ราตรีแดนใต้ ลับตะวันในดงดิบ สำรวจความร่ำรวยทางทรัพยากรธรรมชาติในเขตชีวภูมิศาสตร์ Sundaic biogeographic region ชายแดนไทย-มาเลเซีย
เมื่อพูดถึงจังหวัดยะลา คุณนึกถึงอะไร?
บางคนอาจจะนึกถึงอาหารจานเด็ดอย่างไก่เบตง บางคนอาจนึกถึงชื่ออำเภอใต้สุดสยาม บ้างอาจนึกถึงสีเขียวและเมฆฝนของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา สายประวัติศาสตร์อาณานิคมอาจนึกถึงกบฏพระยาแขกเจ็ดหัวเมืองในสมัยรัชกาลที่ 5
ไก่เบตงที่มีชื่อเสียงเป็นที่ร่ำลือ คือพันธุ์ไก่ลูกผสมระหว่างไก่เนื้อที่ถูกนำมาจากมณฑลกวางไสกับไก่บ้านพื้นเมือง นำไปต้มกับสมุนไพรก่อนสับแล้วราดซีอิ้วผสมน้ำมันงาและกระเทียมเจียว เป็นเมนูที่หาทานได้ไม่ง่ายนักเพราะแม้แต่ในจังหวัดเองก็มีผู้รอซื้ออยู่เป็นจำนวนมาก สวนทางกับพันธุ์ไก่ที่ต้องค่อยๆ เลี้ยงนานหลายเดือนเพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์
ของดีจังหวัดยะลาไม่ได้มีเท่านี้ เพียงแต่เราต้องเดินทางไปให้ถึงเสียก่อน
เนื่องจากท่าอากาศยานนานาชาติเบตงปิดทำการไปในเดือนตุลาคม ปี พ.ศ. 2565 (2022) หลังเปิดทำการได้เพียงเจ็ดเดือน โดยศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต. ให้คำตอบว่าเป็นไปเพื่อปรับปรุงขยายรันเวย์[1] การเดินทางไปจังหวัดยะลาจากกรุงเทพฯ ของเราจึงเริ่มต้นด้วยเที่ยวบินเช้าไปลงที่ท่าอากาศยานหาดใหญ่ จากนั้นต่อด้วยรถตู้ที่ขับผ่านปัตตานีก่อนจะถึงยะลาโดยใช้เวลาราวสี่ถึงห้าชั่วโมง น้องที่รู้จักคนหนึ่งซึ่งมีบ้านเกิดที่เบตงเล่าให้ฟังในภายหลังว่า หลังจากที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ ปีหนึ่งก็กลับบ้านไม่กี่ครั้ง เพราะการเดินทางที่กินเวลาหลายต่อนี่เอง ถึงแม้ว่าอาจจะเลือกเดินทางโดยขบวนรถไฟได้ด้วยก็ตาม
ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา รัฐไทยใช้งบประมาณไปกับสามจังหวัดภาคใต้กว่าห้าแสนล้านบาท[2][3] งบประมาณเหล่านี้ถูกใช้ในนามของความสงบเรียบร้อยเสียมากกว่าจะเป็นไปเพื่อการพัฒนาสาธารณูปโภค ตลอดเส้นทางเราจึงได้พบกับด่านตรวจเป็นระยะ แต่เนื่องจากเป็นช่วงที่ไม่มีความตึงเครียดเป็นพิเศษ การตรวจตราจึงไม่ได้เข้มงวดเท่าใดนัก
เส้นทางสำรวจธรรมชาติของพวกเราเริ่มต้นที่อำเภอธารโต ซึ่งมีอาณาเขตติดต่อกับเกอดะฮ์ของมาเลเซีย และความร่ำรวยทางทรัพยากรธรรมชาติในเขตชีวภูมิศาสตร์ Sundaic biogeographic region ก็ไม่ทำให้เราผิดหวัง
การเดินสำรวจตอนกลางคืนอาจดูน่ากลัวเมื่อยังไม่คุ้นเคย แต่ความมืดที่อุณหภูมิเย็นลงเป็นเวลาที่สัตว์ในกลุ่ม herpetology หรือ “herp” (ชื่อเรียกรวมๆ ของสัตววิทยาแขนงสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก) จะคึกคักเป็นที่สุด ตุ๊กกายมลายูในภาพด้านบนก็เช่นกัน กลุ่มตุ๊กกายมีลักษณะภายนอกที่คล้ายคลึงกับตุ๊กแกอยู่มาก แต่แทนที่จะอาศัยตามผนังถ้ำหินปูนอย่างตุ๊กแก พวกมันชอบบ้านที่เป็นป่ามากกว่า จึงมีนิ้วเท้าที่เล็บแหลมยาวและไม่มีปุ่มดูดแบบตุ๊กแก
สัตว์หลายชนิดที่เราได้พบเจอในการสำรวจครั้งนี้ ในประเทศไทยสามารถพบได้ในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม การเดินป่าในตอนกลางคืนพึงมีข้อควรระมัดระวังและไม่แนะนำให้เดินคนเดียวลำพัง ระหว่างการสำรวจครั้งนี้ มีหลายครั้งที่พวกเราต้องหันหลังกลับออกจากเส้นทางเนื่องจากได้ร่องรอยใหม่ๆ ของช้างป่า รวมถึงครั้งหนึ่งที่ได้ยินเสียงหักกิ่งไม้หากินในระยะจวนตัว จนต้องจ้ำอ้าวกันออกมาอย่างเกือบจะหายใจไม่ทัน
ฝนที่ตกกระหน่ำลงมาไม่ยั้งทุกเย็น ยังทำให้เราได้พบสัตว์ชอบฝนและผู้ล่าของมันได้ง่ายขึ้น ความน่าตื่นเต้นของการเดินป่าตอนกลางคืนยังทำให้ได้พบสิ่งมีชีวิตสุดมหัศจรรย์ (ที่อาจจะดูน่าแขยงสักหน่อยสำหรับคนไม่ชอบตัวยึกยือ) ที่หาตัวได้ยาก อย่างปลิงกินไส้เดือนในวงศ์ Gastrostomobdellidae ซึ่งไม่ได้ดูดเลือดจากสัตว์เลือดอุ่น แต่เขมือบไส้เดือนทั้งตัวเป็นอาหาร และตุ๊กแกบินหางเฟิน (Horsfield’s flying gecko, Gekko horsfieldii) ที่น้อยคนนักจะมีโอกาสได้พบเห็นตามธรรมชาติ
ธรรมชาติที่สมบูรณ์และงดงามของพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซียอาจดูไม่คล้ายพื้นที่สีแดงที่เคยมีเรื่องราวการสู้รบมาอย่างเข้มข้น เมื่อหลังการลงนามเพื่อสันติภาพหาดใหญ่ อดีตสมาชิกกองทัพประชาชนบางส่วนเดินทางกลับมาเลเซีย บางส่วนเลือกเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติและตั้งรกรากในประเทศไทย โดยยังอนุรักษ์สถานที่ประวัติศาสตร์ไว้เพื่อรำลึกถึงการยุติความเป็นศัตรูในการเจรจาครั้งนั้น
อดีตพรรคคอมมิวนิสต์มลายา หรือ พคม. คือหนามยอกอกรัฐบาลมาเลเซีย แต่กลับมีฐานที่มั่นในเขตแดนไทยและมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนร่วมกับรัฐบาลจีนและพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) สาขาภาคใต้ นอกจากในยะลาแล้ว เทือกเขาชายแดนเดียวกันที่ทอดไปถึงสงขลา ยังคงพบร่องรอยอุโมงค์ฐานที่มั่นของ พคม. ที่เขาน้ำค้าง อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา ซึ่งปัจจุบันอุโมงค์นี้เปิดให้เข้าชมได้อีกด้วย
พคม. คงสถานะเป็นความอิหลักอิเหลื่อในรอยตะเข็บชายแดนไทย-มาเลเซียอยู่นานเกือบ 40 ปี จนกระทั่งไทยในยุคเปลี่ยนสนามรบให้เป็นสนามการค้า หลังการเปลี่ยนถ่ายอำนาจนายกรัฐมนตรีจาก เปรม ติณสูลานนท์ สู่ ชาติชาย ชุณหะวัณ นายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 17 กระทรวงการต่างประเทศของไทยเป็นเจ้าภาพเปิดโต๊ะเจรจา “สันติภาพหาดใหญ่” ที่โรงแรมลีการ์เดนส์ของจังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2532 (1989)[4] โดยมีผู้เข้าร่วมจากสามฝ่าย คือหัวหน้าคณะเจรจาสันติภาพฝ่ายมาเลเซีย อับดุล ราฮิม คนสนิทของมหาเธร์และผู้บัญชาการ Special Branch ในขณะนั้น (หน่วยงานที่เทียบได้กับสันติบาลของไทย ซึ่งในมาเลเซียนั้นฝ่ายความมั่นคงที่กุมกำลังสูงสุดคือตำรวจ) จีน เป็ง ชาวปีนัง เป็นตัวแทนของ พคม. และตัวแทนฝ่ายไทยที่ได้รับมอบหมายคือ พล.อ.กิตติ รัตนฉายา แม่ทัพภาคที่ 4 ในขณะนั้น[5] เป็นการปิดฉากความเคลื่อนไหวของ พคม. ในประเทศไทยอย่างสมบูรณ์
หากใช้กรณีสันติภาพหาดใหญ่เป็นมาตรวัด สถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ หรือที่เรียกรวมต่อเนื่องว่า “ไฟใต้” ที่อาจเริ่มนับตั้งแต่เหตุการณ์ดุซงญอในปี พ.ศ. 2491 (1948), อุ้มหายหะยีสุหลง พ.ศ. 2497 (1954), ฆาตกรรมสะพานกอตอ พ.ศ. 2518 (1975), ทวงคืนมัสยิดกรือเซะ พ.ศ. 2530-2533 (1987-1990), ปล้นปืนปิเหล็ง พ.ศ. 2547 (2004), อุ้มหายทนายสมชาย นีละไพจิตร พ.ศ. 2547 (2004), เหตุการณ์กรือเซะ พ.ศ. 2547 (2004), เหตุการณ์ตากใบ พ.ศ. 2547 (2004), ตันหยงลิมอ-ครูจูหลิง พ.ศ. 2548-2549 (2005-2006), เรื่อยมาจนถึงเหตุอัตวินิบาตกรรมทั้งสองครั้งของคณากร เพียรชนะ อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้น ศาลจังหวัดยะลา ในปี พ.ศ. 2562-2563 (2019-2020) ก็สะท้อนให้เห็นถึงการขาดการชำระประวัติศาสตร์อย่างตรงไปตรงมาร่วมกันทุกฝ่าย
แม้ทรัพยากรของพื้นที่แห่งนี้จะมากล้น ทั้งภูมิศาสตร์ ความหลากหลายทางชีวภาพ วัตถุดิบท้องถิ่นและอัตลักษณ์อาหาร รวมถึงผู้คนหลากหลายชาติพันธุ์ที่ยินดีต้อนรับนักเดินทางต่างถิ่น แต่ความหวาดระแวงว่าสามจังหวัดชายแดนเป็นพื้นที่อันตรายร้ายแรง ก็สวนทางกับความพยายามของคนในพื้นที่ในการสร้างมูลค่าจากการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ (ทั้งที่ในขณะเดียวกัน เราก็อาจมีโอกาสเดินตกท่อ หรือว่าถูกวัสดุก่อสร้างจากทางด่วนหล่นใส่ได้ในทุกวันธรรมดาของกรุงเทพฯ ทำให้เกิดภาพชวนตั้งคำถามว่า “พื้นที่อันตราย” ในสายตาของคนเมืองหลวงมีหน้าตาเป็นอย่างไรกันแน่)
เมื่อพูดถึงจังหวัดยะลา คุณคิดว่าคนที่นั่นฝันถึงอะไร?
ถ้าหากว่าเคยจินตนาการถึงการได้มีชีวิตและโอกาสที่ดี มีความมั่นคงให้กับครอบครัว และได้รู้สึกว่าเป็นเจ้าของบ้านในบ้านของตัวเอง ความฝันของคนยะลาและคนกรุงเทพฯ ที่แท้ก็อาจไม่ได้ต่างกันอย่างที่เคยเข้าใจ
รายชื่อสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกที่พบทั้งหมด 56 ชนิด
- งูสิงทอง (Brown rat snake, Ptyas fusca)
- งูสายม่านฟ้าเขียว (Wall’s bronzeback, Dendrelaphis cyanochloris)
- งูสายม่านหลังทอง (Elegant bronzeback, Dendrelaphis formosus)
- งูเขียวตุ๊กแก (Wagler’s pit viper, Tropidolaemus wagleri)
- งูกินทากเกล็ดเรียบ (Smooth slug snake, Asthenodipsas laevis) 2 ตัว
- งูสายม่านแดงหลังลาย (Gray bronzeback, Dendrelaphis caudolineatus) 2 ตัว
- งูทับสมิงคลา (Malayan krait, Bungarus candidus)
- งูกินทากเกล็ดสัน (Keeled slug snake, Pareas carinatus)
- งูกินทากหัวโหนก (Blunthead slug snake, Aplopeltura boa) 2 ตัว
- งูปล้องฉนวนสีน้ำตาล (Scarce wolf snake, Lycodon effraenis)
- จิ้งเหลนเกล็ดสัน (Rough-scaled sun skink, Eutropis rugifera)
- จิ้งเหลนบ้าน (Common sun skink, Eutropis multifasciata)
- กิ้งก่าคอแดง (Oriental garden lizard, Calotes versicolor)
- กิ้งก่าพระอินทร์ (Dusky earless agama, Aphaniotis fusca)
- กิ้งก่าบินคอสีฟ้า (Sumatran flying dragon, Draco sumatranus)
- กิ้งก่าบินมลายู (Formosa gliding lizard, Draco formosus)
- กิ้งก่าบินยักษ์ (Great flying dragon, Draco maximus)
- กิ้งก่าเขียวหูดำ (Green crested lizard, Bronchocela cristatella)
- กิ้งก่าดงใหญ่ (Malayan crested lizard, Gonocephalus grandis)
- กิ้งก่าดงคิ้วสัน (Abbott’s anglehead lizard, Gonocephalus doriae abbotti)
- กิ้งก่าดงคอสีฟ้า (Bell’s anglehead lizard, Gonocephalus bellii)
- กิ้งก่าแก้ว (Forest garden lizard, Calotes emma)
- ตุ๊กกายมลายู (Banded forest gecko, Cyrtodactylus consobrinus)
- ตุ๊กกายลายสี่ขีด (Four-striped bent-toed gecko, Cyrtodactylus quadrivirgatus)
- ตุ๊กกายลายสี่ขีด (Four-striped bent-toed gecko – highland form, Cyrtodactylus quadrivirgatus)
- ตุ๊กกายตุ่มใหญ่ (Large-tubercled bent-toed gecko, Cyrtodactylus macrotuberculatus)
- จิ้งจกหางหนาม (Asian house gecko, Hemidactylus frenatus)
- จิ้งจกหางอ้วน (Common four-clawed gecko, Gehyra mutilata)
- จิ้งจกนิ้วยาวนราธิวาส (Narathiwat round-eyed gecko, Cnemaspis narathiwatensis)
- ตุ๊กแกบินมลายู (Malaysia parachute gecko, Gekko cicakterbang)
- ตุ๊กแกบินหางแผ่น (Kuhl’s flying gecko, Gekko kuhli)
- ตุ๊กแกบินหางเฟิน (Horsfield’s flying gecko, Gekko horsfieldii)
- ตุ๊กแกหัวโต (Cat gecko, Aeluroscalabotes felinus)
- ตุ๊กแกหลังจุดคู่ (Double-spotted gecko, Gekko monarchus)
- กบเขาหลังตองมลายู (Malayan white-lipped frog, Chalcorana labialis)
- อึ่งแม่หนาว (Malcolm’s narrow-mouthed frog, Microhyla malcolmi)
- อึ่งข้างดำ (Dark-sided chorus frog, Microhyla heymonsi)
- กบหนอง (Rice field frog, Fejervarya limnocharis)
- ปาดเขียวตีนดำ (Wallace’s flying frog, Rhacophorus nigropalmatus)
- ปาดบ้าน (Common Southeast Asian tree frog, Polypedates leucomystax)
- ปาดหูดำ (Dark-eared tree frog, Polypedates macrotis)
- อึ่งอ่างมลายู (Wide-disked narrow-mouthed frog, Kaloula latidisca)
- อึ่งหลังขีด (Deli little pygmy frog, Micryletta inornata)
- ปาดเรียวมลายู (Malayan slender tree frog, Polypedates discantus)
- กบแรด (Rhinoceros frog, Limnonectes plicatellus)
- คางคกแคระ (Lesser toad, Ingerophrynus parvus)
- ปาดเขียวตีนแดง (Malayan Flying Frog, Zhangixalus prominanus)
- อึ่งกรายจมูกแหลม (Long-nosed horned frog, Pelobatrachus nasutus)
- ปาดป่าจุดขาว (Peter’s tree frog, Nyctixalus pictus)
- กบว้ากเล็ก (Side-spotted swamp frog, Pulchrana laterimaculata)
- กบชะง่อนผาใต้ (Poisonous rock frog, Odorrana hosii)
- กบลายหินใต้ (Larut torrent frog, Amolops larutensis)
- จงโคร่ง (River toad, Phrynoidis asper)
- อึ่งกรายลายจุด (Spotted litter frog, Leptobrachium hendricksoni)
- คางคกบ้าน (Asian common toad, Duttaphrynus melanostictus)
- กิ้งก่าเขาหนามยาว (Armored pricklenape, Acanthosaura armata)
เรื่อง : สิริพรรณี สุปรัชญา
ภาพ : สิริพรรณี สุปรัชญา, เอกโชค บูรณอนันต์
ขอขอบคุณ
ฮาลาบาลา ชุมชนท่องเที่ยวจุฬาภรณ์พัฒนา ๙ จ.ยะลา
เอกโชค บูรณอนันต์, ไบโอเอ็ม ครูชีวะสายนก
ปริญญา ภวังคะนันทน์, มูลนิธิกระต่ายในดวงจันทร์
อ้างอิง
[1] “ปิดฉากเที่ยวบินเบตง? ศอ.บต.อ้างเตรียมขยายรันเวย์.” ISRA NEWS, 31 October 2022. https://www.isranews.org/article/south-news/south-slide/113232-airbetong.html. Accessed 6 December 2024.
[2] “เปิดไส้ในงบประมาณแก้ปัญหาภาคใต้ปี 67 ถมดับไฟใต้ 20 ปี 3.41 แสนล้าน.” Thansettakij, 4 January 2024. https://www.thansettakij.com/politics/584978. Accessed 6 December 2024.
[3] Tewarit Maneechai, 23 October 2024. https://x.com/bus_te/status/1849070200483876951. Accessed 6 December 2024.
[4] “25 ปี สันติภาพหาดใหญ่ อดีตกองทัพประชาชนพคม.วันที่เป็นไทย.” Komchadluek, 2 December 2014. https://www.komchadluek.net/news/196974. Accessed 6 December 2024.
[5] “เจรจาดับไฟใต้ ไปต่ออย่างไรในช่วงท้ายรัฐบาลทหารไทย.” BBC Thai, 16 October 2018. https://www.bbc.com/thai/thailand-45872714. Accessed 6 December 2024.