรงในพื้นที่ ผมข้องใจที่สุด ว่าคนในพื้นที่เขาใช้ชีวิตกันยังไง ท่ามกลางความรุนแรง และการฆ่าฟันกันในอัตราความถี่รายวัน รายชั่วโมง
แล้วผมก็พบว่าผมเข้าใจผิด
ความสัมพันธ์อันยอกย้อนระหว่างภาพจำ (perception) กับความจริง (reality) คือบทเรียนแรกที่ผมได้จากสามจังหวัด
เรามักเชื่อว่าสิ่งที่เรารู้คือความจริง
เป็นเพราะข่าวที่ผมได้รับมีแต่เหตุรุนแรงเพียงด้านเดียว ดูข่าวใต้ 10 ครั้ง เป็นเรื่องความรุนแรง 10 ครั้ง ภาพจำเรื่องสามจังหวัดของผมคือ “รุนแรง 100%” ซึ่งมันไม่ใช่ความจริงสำหรับคนในพื้นที่ พวกเค้ายังคงมีชีวิตปกติอีก 99%
ภาพถ่ายชุดนี้ไม่เคยถูกตีพิมพ์เผยแพร่ที่ไหนมาก่อน ผมเจตนาถ่ายเก็บไว้เพื่อเตือนความทรงจำของตัวเอง เกือบ 20 ปีผ่านไป ดูเหมือนสถานการณ์ในพื้นที่ยังไม่ได้ขยับเขยื้อนเคลื่อนที่ไปจากเดิมมากนัก ความรุนแรงยังคงดำรงอยู่ ขณะที่ชีวิตปกติก็ยังดำเนินคู่ขนานกันไป ละครชีวิตฉากใหญ่ ที่ครบทุกรสชาดความเป็นมนุษย์ ทั้งสุข เศร้า รอยยิ้ม คราบน้ำตา ความรัก การจากลา ความหวาดตัวกลัวตาย และความกล้าหาญในการมีชีวิตอยู่.
เรื่องและภาพ UNDERDOG.bkk