“เดือนตุลาคมปีที่แล้ว นักปีนเขาชาวเชอร์ปาวัย 18 ปี
ผู้มีรูปร่างผอมเพรียว ยืนอยู่บนยอดเขาห่มหิมะในทิเบต
และถ่ายคลิปวิดีโอเซลฟีในความมืด”
ตอนนั้นเป็นเวลา 06.05 น. และการขึ้นสู่ยอดเขาซีซาปังหม่านี้ส่งผลให้นีมา รินจี เชอร์ปา พิชิตยอดเขาสูงเกิน 8,000 เมตรของโลกได้ครบทั้ง 14 ยอด กลายเป็นคนอายุน้อยที่สุดที่ทำได้ นีมามีผู้ช่วยเป็นคนนำทางชาวเชอร์ปา ขณะหอบหายใจท่ามกลางอากาศเบาบางและสวมเสื้อขนเป็ดพองฟู นีมาขอบคุณมารดาที่สวดมนต์ให้และขอบคุณบิดาที่สนับสนุนค่าใช้จ่าย เขาพูดถึงความขัดแย้งในยูเครนและกาซา และขอให้สงคราม ความเกลียดชัง และการเหยียดเชื้อชาติ ยุติลง “ในฐานะวัยรุ่นคนหนึ่ง นี่คือสารที่ผมส่งถึงพวกคุณทุกๆคน” เขาหอบหายใจ แล้วก็ตะโกน “วู้ฮู!”
เมื่อกลับลงมา นีมาส่งคลิปวิดีโอให้ผู้จัดการของเขาในมุมไบ ซึ่งโพสต์คลิปลงอินสตาแกรมรีลและแชร์คลิปให้ผู้ติดตามของนีมาซึ่งมีอยู่ 20,000 คนในตอนนั้น ผู้สื่อข่าวบอกเล่าเรื่องราวชุบชูใจของวัยรุ่นผู้ปีนเขาพร้อมสโลแกน #พลังเชอร์ปา (#sherpapower) เพื่อบอกโลกว่า คนของเขาไม่ใช่แค่ผู้สนับสนุนนักปีนเขาจากตะวันตกเท่านั้น แต่เป็นนักกีฬาอย่างเต็มภาคภูมิ

ชาวเชอร์ปาทำงานเป็นลูกหาบขนของและนำทางให้นักปีนเขาต่างชาติ ผู้แสวงหาชื่อเสียงในการพิชิตยอดเขาสูงสุดของโลกมาเป็นเวลาเกือบ 120 ปี ชื่อของพวกเขากลายเป็นคำไวพจน์ของงานที่พวกเขาทำ ถึงขั้นที่ชาวตะวันตกจำนวนมากไม่รู้ด้วยซ้ำว่า “เชอร์ปา” คือชาติพันธุ์หนึ่ง ไม่ใช่อาชีพ แต่ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา ชาวเชอร์ปาก่อตั้งบริษัทมัคคุเทศก์ปีนเขาชั้นนำในอุตสาหกรรม สร้างสถิติโลกของตนเองและขึ้นสู่ทำเนียบการเป็นคนแรกที่พิชิตยอดเขาต่างๆ นีมายืนอยู่บนจุดเปลี่ยนผ่านระหว่างพัฒนาการสองด้านนี้ นั่นคือหนุ่มน้อยเชอร์ปาที่พร้อมจะหันหลังให้ธุรกิจมัคคุเทศก์ และก้าวไปเป็นดาวรุ่งนักปีนเขาอาชีพ
สองเดือนหลังสร้างสถิตินั้น นีมาก็เตรียมตัวสำหรับโครงการต่อไปแล้ว เขากำลังพยายามพิชิตยอดเขามนัสลูที่มีความสูง 8,163 เมตรในฤดูหนาวร่วมกับนักปีนเขาชื่อดังชาวอิตาลี ซีโมเน โมโร ถ้าประสบความสำเร็จ ทั้งคู่อ้างว่า นี่จะเป็นครั้งแรกของการปีนยอดเขาสูงเกิน 8,000 เมตรในฤดูหนาวแบบแอลป์แท้ๆ นั่นหมายถึงการปีนเขาแบบรวดเดียวโดยไม่ตั้งแคมป์หรือค่ายพัก ไม่ใช้เชือกตรึงและออกซิเจนกระป๋อง ไม่มีทีมสนับสนุนชาวเชอร์ปาที่นีมาใช้บริการตอนปีนยอดเขาทั้ง 14 ยอดก่อนหน้านั้น

การปีนเขาวิธีนี้ไกลเกินเอื้อมสำหรับนักปีนเขาส่วนใหญ่จากประเทศยากจนที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียใต้ แต่นีมามีผู้สนับสนุนพิเศษ พ่อของเขา ทาชิ ลักปา เชอร์ปา กับบรรดาลุงๆของเขาคือผู้ก่อตั้งเซเวนซัมมิตเทร็กส์ บริษัทมัคคุเทศก์ปีนเขาใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเนปาล (ทั้งยังเป็นเจ้าของบริษัทโฟร์ทีนพีกส์เอกซ์พีดิชันส์ที่ทาชิเป็นผู้บริหาร บริษัทเฮลิคอปเตอร์ชื่อเฮลิเอเวอเรสต์ และลงทุนในธุรกิจอื่นๆอีกหลากหลาย) ด้วยความมั่งคั่งของบิดา นีมาจึงไม่เคยต้องทำงานเหนื่อยบนภูเขาด้วยการนำทางหรือแบกอุปกรณ์ของชาวตะวันตกเหมือนชาวเชอร์ปาคนอื่นๆ กระทั่งการได้โมโรเป็นที่ปรึกษาก็เป็นผลจากเส้นสายของครอบครัว เนื่องจากนักปีนเขาแบบแอลป์ผู้นี้ทำงานเป็นนักบินเฮลิคอปเตอร์ให้ครอบครัวของพวกเขา
ไม่กี่วันก่อนนีมาออกเดินทาง เรานัดรับประทานอาหารเช้าด้วยกันที่โรงแรมอะลอฟต์ในกาฐมาณฑุ ซึ่งใช้เป็นสำนักงานใหญ่โดยพฤตินัยของเซเวนซัมมิตเทร็กส์ นีมา ผู้มีลักษณะเด่นๆของวัยรุ่น เช่น ไรหนวดบางๆ รองเท้าแอร์จอร์แดนสะอาดสะอ้าน และความกระตือรือร้นอย่างจริงจัง จิบคัปปุชชีโน คารมคมคายและการศึกษาในโรงเรียนเอกชนทำให้นีมารู้บทพูดของตนเองดี “ผมแค่อยากทำโครงการต่างๆที่มีความหมายน่ะครับ” เขาบอก เพราะ “วันหนึ่งเราก็จะตาย เรามีเวลาจำกัดมากๆ” การปีนเขาฤดูหนาวจะเป็นก้าวสำคัญที่หนักหนากว่าสิ่งที่เขาเคยทำมา นั่นคือการเผชิญความหนาวเย็นอย่างยิ่งและลมแรงระดับเฮอร์ริเคนที่อาจขังนักปีนเขาไว้ในเต็นท์นานหลายวัน แต่นีมาไม่ พรั่นพรึง เขามองว่าตนเองเป็นนักสำรวจมากกว่านักปีนเขา และ “การปีนเขาฤดูหนาวเป็นเหมือนการสำรวจมากกว่าครับ” เขาประกาศทั้งที่ไม่เคยปีนเขาในฤดูหนาวมาก่อน “มันเป็นการสำรวจมากกว่าสำหรับผม”

ว่ากันตามสถิติแล้ว โอกาสประสบความสำเร็จของการปีนเขาสูงเกิน 8,000 เมตรในฤดูหนาวถือว่าต่ำแค่ร้อยละ 15 ตามที่โมโรบอก นีมาจึงสำทับว่า “ต่อให้ไปไม่ถึงยอดเขา ก็ถือเป็นการเรียนรู้สำหรับเราครับ” แต่ถ้าพวกเขาไปถึงยอดเขาได้ย่อมดีกว่า นีมาอยากเป็นนักปีนเขาอาชีพ หมายถึงคนที่ปีนเขาโดยมีแบรนด์ต่างๆ เช่น นอร์ทเฟซและเรดบูล สนับสนุน แต่สถิติการพิชิตยอดเขา 14 ยอดยังไม่พอให้เขาได้การสนับสนุนดังกล่าว มนัสลูจึงเป็นโอกาสสร้างผลงานในประวัติของตนเอง เขาบอกว่า การได้สปอนเซอร์ไม่ใช่เรื่องของเงิน แต่เป็นเรื่องของศักดิ์ศรี และพูดต่อว่า นักปีนเขาชาวเชอร์ปา “ไม่เคยได้รับสิทธิพิเศษของการถูกเลือก วันที่ผมสร้างทีม วันที่คนเห็นผมเป็นนักกีฬาอาชีพ นั่นละครับที่คุณค่าจะเกิด”
ในบรรดาการเลื่อนสถานะทางสังคมและเศรษฐกิจทั้งหมดที่ชาวเชอร์ปาได้ทำในระยะหลังๆ ยังไม่มีใครก้าวกระโดดจากการเป็นมัคคุเทศก์ที่ปีนเขาในเวลาว่างมาเป็นนักกีฬาที่มีคนจ่ายเงินให้ไล่ตามความฝันของตนนีมาผู้ตั้งเป้าจะเป็นคนแรกที่ทำเช่นนั้น หวังจะได้ความเคารพและความเท่าเทียมบางประการที่ผู้คนของเขาควรได้รับมานานแล้ว

เช่นเดียวกับเด็กอัจฉริยะจำนวนมาก เป็นเรื่องยากที่จะบอกว่า ความทะเยอทะยานของนีมามาจากตัวเขาเอง หรือเป็นผลจากการชี้นำอย่างแนบเนียนของทาชิผู้เป็นบิดามากน้อยแค่ไหน ขณะที่ทาชิขับรถพานีมากับฉันตระเวนไปทั่วกาฐมาณฑุในบ่ายวันหนึ่ง ทั้งคู่ผลัดกันเล่าเรื่องราวความเป็นมาของนีมา ทาชิสนับสนุนนีมาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยและไร้เงื่อนไข เมื่อนีมาอยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ทาชิพยายามหาโค้ชชั้นนำให้ เมื่อความสนใจจืดจาง เขาก็พาลูกไปยิมสอนปีนเขา เมื่อนีมาอยากเป็นช่างภาพ เขาก็พาลูกชายไปปีนเขาเพื่อถ่ายภาพ ตามที่นีมาเล่า ตอนเขาอายุ 15 ทาชิเสนอว่า “น่าจะเข้าท่า” ถ้าเขาสามารถพิชิตยอดเขาสูงสุดของโลก 14 ยอดได้ขณะเป็นวัยรุ่น นีมากลับบ้านและค้นข้อมูล จากนั้นก็บอกผู้เป็นพ่อว่า ไปปีนเขากันเถอะ ความคิดของพ่อกลายเป็นความคิดของลูก

แรกเริ่มเดิมที โครงการพิชิตยอดเขาสูงที่สุด 14 ยอดของโลก คือความพยายามที่สร้างสรรค์และตอบสนองความต้องการของตนเองเป็นส่วนใหญ่ โดยได้แรงบันดาลใจจากจิมมี ชิน ช่างภาพแนวผจญภัยชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียและนักสำรวจของเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก นีมาอยากทำสารคดี แต่ระหว่างปีนขึ้นมนัสลู ซึ่งเป็นยอดเขายอดแรกเมื่อเดือนกันยายน ปี 2022 เขาก็พบเจอเรื่องประหลาดใจ เขารู้เรื่องธุรกิจของครอบครัวไม่มากนัก และคิดเอาเองมาตลอดว่า ลูกค้าของพ่อเป็นนักกีฬาชั้นยอดที่ปีนภูเขาดังๆ แต่เขากลับเพิ่งมารู้ว่า อันที่จริง ลูกค้าจำนวนมากเป็นคนทั่วไป กระทั่งเชื่องช้าด้วย ในขณะที่ชาวเชอร์ปาเดินแซงทุกคนโดยแบกสัมภาระของคนเหล่านั้นเอาไว้ด้วย เมื่อได้เห็นพรสวรรค์แท้จริงของเพื่อนร่วมชาติ นีมาก็เริ่มสงสัยว่า ทำไมไม่มีนักปีนเขาชาวเชอร์ปาที่มีชื่อเสียงระดับโลกในทุกวันนี้เลย
อย่างไรก็ตาม แรงจูงใจของเขากลายเป็นเรื่องจริงจัง เมื่อไปซีซาปังหม่าครั้งแรก หนึ่งปีก่อนที่เขาจะพิชิตยอดเขานั้นได้ในที่สุด วันนั้นเป็นวันที่ 7 ตุลาคม ปี 2023 นีมาอยู่ที่เบสแคมป์ และเทนเจน “ลามา” เชอร์ปาหนุ่มเชอร์ปาจากเซเวนซัมมิตที่นีมาเริ่มสนิทคุ้นเคย ก็อยู่ด้วย เขาเป็นผู้ช่วยของนักปีนเขา จีนา ซูซิดโล ที่กำลังพยายามจะเป็นหญิงชาวอเมริกันคนแรกที่พิชิตยอดเขาสูงที่สุด 14 ยอดของโลก แอนนา กูตู ชาวอเมริกันอีกคนก็ตั้งเป้าจะพิชิตยอดเขายอดที่ 14 ของตนในวันนั้นเช่นกัน ขณะปีนขึ้นสู่ยอดเขา กูตูกับคู่หูของเธอเสียชีวิตจากหิมะถล่ม ลามากับซูซิดโลจวนถึงยอดเขาแล้ว นีมาวิทยุแนะนำให้พวกเขากลับลงมา แต่ซูซิดโลอยากไปต่อ และไม่นานหลังจากนั้น หิมะถล่มครั้งที่สองก็คร่าชีวิตของเธอกับลามา

นีมาเสียใจมาก เขารู้สึกว่าลามาเป็นเสมือนเทวดาผู้พิทักษ์คนหนึ่งของเขาเวลาอยู่บนภูเขา หลังเหตุการณ์นั้น เขาซึมเศร้าอยู่หลายเดือน “ผมแค่รู้สึกสิ้นหวังอย่างหนักน่ะครับ” เขาบอก “ไม่ใช่แค่เรื่องปีนเขาเท่านั้น แต่กับชีวิตด้วย”
ในช่วงเวลานี้เองที่เขาเริ่มใช้แฮชแท็ก “พลังเชอร์ปา” นีมาตระหนักว่า เขาอยากเป็นกระบอกเสียงให้ชุมชนชาวเชอร์ปา เขาต้องการให้คนของเขารู้สึกว่า ชีวิตของพวกเขามีค่ามากกว่าค่าจ้างที่ได้รับ “สมมุติพวกเขาทำเงินได้ 4,000 ดอลลาร์ในการขึ้นยอดเขาหนึ่งครั้ง” เขาบอก “ผมไม่รู้ว่ามีงานอะไรให้เงินคุณมากเท่านี้อีก แต่มันเสี่ยงอันตรายเหลือเกิน” ชาวเชอร์ปา “รู้สึกจริงใจอย่างแท้จริง” กับลูกค้าของตน เขาบอกฉันอย่างเจ็บปวด ยอมเสียสละความปลอดภัย และกระทั่งชีวิตของตน เพื่อช่วยให้คนเหล่านั้นไปถึงยอดเขา นีมาบอกว่า ความกล้าหาญและความซื่อสัตย์เช่นนี้ “ไม่ใช่สิ่งที่เงินจะซื้อได้” เขาคิดว่า เรื่องราวของคนเหล่านี้สมควรได้รับการบอกเล่า ได้รับการยกย่องเชิดชูเยี่ยงวีรบุรุษ ไม่ใช่แค่ได้ค่าตอบแทนเหมือนผู้ช่วยเท่านั้น

กาฐมาณฑุในเดือนธันวาคมอาจลวงให้เราหลงคิดไปว่า ฤดูหนาวไม่น่าจะทารุณถึงขนาดฆ่าเราได้ วันที่นีมาเดินทางไปปีนเขาก็เหมือนวันอื่นๆก่อนหน้านี้ นั่นคืออากาศเย็นสบายและแดดออก ท้องฟ้าเป็นสีหม่นจากหมอกควันปกคลุม ฉันขึ้นเฮลิคอปเตอร์สีส้มของบริษัทเฮลิเอเวอเรสต์ไปพร้อมกับนีมา, โมโร และออสวอลด์ โรดรีโก เปเรย์รา ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวโปแลนด์วัย 40 ปี คู่หูปีนเขาของพวกเขา แผนการคือการบินเข้าสู่หุบเขาเอเวอเรสต์และเดินเท้าห้าวันไปยังเบสแคมป์ของอามาดาบลัม ยอดเขาสูง 6,812 เมตร ซึ่งฉันจะนั่งเฮลิคอปเตอร์กลับ ส่วนพวกเขาจะปีนอามาดาบลัมเพื่อปรับตัวให้เข้ากับภูมิอากาศ ก่อนบินต่อไปยังหุบเขามนัสลู
การปีนเขาที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์ครั้งแรกของนีมาเริ่มต้นอย่างราบรื่น อากาศบนยอดเขาอามาดาบลัมแห้งอยู่หลายวัน เมื่อไปถึงเบสแคมป์ของมนัสลูในอีกสิบวันต่อมา หิมะก็ตก จากนั้นพยากรณ์อากาศก็แย่ลง โดยคาดว่าจะมีลมพัดแรงกว่า 145 กิโลเมตรต่อชั่วโมงต่อเนื่องอีกสามสัปดาห์ ก่อให้เกิดสภาพอากาศที่อันตรายต่อการปีนเขาถ้าพวกเขารอ ก็จะสูญเสียภาวะที่ร่างกายปรับตัวเข้ากับภูมิอากาศได้แล้ว หลังจากอยู่ที่เบสแคมป์หนึ่งสัปดาห์ พวกเขาก็ยกเลิกภารกิจ
นีมากับโมโรวางแผนจะพิชิตมนัสลูอีกครั้งทันทีในฤดูหนาวปีถัดไป “ผมรู้สึกเหมือนว่า นี่คือการปีนเขาที่ดีที่สุดของผมครับ” นีมาบอกฉัน สภาพอากาศสุดขั้วทำให้เขาร่าเริงเบิกบาน และเมื่อเปรียบเทียบกับการปีนเขาเชิงพาณิชย์แล้ว “ทุกอย่างอยู่ในมือเรา”

ความท้าทายใหญ่หลวงที่สุดของนีมาตอนนี้อาจเป็นการจดจ่อกับการปีนเขา หลังจากมนัสลู เขามีเรื่องมากมายให้ทำอีกครั้ง เขาเพิ่งเซ็นสัญญาเขียนหนังสือหนึ่งเล่มและประกาศว่า เขาได้รับภารกิจเป็นอินฟลูเอนเซอร์ด้านสภาพภูมิอากาศประจำเนปาลให้โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นดีพี ในฤดูใบไม้ผลิ เขาไปเบสแคมป์ของเอเวอเรสต์ แต่ไม่ได้ไปปีนเขา เขาไปช่วยบิดาจัดการเรื่องโลจิสติกส์ ให้สัมภาษณ์ทีมข่าวจากสหรัฐฯ และช่วยบริษัทหนึ่งที่กำลังทดลองใช้โดรนขนขยะจากภูเขา เขายังก่อตั้งบริษัทของตัวเองเพื่อผลิตของที่ระลึกจากขยะทั้งหมดนั้นด้วย
ยังต้องดูกันต่อไปว่า นีมาจะเป็นดาวรุ่งนักปีนเขาอาชีพชาวเชอร์ปาที่พุ่งทะยานสมความปรารถนาหรือไม่คนกังขาคลางแคลงมีอยู่ อภิสิทธิ์ของนีมาคือต้นตอของความไม่พอใจในหมู่ชุมชนเชอร์ปาบางส่วน และหลายคนที่ฉันสัมภาษณ์ก็อยากให้ฉันรู้ว่า เนปาลมีนักปีนเขารุ่นเยาว์เปี่ยมพรสวรรค์มากมาย ไม่ใช่แค่นีมาเท่านั้น นักปีนเขาที่จะสามารถสร้างเกียรติประวัติดีๆได้ ถ้าเพียงพวกเขาได้รับโอกาส แต่นีมาเชื่อว่า ไม่ว่าจะทำสำเร็จตามเป้าหมายหรือไม่ เขาก็ได้ทำอะไรบางอย่างเพื่อชุมชนของตนเองแล้ว
เรื่อง กลอเรีย หลิว
ภาพถ่าย คริสเทิล ไรต์, ดีนา ลีทอฟสกี, ออสวอลด์ โรดรีโก เปเรย์รา และมานิศ มหารจัน
แปล ศรรวริศา เมฆไพบูลย์
อ่านเพิ่มเติม : “ไฟ” กับ “น้ำแข็ง” ตามล่า ” ทะเลสาบลาวา ” สุดขอบโลก
