กระแสความไม่พอใจ เหตุจากการรั่วไหลของน้ำมันในแคลิฟอร์เนีย กลายเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสำคัญที่เปลี่ยนให้การเฉลิมฉลองของชาวสหรัฐฯ ในวันที่ 22 เมษายน กลายเป็นวันแห่งการปกปักรักษาสิ่งแวดล้อมในระดับโลก หรือ วันคุ้มครองโลก
วันที่ 22 เมษายนของทุกปี ผู้คนทั่วโลกจะมารวมตัวกันเพื่อเป็นเกียรติและแสดงออกถึงพลังแห่งการอนุรักษ์ ‘โลก’ บ้านหลังนี้ที่พวกเราอาศัยอยู่ร่วมกัน หรือที่เรียกว่า วันคุ้มครองโลก (Earth Day) วันนี้เริ่มต้นในสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 1970 จากการเป็นวันที่ทางวิทยาลัยต่างๆ จะจัดเล็กเชอร์หรืออภิปรายในหัวเรื่องความสนใจต่อหน้าสาธารณชน นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจึงพัฒนาไปสู่การเฉลิมฉลองความสำเร็จของการเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมทั่วโลก พร้อมกับเป็นเครื่องเตือนใจว่า พวกเรายังมีหลายอย่างที่จะต้องทำ
ความกังวลต่อสิ่งแวดล้อมเกิดขึ้นก่อนที่จะมีการก่อตั้งวันคุ้มครองโลกมานานแล้ว ช่วงระหว่างศตวรรษที่ 14-16 ผู้คนกังวลว่ามลพิษและความสกปรกอาจมีส่วนก่อให้เกิดโรคระบาด ในขณะที่วิธีการอนุรักษ์ดินสามารถสืบย้อนหลังไปได้ถึง 2,000 ปีก่อนในจีน อินเดีย และเปรู
กระแสของกิจกรรมการเคลื่อนไหวแบบเดียวกันนี้ที่นำไปสู่การก่อกำเนิดวันคุ้มครองโลก ได้พาสังคมเข้าสู่ยุคใหม่ของการตรากฎหมายด้านสิ่งแวดล้อม เห็นได้จากพระราชบัญญัติอากาศสะอาดและน้ำสะอาด รวมถึงการก่อตั้งสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อม เหล่านี้จะบอกเล่าว่า วันคุ้มครองโลกกลายมาเป็นวันสำคัญได้อย่างไร และเหตุใดนักเคลื่อนไหวจึงหวังว่าวันคุ้มครองโลกนี้จะสร้างอนาคตที่ยั่งยืนกว่า
วันคุ้มครองโลกเริ่มต้นได้อย่างไร?
ช่วง 1960 เป็นทศวรรษแห่งการตื่นตัวด้านสิ่งแวดล้อมเป็นวงกว้างไปทั่วสหรัฐอเมริกา ชาวอเมริกันส่วนใหญ่รู้จักกับผลกระทบของมลพิษทางอากาศในปี 1960 เมื่อ Rachel Carson นักธรรมชาติวิทยาและอดีตนักชีววิทยาทางทะเลได้ทำการตีพิมพ์ Silent Spring หนังสือทรงอิทธิพลที่บอกเล่าเรื่องราวของ ดีดีที ยาฆ่าแมลงที่แพร่หลายในช่วงนั้น ว่าสารเคมีจะเข้าสู่ห่วงโซ่อาหาร ก่อให้เกิดมะเร็ง และความเสียหายทางพันธุกรรมในมนุษย์และสัตว์ได้อย่างไร
Silent Spring กลายมาเป็นหนังสือขายดีในทันที เพราะกระตุ้นให้ผู้คนตั้งคำถามถึงผลกระทบของเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่มีต่อสิ่งแวดล้อม ในขณะเดียวกันก็เป็นเหมือนเวทีที่เร่งการเคลื่อนไหวทางด้านสิ่งแวดล้อมให้เร็วขึ้นอีก แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังต้องใช้เวลาอีก 8 ปี กว่าที่ข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมจะผลักดันสู่การตรากฎหมาย
หนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลของขบวนการด้านสิ่งแวดล้อม คือบิดาแห่ง Earth Day – อดีตวุฒิสมาชิก Gaylord Nelson จากวิสคอนซิน หัวก้าวหน้าผู้รักธรรมชาติยิ่งยวด เขาให้ความสำคัญกับการผ่านกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อม เช่น พระราชบัญญัติพื้นที่รกร้างว่างเปล่า ปี 1964 ซึ่งช่วยปกป้องพื้นที่ของรัฐบาลกลาง และพระราชบัญญัติแม่น้ำแห่งป่าและทิวทัศน์ 1968 เพื่อปกป้องแม่น้ำให้ยังคงไหลอย่างเป็นอิสระ
หลังจากนั้น เดือนมกราคม 1969 เหตุการณ์น้ำมันรั่วครั้งใหญ่ในเมืองซานตา บาร์บารา รัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นแรงบันดาลใจสำคัญให้เนลสันเป็นผู้นำผู้คนรากหญ้าในการเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม การรั่วไหลของน้ำมันครั้งนี้คร่าชีวิตนกหลายพันตัวตามแนวชายฝั่ง และเปลี่ยนชายหาดกลายเป็นสีคราบน้ำมัน ซึ่งนับเป็นความเสียหายครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดที่สหรัฐฯ เคยประสบในขณะนั้น และยังคงเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของรัฐแคลิฟอร์เนีย
จากพลังของนักศึกษาที่เข้าร่วมกันประท้วงต่อต้านสงครามในช่วงนั้น เนลสันจึงเริ่มดำเนินการในลักษณะเดียวกันนี้ในนามของสิ่งแวดล้อม เขาเสนอแนวคิดเกี่ยวกับการอภิปรายระหว่างคณาจารย์และนักศึกษาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม และเลือกวันที่ 22 เมษายน 1970 ซึ่งเป็นวันที่อยู่ระหว่างช่วงปิดเทอมฤดูใบไม้ผลิและการสอบปลายภาค เพื่อให้นักศึกษาเข้ามีส่วนร่วมให้ได้มากที่สุด
เนลสันคัดเลือก Pete McCloskey ตัวแทนจากพรรครีพับลิกันในแคลิฟอร์เนีย และ Denis Hayes นักเคลื่อนไหวเยาวชน มาร่วมกันจัดระเบียบการชุมนุม ในไม่ช้า ความพยายามก็ปะทุขึ้นจนกลายเป็นการประท้วงเนื่องในวันคุ้มครองโลก ช่วงวันที่ 22 เมษายน ความสนใจก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากจนชาวอเมริกากว่า 20 ล้านคนจากวิทยาลัยและมหาวิทยาลัย 2,000 แห้ง และโรงเรียนกว่า 10,000 แห่งเข้าร่วมในวันคุ้มครองโลกครั้งแรกนี้ผ่านกิจกรรมการสาธิต การขุดลอกแม่น้ำ และอื่นๆ
ผลโพลในช่วงเวลานั้นแสดงให้เห็นว่า ความกังวลต่อสิ่งแวดล้อมได้ก้าวกระโดดไปสู่ความคิดเห็นหลักของประชาชน จากความคิดเห็นของผู้คนที่ว่า มลภาวะทางอากาศและน้ำมีความสำคัญมากกว่าประเด็นเชื้อชาติและอาชญากรรม จากการความสำรวจความคิดเห็นเมื่อปี 1971 ชาวอเมริกัน 78% ยินดีที่จะจ่ายเงินเพื่อทำความสะอาดอากาศและน้ำ
“เหตุผลที่ Earth Day เกิดผลนั่นก็เกิดจากการจัดระเบียบตัวเอง” เนลสันกล่าวกับ New York Times “ไอเดียเกิดขึ้นมา แล้วทุกคนก็คว้ามัน ผมต้องการการสาธิตจากประชาชนจำนวนมาก เพื่อให้นักการเมืองเห็นว่า ผู้คนกำลังใส่ใจเรื่องนี้” และในที่สุด เนลสันก็กลายมาเป็นหัวแรงหลักในการร่างกฎหมายเพื่อสิ่งแวดล้อมที่สำคัญต่างๆ รวมทั้งการแบนดีดีทีด้วย
เพียง 10 ปี หลังจากวันคุ้มครองโลกครั้งแรก เนลสันเขียนใน EPA Journal ว่า การคาดการณ์ถึงการสิ้นสุดยุคทองของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมนั้นเป็นไปในทางที่ผิดและไม่ถูกต้อง
“สำหรับผู้คนที่สนใจ เห็นชัดเจนแล้วว่าการเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมในขณะนี้มีความแข็งแกร่งกว่าเดิมมาก มีแนวทางที่ดีกว่าเดิมมาก มีข้อมูลที่ดีกว่าเดิมมาก และมีอิทธิพลมากกว่าสิบปีก่อนเป็นอย่างมาก มันเติบโตแข็งแรงขึ้นทุกปี นั่นก็เพราะความรู้และความเข้าใจของสาธารณชนที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ” เนลสันเขียน
ขบวนการการเคลื่อนไหวในวันคุ้มครองโลกแพร่หลายไปทั่วโลกในวันครบรอบ 20 ปี เฮย์สจัดแคมเปญระดมผู้คน 200 ล้านคน เพื่อส่งเสริมปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและสนับสนุนการรีไซเคิล ผ่านการชุมนุมและเฉลิมฉลองในกาบอง นี่นับเป็นการปูทางสำหรับการประชุมสหประชาชาติในปี 1992 ที่บราซิล ซึ่งมุ่งเน้นเรื่องสิ่งแวดล้อมในชื่อว่า ‘Earth Summit – การประชุมสุดยอดโลก’ เพื่อส่งสัญญาณถึงความพยายามอย่างจริงจังมากขึ้นจากหน่วยงานกำกับดูแลระดับโลก เพื่อความยั่งยืนในอนาคต
อีกไม่กี่ปีต่อมา ในปี 1995 จากการสร้างความมีส่วนร่วมต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้เนลสันได้รับการยกย่องผ่านเหรียญอิสรภาพของประธานาธิบดี (เครื่องราชอิสริยาภรณ์สูงสุดของสหรัฐอเมริกาเพื่อมอบสำหรับผู้อุทิศตนเพื่อสร้างความมั่นคงและผลประโยชน์ให้กับสาธารณชน – ผู้แปล) เนลสันยังคงเป็นหัวหอกในการเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อมในสหัสวรรษใหม่ แต่คราวนี้เขามุ่งเน้นไปที่ลำดับความสำคัญล่าสุด ในเรื่องของภาวะโลกร้อนและพลังงานสะอาด
ในขณะที่นักวิทยาศาสตร์เฝ้าฟูมฟักธรรมชาติเพื่อช่วยชะลอผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ นักเคลื่อนไหวยังคงส่งสัญญาณเตือนต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนรุ่นใหม่ที่เป็นผู้นำทั้งในระดับมหาวิทยาลัย และระดับนานาชาติอย่างเสียงที่โดดเด่นของ Greta Thunberg
“ฉันไม่ต้องการความหวังของคุณ ฉันไม่ต้องการให้คุณมีความหวัง” คำกล่าวอันโด่งดังของธุนเบิร์กในงาน World Economic Forum 2019 ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ “ฉันต้องการให้คุณตื่นตระหนก และทำตัวให้เหมือนกับบ้านกำลังถูกไฟไหม้”