วิดีโอการจำลอง ภาพหลุมดำ ใหม่ จาก นาซา พาดำดิ่งไปยังใจกลาง

วิดีโอการจำลอง ภาพหลุมดำ ใหม่ จาก นาซา พาดำดิ่งไปยังใจกลาง

กระโดดลงไปสู่ หลุมดำ วิดีโอการจำลอง ภาพหลุมดำ ใหม่จาก นาซา พาคุณดำดิ่งลงไปสู่วัตถุที่แปลกประหลาดที่สุดในจักรวาล 

ภาพหลุมดำ – สร้างคำถามให้กับมนุษยชาติตั้งแต่รู้จักกับ หลุมดำ ครั้งแรกเมื่อร้อยกว่าปีก่อนว่า “มันจะเป็นอย่างไรหากเรากระโดดลงไปสู่ หลุมดำ สู่จุดที่ไม่สามารถหวนกลับได้?”

“ผู้คนมักถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ และการจำลองกระบวนการที่ยากต่อการจินตนาการเหล่านี้ ช่วยให้ผมเชื่อมโยงคณิตศาสตร์ของสัมพัทธภาพกับผลลัพธ์ที่แท้จริงที่เกิดขึ้นในจักรวาล” เจเรมี่ ชนิทท์แมน (Jeremy Schnittman) นักดาราศาสตร์ฟิสิกส์จากศูนย์การบินอวกาศก็อดดาร์ด ของ นาซา (NASA) กล่าว

“ผมจึงจำลองสถานการณ์ที่แตกต่างกัน 2 สถานการณ์ ฉากหนึ่งคือกล้องซึ่งเป็นนักบินอวกาศผู้กล้าหาญที่เฉียดขอบฟ้าเหตุการณ์และถูกยิงกลับออกไป ขณะที่อีกฉากหนึ่งคือข้ามขอบเขตแล้วยอมรับกับชะตากรรม” เขาเสริม

ชมวิดีโอการตกลงไปสู่หลุมดำของนาซาได้ที่นี่

หรือชมวิดีโอจำลองการบินรอบๆ หลุมดำ ได้ที่นี่ 

ประวัติที่ยาวนานของหลุมดำ

เมื่อ 109 ปีก่อนในเดือนธันวาคมปี 1915 ยุโรปและโลกกำลังถูกปกคลุมด้วยเมฆดำของสงครามโลกครั้งที่ 1 ทหารปืนใหญ่ชาวเยอรมันอายุมากคนหนึ่งกำลังถูมือเพื่อให้ความอบอุ่นกับนิ้วที่พยายามเปิดอ่านจดหมายล่าสุดที่ดึงดูดความสนใจของเขา มันน่าสนใจจนเขาต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อใช้แสงไฟฟ้าพยายามอ่านข้อความที่ยาวเหยียดด้วยความระมัดระวัง

เขาไม่รู้เลยว่างานที่ถูกพูดถึงในจดหมายฉบับบนี้จะกลายเป็นงานที่สำคัญที่สุดของมนุษยชาติ และกลายเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความอัจฉริยะของชายผู้หนึ่งซึ่งก็คือ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ และผู้ที่อ่านคือ คาร์ล ชวาซไชล์ด (Karl Schwarzschild) ผู้อำนวยการหอดูดาวฟิสิกส์ดาราศาสตร์ในพอทสดัม และนักทฤษฏีกับนักคณิตศาสาตร์ที่ประสบความสำเร็จ แม้จะมีตำแหน่งทางวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ ทว่าเขาก็เข้าร่วมสงครามในอายุ 40 ปี

งานดังกล่าวพูดถึงสิ่งที่ไอน์สไตน์ได้ทุ่มเทมาอย่างยาวนานกว่า 10 ปี เพื่อขยายขอบเขตของทฤษฏีสัมพัทธภาพพิเศษให้ครอบคลุมแรงโน้มถ่วงและแรงแม่เหล็กไฟฟ้า ไอน์สไตน์ได้วางรากฐานทางคณิตศาสตร์ของทฤษฏีสัมพัทธภาพทั่วไป ซึ่งยังคงถือว่าเป็นหนึ่งในทฤษฏีทางวิทยาศาสตร์ที่สวยงามและยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล

บทความถูกเผยแพร่เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 1915 โดยมีเชื่อย่อว่า “The Field Equations of Gravitation” แม้จะดูเข้าใจยากสำหรับคนทั่วไป แต่สำหรับคนที่อ่านรู้เรื่อง มันเป็นบทความที่สรุปได้อย่างสวยงามว่า ‘กาลอวกาศ (space-time) บอกสสารว่าจะเคลื่อนที่อย่างไร สสารบอกว่ากาลอวกาศจะโค้งอย่างไร’ 

เนื่องจากแรงโน้มถ่วงเป็นพลังงานรูปแบบหนึ่งตามสมการ E=mc2 มันจึงสามารถประพฤติตัวเหมือนสสารได้ ซึ่งทำให้เกิดแรงโน้มถ่วงเพิ่มมากขึ้นในทางคณิตศาสตร์ดังนั้น มันจึงเป็นเบาะแสแรกที่กล่าวถึงวัตถุที่แปลกประหลาดที่สุดในจักรวาลบนกระดาษ 

ชวาซไชล์ด ได้ทิ้งวิธีในการแก้ปัญหาเกี่ยวกับกาลอวกาศที่ถูกบิดเบี้ยวโดยวัตถุทรงกลม เขากล่าวไว้ว่า ‘สำหรับดาวฤกษ์ที่มีขนาดกะทัดรัดและมีความหนาแน่นสูงแล้ว การหลบหนีจากสนามโน้มถ่วงของดาวฤกษ์จะยากขึ้นมาก ในที่สุด ก็มาถึงจุดที่ทุกอนุภาค แม้กระทั่งแสง จะถูกกักขังด้วยแรงโน้มถ่วง จุดที่ไม่มีทางหลบหนีนี้เรียกว่าขอบฟ้าเหตุการณ์ เมื่อเข้าใกล้ขอบฟ้าเหตุการณ์ เวลาจะช้าลงจนหยุดนิ่งโดยสมบูรณ์’

จากอดีตสู่ปัจจุบัน

นับตั้งแต่คำว่า ขอบฟ้าเหตุการณ์ ปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรก ในทุกวันนี้มนุษย์รู้จัก หลุมดำ มากขึ้น มันเป็นไปตามที่ ชวาซไชล์ด คิด มันทำให้แสงไม่สามารถหลุดรอดออกมาได้ ซึ่งหมายความว่า อะไรก็ตามที่ผ่านขอบฟ้าเหตุการณ์ไป เราไม่สามารถรู้ได้ตลอดกาลว่าเกิดอะไรขึ้นกับสิ่งเหล่านั้นบ้าง?

ปรากฏการณ์ดังกล่าวสร้างคำถามให้กับคนที่สงสัยมาอย่างยาวนาน ตามทฤษฏีแล้ว มุมมองของคนที่ตกลงไปในหลุมดำจะถูกเก็บไว้กับหลุมดำ ขณะเดียวกันมุมมองของผู้ที่สังเกตการณ์อยู่นอกหลุมดำก็จะไม่มีทางบอกให้คนที่อยู่ในหลุมดำทราบ 

ทว่าความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาจักรวาลได้เพิ่มเบาะแสมากมายให้กับนักดาราศาสตร์ ทำให้เราสามารถ่ายภาพหลุมดำมวลมหาศาล M87 และหลุมดำที่อยู่ใจกลางกาแล็กซีทางช้างเผือกของเรา Sagittarius A* ภาพดังกล่าวทำให้ผู้เชี่ยวชาญเข้าใจสภาพแวดล้อมของแรงโน้มถ่วงที่อยู่รอบ ๆ หลุมดำ และให้มุมมองที่แปลกใหม่กับเรา

ชนิทท์แมน ร่วมกับ ไบรอัน พาวเวลล์ (Brian Powell) ได้นำข้อมูลของหลุมดำ Sagittarius A* มาสร้างใหม่เป็นหลุมดำที่มีมวลเทียบเท่ากับมวลของดวงอาทิตย์ 4.3 ล้านดวง ในซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ของ นาซา มันแสดงให้เห็นว่ากาลอวกาศจะบิดเบี้ยวอย่างไรเมื่อกล้องที่เป็นตัวแทนมนุษย์ตกลงไปในหลุมดำ

โดยผู้โชคร้ายจะถูกเหวี่ยงไปรอบหลุมดำเกือบ 2 รอบก่อนที่จะตกลงไปสู่ขอบฟ้าเหตุการณ์ และถูกยืดออกเป็นเหมือนสปาเก็ตตี้ในเวลาเพียง 12.8 วินาที

“ถ้าคุณมีทางเลือก คุณอาจอยากจะตกลงไปในหลุมดำมวลมหาศาล” ชนิทท์แมน กล่าว “หลุมดำมวลดาวฤกษ์ซึ่งมีมวลประมาณ 30 เท่าของมวลดวงอาทิตย์ มีขอบเขตเหตุการณ์ที่เล็กกว่ามากและแรงขึ้นน้ำลงที่แรงกว่ามาก ซึ่งสามารถแยกวัตถุที่เข้าใกล้ออกจากกันก่อนที่มันจะไปถึงขอบฟ้า” 

ในการจำลองครั้งที่สองที่กล้องจะเข้าใกล้หลุมดำแล้วถูกเหวี่ยงออกมา ซึ่งจะให้ประสบการณ์ที่แตกต่างออกไป หลุมดำจะเร่งกล้องให้เข้าใกล้ความเร็วแสงมากขึ้น ซึ่งปรากฏการณ์ดังกล่าวจะทำให้เวลาของผู้โชคร้ายคนนั้น ‘ช้าลง’ ขณะที่เวลาของผู้สังเกตการณ์ที่อยู่นอกหลุมดำจะเดินไปตามปกติ หากคุณเป็นกล้องตัวนั้น คุณจะมีอายุน้อยกว่าคนที่สังเกตการณ์

“สถานการณ์นี้อาจรุนแรงยิ่งกว่านั้นอีก” ชนิทท์แมน อธิบาย “หากหลุมดำหมุนอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับที่แสดงในภาพยนต์ ‘Interstellar’ ในปี 2014 เธอ (กล้อง) จะกลับมาอายุน้อยกว่าเพื่อร่วมยานหลายปี” 

การจำลองดังกล่าวทำให้เราสามารถสนุกและเพลิดเพลินไปกับความแปลกประหลาดของจักรวาล ซึ่งได้ให้มุมมองใหม่ ๆ ที่เราไม่อาจทำได้จริง อาจจะมีคนที่หวังอยากจะเข้าไปสำรวจในหลุมดำเพื่อดูว่าข้างในนั้นมีอะไรอยู่จริง ๆ กันแน่ แต่ทว่าเขาคนนั้นก็ไม่อาจกลับมาบอกเราได้ นี่จึงเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยเราตอบคำถามซึ่งมีมาอย่างยาวนาน เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของหลุมดำ

สืบค้นและเรียบเรียง วิทิต บรมพิชัยชาติกุล

ที่มา

https://science.nasa.gov/supermassive-black-holes/new-nasa-black-hole-visualization-takes-viewers-beyond-the-brink/

https://www.astronomy.com/science/a-brief-history-of-black-holes/

https://www.sciencealert.com/nasas-stunning-new-simulation-sends-you-diving-into-a-black-hole

https://www.iflscience.com/jump-into-a-black-hole-with-nasas-incredible-new-visualization-74093

https://www.livescience.com/space/black-holes/epic-nasa-video-takes-you-to-the-heart-of-a-black-hole-and-destroys-you-in-seconds#:~:text=Researchers%20created%20the%20new%20simulation,center%20of%20the%20Milky%20Way.


อ่านเพิ่มเติม นักดาราศาสตร์ได้เปิดเผยรูปหลุมดำเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

หลุมดำ

Recommend