Cocoa GoGreen นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนในอุตสาหกรรมโกโก้ไทย

Cocoa GoGreen นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนในอุตสาหกรรมโกโก้ไทย

 ทีมนักศึกษาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คว้ารางวัลโครงการ Platinum ชนะเลิศระดับประเทศ กับโครงการ “Cocoa GoGreen” ที่ยกระดับโกโก้ไทยด้วยนวัตกรรม เพิ่มรายได้เกษตรกร แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม และเตรียมแสดงผลงานใน SUSTAINABILITY EXPO 2025

ในเวลาที่ตลาดโกโก้ไทย (CaCao) กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งความต้องการเมล็ดโกโก้แห้งในประเทศ และการแปรรูปผลโกโก้สด จ.น่าน เป็นอีกพื้นที่ซึ่งเกษตรกรหลายรายนิยมทำสวนโกโก้ จนทำให้โกโก้เป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ที่ผู้คนให้ความสนใจ

ถึงเช่นนั้นในกระบวนการปลูกและแปรรูปโกโก้ ก็ยังมีปัญหาที่ทำให้ผลผลิตประสบกับราคาตกต่ำ โดยเฉพาะการมีผลผลิตตกเกรด ไม่ได้มาตรฐานที่มากถึงราว 90% ทำให้ผลผลิตที่เกษตรกรปลูกได้มูลค่าลดลงอย่างมาก

เหล่านี้เป็นโจทย์ที่ทำให้กลุ่มอาจารย์และนักศึกษาสำนักวิชาทรัพยากรการเกษตร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ริเริ่มจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมการวิจัยและพัฒนาโกโก้ไทยเพื่อความยั่งยืน (The Innovation Center for Research and Development of Sustainable Thai Cacao (ISTC) ในปี 2566 เพื่อหาทางออกช่วยเกษตรกรและหน่วยธุรกิจที่เกี่ยวข้องในระบบนิเวศเศรษฐกิจโกโก้ในประเทศไทย

ผ่านมา 1-2 ปี โปรเจคนี้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม ซึ่งเมื่อเร็วๆนี้ ทีมจากสำนักทรัพยากรเกษตร ภายใต้ชื่อ โครงการ “Cocoa GoGreen” หรือ โกโก้โกกรีน ก็ได้รางวัลโครงการ Platinum ชนะเลิศระดับประเทศ ด้วยโมเดลที่ยกระดับโกโก้ไทยด้วยนวัตกรรม เพิ่มรายได้เกษตรกร แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม และสร้างโมเดลธุรกิจเพื่อสังคมที่ยั่งยืน ทั้งนี้ โปรเจค “โกโก้โกกรีน” ยังได้รับเกียรติเป็น ตัวแทนประเทศไทย เข้าร่วมการแข่งขันระดับโลก Enactus World Cup 2025  เพื่อร่วมนำเสนอโครงการ  ซึ่งประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพในปีนี้ ระหว่างวันที่ 26-28 กันยายน 2568 ในงาน Sustainability Expo

National Geographic ฉบับภาษาไทย พูดคุยกับนักศึกษาตัวแทน สำนักวิชาทรัพยากรการเกษตร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้แก่ ดนุพล เทพคุณ (ปลาย), ณัฐธิตา อัครสุต (เบียร์), ชัญญานิช บุญเพ็ญ (เปรม) ซึ่งพวกเขาบอกว่า ขณะนี้กำลังเตรียมตัวนำเสนอเพื่อเข้าแข่งขันในระดับนานาชาติที่กำลังมาถึง

นักศึกษาตัวแทน สำนักวิชาทรัพยากรการเกษตร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

จุดเริ่มต้นของไอเดียนี้ มาจากการที่ พวกเขาได้ใช้เวลาศึกษาและทำการวิจัยใน จ.น่าน และพบว่า จ.น่าน มีเกษตรกรที่ปลูกโกโก้จำนวนมาก มีทั้งที่ประสบความสำเร็จและต้องเจอปัญหาผลผลิตราคาตกต่ำ จึงตั้งโจทย์ว่าจะทำอย่างไรให้ คุณภาพของการปลูกโกโก้ใน จ.น่านดียิ่งขึ้น ทั้งรายได้ สิ่งแวดล้อม วิถีชีวิต

“จังหวัดน่านปลูกโกโก้เยอะ แต่ชาวบ้านไม่ได้มีรายได้มากขึ้น บางคนขายไม่ได้ สาเหตุที่มีผลผลิตตกเกรดเยอะ เพราะมาจากการที่ทุกคนแห่กันปลูก แต่ไม่มีวิธีการดูแลเราจึงจะหาวิถีการให้วงจรเกี่ยวกับโกโก้ดีขึ้นอย่างเป็นระบบ” ปลาย-ดนุพล บอก

พวกเขาแบ่งโกโก้ในจังหวัด เป็น 2 ส่วน ส่วนที่ 1 คือโกโก้ที่สมบูรณ์ตามความต้องการของตลาด กลุ่มนี้จถูกพัฒนาแปรรูป เป็นผงโกโก้พร้อมดื่มแบบพรี่เมี่ยม การทำผลิตภัณฑ์เพื่อเข้าสู่บาร์โกโก้ทั้งในกรุงเทพ และจังหวัดภาคเหนือ ภายใต้แบรนด์ “สุดรัก”  ขณะที่ส่วนที่ 2 คือผลผลิตที่ตกเกรดซึ่งมีถึง 85-90% จากทั้งหมด ทีมจะเป็นตัวกลางในการรับซื้อเพื่อไปทำเป็นอาหารสัตว์ ซึ่งทำให้ผลตกเกรดที่ไม่มีมูลค่า กลายเป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่รับซื้อในกิโลกรัมละ 2 บาท

ผลโกโก้ตกเกรด ที่ก่อนหน้านี้แทบไม่มีมูลค่าใดๆเลย
กระบวนการทำงานร่วมกันระหว่างนักศึกษาและเครือข่ายเกษตรกรปลูกโกโก้ ใน จ.น่าน (ภาพจากทีม โกโก้โกกรีน)

โดยหัวใจหลักของโปรเจคนี้คือในส่วนของผลตกเกรด ซึ่ง เบียร์-ณัฐธิตา และ เปรม-ชัญญานิช  ให้ข้อมูลว่า พวกเธอค้นหางานวิจัยเพื่อทำให้โกโก้ตกเกรดนั้น ได้รับความเชื่อมั่นจากเกษตรกรเลี้ยงสัตว์ โดยเฉพาะวัว ว่าสามารถทำได้

“ผลโกโก้ตกเกรดคือผลผลิตทางการเกษตรที่ไร้ค่า แต่เมื่อศึกษาเราพบว่า ผลโกโก้ เทียบเท่ากับอาหารสัตว์อื่นๆ เช่น ข้าวโพด ทั้งคุณสมบัติทางอาหาร สารเคมี เราจึงร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชมงคลล้านนา ที่ จ.น่าน เพื่อนำโกโก้ไปเป็นอาหารสัตว์ ทั้งในรูปแบบกินสด โดยมีนักโภชนาการเข้าไปกำหนดสูตรให้กับเกษตรกร สร้างความมั่นใจว่าผลโกโก้สามารถบริโภคได้”

ดนุพล เทพคุณ (ปลาย)
ณัฐธิตา อัครสุต (เบียร์)
ชัญญานิช บุญเพ็ญ (เปรม)

ลดก๊าซมีเทนในวัว

อย่างที่เราทราบกันว่า สัตว์ที่มี 4 กระเพาะอย่างวัว มีระบบการย่อยอาหารที่ซับซ้อนโดยกระเพาะส่วนแรกหรือ Rumen จะเป็นส่วนที่เกิดกระบวนการหมักอาหาร ซึ่งในกระบวนการนี้จะผลิตก๊าซมีเทนและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาเป็นจำนวนมาก ทั้งสองก๊าซนี้ถือเป็นก๊าซเรือนกระจกที่ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โดยวัวหนึ่งตัวสามารถผลิตก๊าซมีเทนได้ถึง 70 – 120 กิโลกรัมต่อปี

ไม่เพียงแค่วัวเท่านั้นที่ผลิตก๊าซมีเทนจากกระบวนการย่อยอาหาร สัตว์เคี้ยวเอื้องชนิดอื่น เช่น แกะ แพะ และกวาง ก็ผลิตก๊าซมีเทนในลักษณะเดียวกันจากการย่อยสลายไฟเบอร์หรือหญ้าที่พวกมันกินเข้าไปด้วย ทั้งนี้การปล่อยก๊าซมีเทนจากสัตว์เหล่านี้ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลต่อปัญหาสิ่งแวดล้อมในด้านการเพิ่มปริมาณก๊าซเรือนกระจกในบรรยากาศ

โกโก้ โกกรีน จึงต่อยอดในการเอาผลโกโก้ตกเกรด เพื่อมาทำเป็นอาหารเสริมให้กับวัว ซึ่งกระบวนการนี้จะนำเอาโกโก้มาบด ผสมกับแร่ธาตุโดยเน้น แมกนีเซียม โซเดียม และวิตามิน ก่อนนำมาสู่เกลือแร่ก้อนวัว กินเป็นอาหารเสริม

“แรกเริ่มเราเน้นในกลุ่มวัวเนื้อ ที่ต้องการขุนเป็นวัวระดับพรี่เมี่ยม ซึ่งก้องเกลือแร่นี้ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี จากนั้นเราจะเตรียมเข้าสู่ตลาดวัวนม โดยจะร่วมมือกับนักโภชนาการอาหารสัตว์เพื่อไปกำหนดสูตรให้กับผู้เลี้ยง ให้บริโภคอย่างเหมาะสม”

โครงการ “โกโก้โกกรีน” ถือเป็นการริเริ่มที่สำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมโกโก้ไทยอย่างยั่งยืน โดยไม่เพียงแต่ยกระดับคุณภาพของการผลิตและเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรในจังหวัดน่าน แต่ยังมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมโดยการลดการปล่อยก๊าซมีเทนจากการเลี้ยงสัตว์อีกด้วย การนำผลโกโก้ตกเกรดมาใช้เป็นอาหารเสริมให้กับวัวถือเป็นทางเลือกที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยแก้ปัญหาราคาโกโก้ตกต่ำ แต่ยังส่งเสริมความยั่งยืนในธุรกิจการเกษตร

ผงโกโก้ที่ถูกนำไปผสมเป็นอาหารสัตว์
อาหารเสริมสำหรับวัว ที่มาจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ (ภาพจากทีม โกโก้โกกรีน)

การได้รับรางวัลและการเป็นตัวแทนประเทศไทยใน Enactus World Cup 2025 ยิ่งตอกย้ำถึงความสำเร็จและศักยภาพของโปรเจคนี้ในการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรและสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย โครงการนี้จึงเป็นตัวอย่างที่ดีในการสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจ การดูแลสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาสังคมในระดับท้องถิ่นและระดับโลก

สำหรับ Enactus World Cup 2025 ไม่ใช่เพียงแค่เวทีการแข่งขัน แต่คือ ขบวนการระดับโลก ที่ขับเคลื่อนพลังของเยาวชน เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง โดยกิจกรรมนี้จะจัดขึ้นใน SUSTAINABILITY EXPO 2025 : พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก วันที่ 26 กันยายน – 5 ตุลาคม 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

เรื่อง : กองบรรณาธิการ National Geographic ฉบับภาษาไทย

ภาพ :  ศุภกร ศรีสกุล, ธีรวัฒน์ พรหมณีวัฒน์


อ่านเพิ่มเติม : ถอดรหัส ‘เมืองน่าอยู่’ สู่อนาคต ‘เมืองยั่งยืน’ ผ่านเสวนาของ One Bangkok ในงาน SX 2024

Recommend