เมืองเล็กๆ ในเม็กซิโกนี้ นับถืออิสลาม
ในทรรศนะของ Giulia Iacolutti ช่างภาพจากอิตาลี บทสนทนาเกี่ยวกับศาสนาอิสลามในประเทศบ้านเกิดของเธอ มีแต่ความหวาดกลัวและการก่อการร้าย แต่เมื่อเธอเดินทางมาถึงเม็กซิโก เธอกลับพบว่าที่นี่แตกต่างโดยสิ้นเชิง
ในปี 2014 ศาสตราจารย์ท่านหนึ่งแนะนำเธอให้รู้จักกับหนึ่งในอิหม่าม ที่ดูแลมัสยิดรอบๆ กรุงเม็กซิโกซิตี้ โปรเจคภาพถ่ายชุดนี้ เป็นผลงานหลังจากเธอใช้เวลา 1 ปีไปกับการฝังตัวเองลงในวัฒนธรรมและความเชื่อของพวกเขา โดยเธอตั้งชื่อมันว่า “Jannah” เป็นคำที่มาจากภาษาอารบิกแปลว่าสรวงสวรรค์ ตามความเชื่อของศาสนาอิสลาม
ศาสนาอิสลามเดินทางมาถึงเม็กซิโกในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา พร้อมกับผู้อพยพจากเลบานอนและซีเรีย รวมไปถึงกลุ่มชาวมุสลิมจากสเปนที่เดินทางมาเผยแพร่ศาสนาในช่วงปี 90 หลังจากนั้นอิสลามก็เติบโตอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันประเทศนี้มีผู้นับถือศาสนาอิสลามประมาณ 5,270 คน จำนวนนี้เพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่าเมื่อเทียบกับ 15 ปีก่อน ครูสอนภาษาอารบิกช่วยให้ชาวเม็กซิโกที่สนใจสามารถอ่านอัลกุรอ่านได้ และมีทุนการศึกษาให้สำหรับการศึกษาเพิ่มเติมที่กรุงเมดินา ในเยเมน
เม็กซิโกเป็นประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ Iacolutti พบว่าความเชื่อยังคงเป็นเรื่องสำคัญของชาวเม็กซิโก เธอมีโอกาสได้พูดคุยกับคุณแม่ชาวคริสต์ท่านหนึ่งที่ไม่ต้องการให้ลูกสาวเปลี่ยนไปนับถืออิสลาม แต่ในที่สุดเธอก็ยินยอมเมื่อพบว่าชีวิตของลูกสาวเธอดีขึ้น เมื่อกลายมาเป็นคนเคร่งศาสนา “ในเม็กซิโกการจะเปลี่ยนไปนับถืออิสลาม ทำได้ง่ายกว่าในยุโรป” เธอกล่าว “ผู้คนไม่ได้คิดถึงประเด็นการก่อการร้าย”
“พวกเขาต้องการสร้างอัตลักษณ์” Iacolutti กล่าวถึงชุมชนอิสลามที่ถือเป็นเรื่องใหม่ในเม็กซิโก “สิ่งที่น่ารื่นรมย์เมื่อคุณเป็นมุสลิมก็คือ มันช่วยปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตของเรา คุณต้องละหมาด 5 ครั้งต่อวัน คุณทานหมูไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์ก็ไม่ได้”
หลังอาศัยอยู่กับชุมชนอิสลามในเม็กซิโกซิตี้มาเป็นเวลา 1 ปี ช่างภาพหญิงขอคำแนะนำกับอิหม่ามในการไปเยี่ยมชมชุมชนมุสลิม ในรัฐเชียปัส ซึ่งพวกเขาผสมผสานความเชื่อทางศาสนาเข้ากับวัฒนธรรมท้องถิ่น ชาวมุสลิมราว 400 คนนี้มีความแตกต่างที่ชัดเจนจากชาวมุสลิมในกรุงเม็กซิโกซิตี้ เช่น ผู้หญิงชาวพื้นเมืองจำนวนมากเลือกที่จะคลุมศีรษะด้วยผ้าพันคอทั่วไป “ฉันต้องการพูดภาษาของฉัน ใส่ชุดพื้นเมือง ในขณะเดียวกันฉันก็ยังคงเชื่อในอัลลอฮ์” พวกเธอกล่าวกับ Iacolutti
แต่ความห่างไกลทำให้การรักษากฎของศาสนาเป็นเรื่องยาก รัฐเชียปัสเป็นรัฐยากจนเมื่อเทียบกับรัฐอื่นๆ นั่นทำให้อาหารที่ถูกระบุว่าเป็นอาหารฮาลาลนั้นหาได้ยาก ดังนั้นในระหว่างช่วงของการเฉลิมฉลองวันหยุด เธอจึงได้เห็นชาวมุสลิมในชุมชนล้มวัว 2 ตัวและนำเนื้อที่ได้ไปแบ่งให้ชุมชนชาวคริสต์ “หนึ่งในหลักสำคัญของอิสลามก็คือคุณต้องช่วยเหลือผู้ที่ลำบากกว่า” เธอกล่าว “มันไม่สำคัญว่าคุณนับถือพระเจ้าองค์ใด แต่คุณคือเพื่อนบ้านเรา คุณจึงทานอาหารร่วมกับเราได้”
สำหรับ Iacolutti เอง เธอไม่เชื่อในพระเจ้า แต่เธอไม่เคยถูกขอหรือโน้มน้าวให้เปลี่ยนความเชื่อนี้ แม้จะอาศัยอยู่ในประเทศที่มีศรัทธาอันแรงกล้า ในการสนทนากับหญิงชาวมุสลิมคนหนึ่ง เธอเคยบอกว่าหญิงคนนั้นมีชีวิตที่รุ่มรวยเพราะเธอเชื่อและมีศรัทธา “ตัวฉันไม่ได้เชื่อ แต่ฉันเห็นเลยว่าคุณมีชีวิตที่ดีขึ้น”
แต่หญิงคนนั้นกลับตำหนิเธอ “คุณถ่ายรูปหนิ” เธอตอบ “พระเจ้าของคุณอยู่นี่แล้วไง ผ่านภาพถ่ายและเรื่องราวอันสวยงาม คุณเชื่อในสิ่งนี้ ฉันก็เชื่อในอัลลอฮ์”
เรื่อง Nina Strochlic
ภาพถ่าย Giulia Iacolutti
อ่านเพิ่มเติม