สระแก้ว มหัศจรรย์สุดแดนดินถิ่นบูรพา

สระแก้ว มหัศจรรย์สุดแดนดินถิ่นบูรพา

สเน่ห์เมืองชายแดนด้านบูรพาอย่าง สระแก้ว มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมายที่รอการมาเยือนของนักเดินทาง

ณ สระแก้ว : สิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าผมคือ สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติแห่งธรณีวิทยา อันน่าตื่นตะลึงอย่างหนึ่งของโลกใบนี้ มันดูคล้ายภูเขาดินขนาดย่อมๆ มากมายตั้งตัวเรียงรายอย่างไม่รู้จบ ด้วยรูปพรรณสัณฐานที่แตกต่างกันออกไป เหมือนมีใครมาจัดวาง เสกสรรปั้นแต่งมันไว้ ด้วยศิลปะชั้นเลอเลิศ

เราเรียกสถานที่แห่งนี้ว่า “ละลุ” ซึ่งมาจากภาษากัมพูชา แปลว่า “ทะลุ” 

เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ  อันเกิดจากน้ำฝนกัดเซาะกับพื้นผิวของภูเขา มาเนิ่นนานหลายร้อยหลายพันปี จนเกิดการพังทลายยุบตัวของพื้นผิวดิน อย่างต่อเนื่อง  ดินที่มีคุณสมบัติที่อ่อนตัวกว่า ซึ่งอยู่ด้านบน จะยุบตัวมากกว่า ดินที่แข็งกว่า ที่อยู่ด้านล่าง

 

รูปลักษณ์ที่ปรากฏจะมีลักษณะเป็นรูปต่าง ๆ มองคล้ายกำแพงขนาดใหญ่บ้าง หรือ หน้าผา หรือเสา จึงทำให้ละลุมีความสวยงาม และแปลกตาแตกต่างกันตามจินตนาการของแต่ละคน ละลุจะเปลี่ยนรูปร่างของมันไปเรื่อย ๆ ตามแต่ แดดลมและฝนที่โหมกระหน่ำ บางคนขนานนามให้มันว่าเป็นแกรนด์แคนยอนของเมืองไทยเลยทีเดียว นี่คือประติมากรรมแห่งธรรมชาติที่มนุษย์มิอาจสร้างสรรได้

ปรากฎการณ์นี้ มีปรากฏที่บ้านคลองยาง ตำบลทัพราช อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว มีพื้นที่ขนาดใหญ่ ครอบคลุม 6 หมู่บ้าน  เหมือนกันกับ “แพะเมืองผี” ที่จังหวัดแพร่  และโป่งยุบที่จังหวัดราชบุรี ปรากฏการณ์นี้เกิดเฉพาะท้องถิ่น โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีภูมิประเทศเป็นดินปนทราย 

เมื่อคุณได้มีโอกาสมาเยี่ยมเยือนจังหวัดสระแก้ว อย่าพลาด การมาสัมผัสละลุ เป็นอันขาด โดยเฉพาะในช่วงเวลาสายๆ และยามเย็นที่แสงแดดสีทองจะสาดส่องละลุ ให้งดงามแปลกตางดงามยิ่งขึ้นไปอีก

สระแก้ว, ละลุ

สระแก้วแม้จะไม่ใช่เมืองเอก ยอดฮิตติดอันดับของการท่องเที่ยวเมืองไทย แต่เมืองรองเมืองนี้ ก็เพรียบพร้อมไปด้วยหลายสิ่งหลายอย่างสารพัดสารพันไว้รอคอยคุณ ไม่แพ้จังหวัดใดๆ

สระแก้ว แม้ไม่ใช่จังหวัดดั้งเดิมเก่าแก่ของประเทศไทย เพราะเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2536 ได้มีพระราชบัญญัติจัดตั้งจังหวัดสระแก้วขึ้น โดยให้แยกตัวออกมาจากจังหวัดปราจีนบุรี พร้อมกับผนวกอีก 5 อำเภอ คืออำเภออรัญประเทศ อำเภอตาพระยา อำเภอวัฒนานคร อำเภอวังน้ำเย็น และอำเภอคลองหาด เพื่อรวมเป็นจังหวัดใหม่ ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นจังหวัดที่ 74 ของเมืองไทยมาจนปัจจุบัน

สระแก้ว เป็นชื่อที่มาจากชื่อสระน้ำโบราณ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ อำเภอเมืองสระแก้ว มีอยู่จำนวน 2 สระ คือสระแก้วและสระขวัญ

ในสมัยกรุงธนบุรีราว พ.ศ. 2323 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เมื่อครั้งทรงดำรงพระยศเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก เป็นแม่ทัพยกทัพไปตีประเทศกัมพูชา  พระองค์ได้พักกองทัพที่บริเวณสระน้ำทั้งสองแห่งนี้ ทหารหาญได้นำน้ำจากสระมาใช้ดื่มกินและได้ขนานนามสระทั้งสองว่า สระแก้ว – สระขวัญ และได้นำน้ำจากสระทั้งสองแห่งนี้ใช้ในการประกอบพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา ในสมัยต่อๆ มาอีกกด้วย โดยถือว่าเป็นน้ำบริสุทธิ์

…………………………………

รูปโฉมอีกด้านหนึ่งของสระแก้ว คือเมืองศักดิ์สิทธิ์ แผ่นดินโบราณกาล  มาแต่ครั้งสมัยขอมเรืองอำนาจเมื่อนับพันปีล่วงมาแล้ว โดยดูได้จากปราสาทหินสำคัญๆต่างๆ ที่ปรากฏสืบเนื่องกันมาจนถึงทุกวันนี้  ที่น่าตื่นตาตื่นใจมหัศจรรย์ และอลังการมากที่สุด เห็นจะได้แก่ปราสาทสด๊กก๊อกธม

เป็นโบราณสถานขอมอันมหัศจรรย์ที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกของประเทศไทย ตั้งอยู่ที่ บ้านหนองเสม็ด ตำบลโคกสูง สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 14 เพื่อใช้ประดิษฐานรูปเคารพและใช้ประกอบพิธีกรรมตามคติความเชื่อ ในลัทธิศาสนาฮินดู

 คำว่า“สด๊กก๊อกธม”เป็นภาษาเขมร คำว่า“สด๊ก”มาจากคำว่า“สด๊อก”แปลว่า รก ทึบ คำว่า“ก๊อก”แปลว่า ต้นกก และคำว่า “ธม” แปลว่า ใหญ่ ดังนั้น“สด๊กก๊อกธม”จึงแปลว่า รกไปด้วยต้นกกขนาดใหญ่

ในอดีตมีการค้นพบศิลาจารึก 2 หลัก จารึกด้วยอักษรขอมโบราณ เป็นหลักฐานสำคัญที่บ่งบอกถึงอายุการสร้างปราสาทสด๊กก๊อกธมแห่งนี้ ตลอดจนบอกถึง วัตถุประสงค์ของการสร้างจารึกหลักที่ 2 ว่าพระเจ้าอุทัยทิตยวรมันที่ 2 ได้ปฏิสังขรณ์ปราสาทแห่งนี้เมื่อปี พ.ศ.1595

สระแก้ว, ที่เที่ยวสระเที่ยว, ปราสาทหิน, ปราสาท, ปราสาทสด๊กก๊อกธม

ปราสาทสด๊กก๊อกธม ถูกออกแบบการก่อสร้างขึ้นเป็นองค์ปราสาท 3 หลัง หันหน้าไปทางทิศตะวันออก

 มีคูน้ำล้อมรอบ 4 ด้าน มีกำแพงแก้ว 2 ชั้น ชั้นนอกสร้างด้วย ศิลาแลง ชั้นในสร้างด้วยหินทราย ตัวปราสาทก่อด้วยหินทราย มีโคปุระหรือซุ้มประตู อยู่ด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตก

ภายในระเบียงคตมีบรรณาลัยสร้างด้วยหินทราย 2 หลังอยู่หน้าปราสาทหลังกลางซึ่งเป็นปรางค์ประธาน ด้านนอกปราสาททางทิศตะวันออกมีสระน้ำขนาด ใหญ่ ตัวปราสาทเป็นลักษณะศิลปะเขมรแบบบาปวนในช่วงพุทธศวรรษที่ 15-16 ผังปราสาทด้านนอกเป็นกำแพงแก้ว สร้างด้วยศิลาแลง   มีทางเข้าหลักคือโคปุระหรือซุ้มประตูด้านทิศตะวันออกสร้าง ด้วยหินทรายผ่านโคปุระเข้ามาจะพบคูน้ำ ล้อมปราสาท ถัดเข้าไปเป็นระเบียงคดล้อมรอบตัวปราสาท มีโคปุระอยู่กึ่งกลางกำแพง ระเบียงคดทั้งสี่ด้านพื้นที่ ตั้งตัวปราสาทมีปรางค์ประธาน

 ด้านหน้าปรางค์ประธานบริเวณมุมระเบียงคดเป็นที่ตั้งของบรรณาลัยสองหลัง สันนิษฐานว่าเป็นที่เก็บตำรา คัมภีร์สำคัญ ปราสาทนี้หันหน้าไปทางทิศตะวันออกเช่นเดียวกับปราสาทขอมอื่นๆ ด้วยความเชื่อของขอมที่ว่า ทิศตะวันออกเป็นทิศแห่งพลังแสงสว่าง และสิริมงคล ส่วนทิศตะวันตกเป็นทิศแห่งความตาย และชั่วร้าย นอกจากนี้ผังปราสาทยังแสดงให้เห็นถึงความเชื่อเรื่องจักรวาลของศาสนาฮินดู

สระแก้ว, ที่เที่ยวสระเที่ยว, ปราสาทหิน, ปราสาท

สระแก้ว, ที่เที่ยวสระแก้ว, ปราสาทหิน, ปราสาท

โดยมีเขาพระสุเมรุ อยู่กึ่งกลาง เมื่อเดินเข้าโคปุระด้านทิศตะวันออกของกำแพงแก้ว ผ่านคูน้ำและระเบียงคดเข้าไป สู่ใจกลาง จักรวาล ปรางค์ประธานเปรียบเสมือนเขาพระสุเมรุ ล้อมรอบด้วยเสาเป็นปริมณฑล ภายในปรางค์ประธานเดิมเป็นที่ ประดิษฐานศิวลึงค์อันเป็นรูปเคารพแทนองค์พระศิวะ หนึ่งในเทพ3องค์ของฮินดู บ่งบอกว่าปราสาทแห่งนี้เป็นศาสนสถานของศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกายซึ่งนับถือพระศิวะเป็นสูงสุด

……………….. 

มหัศจรรย์ลำดับต่อมา ที่เป็นสิ่งยืนยันได้ว่า สระแก้วเคยเป็นแผ่นดิน ที่เรืองอำนาจของขอมาก่อน นั่นคือปราสาทเขาน้อยสีชมพู แหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม และเป็นจุดชมวิวที่มีความงดงาม อีกแห่งหนึ่งของจังหวัดนี้ เนื่องจาก ต้องขึ้นบันไดไปทั้งหมด 254 ขั้น ก่อนจะถึงตัวปราสาท 

อีกหนทางหนึ่งคือสามารถขับรถขึ้นไปได้ ไปทางวัดเขา ไปประมาณ 1 กิโลเมตร และเดินเท้าต่อขึ้นไปอีกประมาณ 250 เมตร

ปราสาทเขาน้อยสีชมพูแห่งนี้ ไม่ทราบแน่ชัดว่า ใครเป็นผู้ที่สร้างขึ้น แต่สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 12 และมีการบูรณปฏิสังขรณ์ในพุทธศตวรรษที่  15 ประกอบด้วยปรางค์ 3 หลังคือ ปรางค์เหนือ ปรางค์ประธานกลาง และปรางค์ใต้ ปัจจุบันคงเหลือเพียงให้เห็นเพียงปรางค์องค์กลางเท่านั้น ที่ยังคงสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ ส่วนปรางค์เหนือและปรางค์ใต้เหลือเพียงฐานเท่านั้น

จุดชมวิวที่ปราสาทนี้สามารถ มองเห็นวิวทิวทัศน์ได้กว้างไกล

……………………….

มหัศจรรย์ต่อมาอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดสระแก้วคือ “เขาฉกรรจ์” ปรากฏรูปโฉมเป็น ภูเขาหินปูนขนาดใหญ่ 3 ลูกเรียงต่อกันอย่างโดดเด่น เห็นแล้วน่าตื่นตาตื่นใจอาจถือได้ว่า เป็นสัญลักษณ์ของสระแก้วมาเนิ่นนานโดยปริยาย  ภูเขาลูกที่ใหญ่ที่สุดและอยู่ตรงกลาง นั้นมีชื่อว่าเขาฉกรรจ์ ส่วน เขามิ่งอยู่ทางด้านซ้าย และเขาฝาละมีอยู่ด้านขวา จุดสูงสุดของภูเขามีความสูง 324 เมตร

คำว่าฉกรรจ์นั้น มีตำนานเล่าสืบต่อกันมาว่ามีที่มาจาก ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระเจ้าตากสินหรือพระยาวชิรปราการ ยศและตำแหน่งในขณะนั้นได้ทรงรวบรวมคนไทยจากชุมนุมต่างๆ ร่วมกันกอบกู้เอกราช และได้มาทรงกระทำพิธี ฉอ-กัณฑ์ หรือพิธีตัดไม้ข่มนาม พิธีกำราบเจตภูติ ก่อนที่จะยกทัพไปปราบชุมนุมต่างๆ จนกระทั่งสามารถรวบรวมผู้คนมาสถาปนากรุงธนบุรีขึ้นในเวลาต่อมา

สระแก้ว, เขาฉกรรจ์, ที่เที่ยวสระแก้ว

สระแก้ว, เขาฉกรรจ์, ที่เที่ยวสระแก้ว

เขาฉกรรจ์ปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ ของจังหวัดสระแก้วไปแล้วโดยปริยาย ที่น่าอัศจรรย์คือ หน้าผาของเขาหินปูนแห่งนี้ มีโพรงถ้ำมากมายถึง 72 ถ้ำ บางถ้ำสามารถเข้าไปชมได้ เช่น ถ้ำมืด ถ้ำหนุมาน ถ้ำเขาทะลุ ถ้ำมหาหิงส์ ถ้ำแก้วพลายชุมพล 

ถ้ำบางแห่งได้ขุดพบลูกปัดดินเผาสีต่างๆ ลูกปัดแก้ว ขวานหินขัด และเศียรพระพิมพ์สมัยลพบุรี สันนิษฐานว่าโบราณวัตถุดังกล่าวอยู่ในสมัยทวาราวดี อีกทั้งยังมีลิงจำนวนมากอาศัยอยู่บนภูเขา

ถ้ำที่สำคัญและมีคนไปเที่ยวมากที่สุดคือ “ถ้ำเขาทะลุ” ที่เราสามารถปีนบันไดจากตีนเขาบริเวณวัดถ้ำเขาฉกรรจ์ขึ้นไปชมทิวทัศน์ได้ที่ด้านบนของถ้ำ บันไดกว่า 300 ขั้น

ปีนบันไดขึ้นไปจนสุดแล้วก็จะได้ไปกราบสักการะพระพุทธรูปทางด้านบน และยังจะได้ชมวิวทิวทัศน์ผ่านช่องทะลุขนาดใหญ่ ที่มองลงไปเห็นถนนทางหลวงและชมทิวทัศน์บริเวณรอบๆ  นอกจากลิงป่าแล้วยังมีค้างคาวนับล้านตัวอยู่ในเขาด้วยเช่นกัน ดังนั้นที่เขาฉกรรจ์แห่งนี้จึงเป็นจุดชมค้างคาวนับล้านๆ ตัวที่บินออกจากถ้ำเป็นสายยาวไปหากินในเย็นตั้งแต่17.00น.เป็นต้นไป

ลิงที่อาศัยอยู่บนเขาแห่งนี้ ควรระวังไว้ด้วย โดยเฉพาะท่านที่ถือขวดน้ำขึ้นไป เนื่องจากบนเขา ค่อนข้างขาดแคลนน้ำ ลิงอาจมาแย่งชิงเอาน้ำดื่มได้

…………

ที่น่าสนใจอีกถ้ำหนึ่งถัดไปคือถ้ำเพชรโพธิ์ทองเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของอ.คลองหาด เป็นถ้ำขนาดกลางอยู่ในภูเขาที่ทอดยาวขนานไปกับพื้นดิน  ที่ปากถ้ำมีลมพัดผ่านช่องเขาเข้าไปถ่ายเทในถ้ำตลอดเวลา ทำให้ภายในถ้ำไม่อบอ้าวและเย็นสบาย

ภายในมีความสวยงาม เพราะประกอบไปด้วยหินงอก หินย้อย มากมายและปรากฏการณ์ตามธรรมชาติที่เกิดเป็นรูปใบโพธิ์สีทอง จากสีสนิมของน้ำที่ซึมมาตามผนังถ้ำ 

…………………

มหัศจรรย์ต่อมาของสระแก้ว คือตลาดโรงเกลือ เป็นตลาดการค้าชายแดนขนาดใหญ่ ที่สุด ของประเทศไทยเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ มาหลายสิบปี ตั้งอยู่ตำบลป่าไร่ อำเภออรัญประเทศ ประกอบไปด้วยตลาดย่อยๆ อีก 5 ตลาด ได้แก่ ตลาดโรงเกลือเก่า ตลาดเดชไทย ตลาดเทศบาล2 ตลาดเทศบาล 3 (โกลเด้นเกต) และตลาดเบญจวรรณ 

แต่ละตลาดมีร้านค้าหลายร้อยร้าน สร้างแบ่งเป็นห้องๆเรียงรายสุดสายตา สินค้าที่น่าสนใจมีหลากหลาย ส่วนใหญ่มาจากหลายถิ่น เช่น ประเทศกัมพูชา ประเทศจีน ประเทศเกาหลี ประเทศฮ่องกง 

ตลาดโรงเกลือเริ่มเปิดตลาดค้าขายกันตั้งแต่ 7 โมงเช้า สินค้าที่นิยม เช่น เครื่องทองเหลือง เครื่องเคลือบ เครื่องกระเบื้อง ถ้วยชาม เสื้อผ้า รองเท้า ผ้าม่าน เครื่องใช้ไฟฟ้าจากประเทศรัสเซียเครื่องจักสาน ปลาแห้ง สินค้าบางประเภทเป็นของใหม่และของมือสองที่มีคุณภาพ รวมไปถึงสินค้าสินค้าเลียนแบบที่ผลิตในประเทศเวียดนาม กัมพูชาและจีน ทั้ง กระเป๋าถือสุภาพสตรี เข็มขัด เป็นต้น รวมไปถึงของกินทั้งอาหารสดและอาหารแห้ง อย่าง ปลาย่างปลากรอบ แมลงหลายชนิด ปลาน้ำจืดจากทะเลสาบในประเทศกัมพูชา เช่น ปลาเนื้ออ่อน ปลากราย ปลาแดง ที่นำเข้าวันละหลายสิบตันก่อนกระจายส่งขายไปทั่วประเทศ มีทั้งแบบปลาสดและแบบย่างรมควันจนแห้ง ส่วนข้าวของเครื่องใช้ก็มีทั้งเครื่องจักสาน เช่น กระบุง ตะกร้า กระจาด ที่ทำจากไผ่และหวาย เครื่องใช้ไฟฟ้า ถ้วยชามกระเบื้อง ของเด็กเล่น

…………………….

หลวงพ่อทองวัดสระแก้ว ถือเป็นสิ่งศักดิ์สูงสุดของชาวสระแก้วมาช้านาน…หลวงพ่อทองหรือพระครูรัตนสราธิคุณ อดีตเจ้าอาวาสวัดสระแก้วที่ชาวสระแก้วให้ความเคารพนับถือทั้งในด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนา และใช้วิชาแพทย์แผนโบราณรักษาโรคให้ชาวบ้าน ประดิษฐานพระรูปหล่ออยู่ภายในวิหารหลวงพ่อทองของวัดสระแก้ว วัดแห่งนี้ตั้งอยู่บนถนนสุวรรณศร ตำบลสระแก้ว วิหารมีลักษณะเป็นทรงไทย สวยงาม เดิมวัดสระแก้วแห่งนี้ ชาวบ้านเรียกว่า วัดหรอง วัดศาลานอก หรือวัดหนองกอไผ่

 สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2453 ปลายรัชกาลที่ 5 ต่อมาพระครูรัตนสราธิคุณ หรือหลวงพ่อทอง ร่วมกับหลวงพ่อพรหมา จนฺทสโร เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงร่วมกับท่านขุนประกอบวิชาการ, ปลัดกิ่งอำเภอสระแก้ว, และชาวบ้าน ย้ายมาสร้างวัดในที่แห่งใหม่ขึ้นในปี พ.ศ. 2466 จนได้รับการแต่งตั้งเป็นจ้าอาวาสรูปแรกเมื่อ พ.ศ. 2491 และวัดสระแก้วเลื่อนเป็นพระอารามหลวงชั้นตรีแห่งแรกของจังหวัดสระแก้ว เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลในวโรกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ของในหลวงรัชกาลที 9ในปี พ.ศ. 2543 

……………………………..

หลวงพ่อขาววัดนครธรรม

หลวงพ่อขาวเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดหน้าตักกว้าง 130.9 เซ็นติเมตร สูง 199 เซ็นติเมตร สร้างด้วยปูนขาว ชาวบ้านจึงเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “หลวงพ่อปูน” เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่มีผู้เคารพศรัทธากันมาก โดยมีการปิดทองเหลืองอร่ามไปทั้งองค์ ประดิษฐ์านพระบรมสารีริกธาตุุอยู่ภายในวิหารที่สวยงามของวัดนครธรรม วัดแห่งนี้ตั้งอยู่อยู่บ้านสระลพ ตำบลวัฒนานคร โดยวิหารตั้งโดดเด่นทางด้านซ้ายสุดของวัด สร้างด้วยไม้ทรงไทยสวยงามไม่ยกพื้น หลังคาจั่ว มีเสาไม้กลมรองรับชายคารอบอาคาร ช่วงตรุษจีน ทุกๆ ปีจะมีงานประเพณีแห่พระบรมสารีริกธาตุและงานนมัสการหลวงพ่อขาว 

………………………………

สระแก้ว, น้ำตกปางสีดา, ที่เที่ยวสระแก้ว

อุทยานแห่งชาติปางสีดา ถูกประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2525 นับเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 41 ของประเทศไทย ตั้งอยู่ในท้องที่อำเภอวัฒนานคร อำเภอเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว และอำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี รวมครอบคลุมเนื้อที่ 529,375.81 ไร่ หรือประมาณ 847 ตารางกิโลเมตร ประกอบไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม ป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะเป็นที่ศึกษาเรื่องสัตว์ป่าที่สำคัญ เพราะมีสัตว์ป่าหายากและนกกว่า 300 ชนิด เช่น นกเงือก นกยูง ผีเสือหลายร้อยชนิดฯลฯ รวมถึงมีแหล่งจระเข้น้ำจืด ซึ่งเชื่อว่าเหลือเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย ด้วยลักษณะภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสูงสลับซับซ้อน ที่ปกคลุมด้วยสภาพป่าหลายประเภท ทั้งป่าดิบแล้ง ป่าดิบเขา ป่าเบญจพรรณ และป่าเต็งรัง 

น้ำตกปางสีดา เป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงที่สุดของอุทยานฯ และอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ 800 เมตร มีลักษณะเป็นสายน้ำทิ้งตัวจากหน้าผาสูง 8 เมตรลงสู่เบื้องล่างที่เป็นแอ่งกว้าง รอบๆ น้ำตกสายนี้เต็มไปด้วยความร่มรื่น

…………………………

สระแก้ว…สุดแดนดินถิ่นบูรพาของประเทศไทยแห่งนี้ยังอะไรอีกมากมายให้คุณได้ค้นหา และสัมผัส….แม้จะเป็นจังหวัดเล็กๆ ก็ตาม แต่สำหรับคนที่ชื่นชอบความงดงามตามธรรมชาติ    จะไม่มีคำว่าผิดหวังอย่างแน่นอน

วันนี้สระแก้ว ยังรอคุณอยู่ด้วยความยินดี มาเยือนสระแก้วสักครั้ง แล้วคุณจะประทับใจมิรู้ลืม….

เรื่อง เจนจบ ยิ่งสุมล
ภาพถ่าย สมชาย อิ่มชู


เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ลับแล ปิดตำนานเมืองเร้นลับ

Recommend