“การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศกำลังคุกคามป่าชายเลนทั่วโลก“
การศึกษาใหม่ที่เผยแพร่บนวารสาร Nature Geoscience ซึ่งนำโดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยทูเลน (Tulane University) เผยให้เห็นว่ารูปแบบภูมิอากาศที่เรียกว่า เอลนีโญ และ ลานีญา นั้นส่งผลกระทบต่อป่าชายเลนเกือบครึ่งหนึ่งของโลก ซึ่งเน้นย้ำถึงความเปราะบางของระบบนิเวศชายฝั่งที่สำคัญเหล่านี้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ
“ป่าชายเลนเป็นระบบนิเวศที่มีคุณค่ามากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แต่ป่าชายเลยก็ยังคงต้องการความสมดุลในการดำรงอยู่กับสิ่งแวดล้อม” แดเนียล ฟรีส (Daniel Friess) หนึ่งในทีมวิจัย จากคณะวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยทูเลน กล่าว
อากาศที่เปลี่ยนแปลงไปมา
โดยทั่วไปแล้ว สภาพอากาศของโลกมีการสลับไปมาเป็นวัฏจักรซึ่งเรียกกันว่า ‘ปรากฏการณ์เอนโซ’ (ENSO) หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า เอลนีโญ (El Niño) และ ลานีญา (La Niña) โดยเอลนีโญเป็นรูปแบบสภาพอากาศที่ทำให้มหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออกอุ่นขึ้น ส่งผลให้ภาคใต้ของสหรัฐอเมริกาและอ่าวเม็กซิโกจะมีฝนตกชุก
ขณะเดียวกันเอลนีโญก็ทำให้ภูมิภาคเขตร้อนอย่างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลีย และแอฟริกากลางมีสภาพอากาที่แห้งแล้งกว่าเดิม กลับกัน ลานีญา ทำให้มหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออกเย็นลง ส่งผลให้ภูมิภาคที่กล่าวไปข้างต้นมีสภาพอากาศตรงข้ามกับเอลนีโญ
ด้วยเหตุนี้สภาพอากาศเอนโซจึงรบกวนฝน พายุ และอุณหภูมิทั่วโลก ซึ่งทำให้เกิดน้ำท่วม ภัยแล้ง และกิจกรรมของพายุเฮอริเคนที่เปลี่ยนแปลงไป โดย เอลนีโญ นั้นเป็นที่รู้กันดีว่ากระตุ้นให้เกิดปะการังฟอกขาว ภัยแล้ง และไฟป่า ขณะที่ ลานีญา มักทำให้เกิดน้ำท่วม
อย่างไรก็ตามปรากฏการณ์สภาพอากาศเหล่านี้แม้จะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้มาก แต่ก็ถือเป็นวัฏจักรปกติตามธรรมชาติมานานหลายพันปีแล้ว ทำให้เชื่อกันว่าสิ่งแวดล้อมได้ปรับตัวให้เข้ากับระบบอากาศที่ ‘แกว่งไปแกว่งมา’ นี้ แต่รายงานใหม่จากมหาวิทยาลัยชี้ให้เห็นว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น
“ผลการศึกษาของเราได้ยืนยันว่าปรากฏการณ์เอลนีโญ ส่งผลกระทบซ้ำซากในวงกว้างต่อระบบนิเวศป่าชายเลนทั่วโลก” เจิ้น จาง (Zhen Zhang) ผู้เขียนงานวิจัยหลัก กล่าว
ความสมดุลที่ละเอียดอ่อนและเปราะบาง
ก่อนหน้านี้มีบันทึกเกี่ยวกับผลกระทบจากสภาพอากาศต่อป่าชายเลนไว้น้อยมาก หรือมีในเฉพาะพื้นที่เจาะจงเท่านั้น เช่น ต้นโกงกางมากกว่า 40 ล้านต้นตายอย่างกะทันหันตามแนวทางฝังยาว 1,900 กิโลเมตรในภูมิภาคทางตอนเหนือของออสเตรเลียเมื่อปี 2015
ดังนั้นเพื่อทำความเข้าใจและตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด ทีมวิจัยจึงใช้ข้อมุลจากดาวเทียมตั้งแต่ปี 2001 ถึง 2020 ว่าปรากฏการณ์เอนโซ ส่งผลต่อการเติบโตและการเสื่อมโทรมของป่าชายเลนได้อย่างไร ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่น่ากังวลใจ
“เราอยากทราบว่าเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นแบบแยกกันหรือเป็นส่วนหนึ่งของรูปแบบที่กว้างกว่า” จาง กล่าว
ทีมวิจัยสามารถระบุถึงผลกระทบแบบ ‘โยกเยก’ นี้ได้ โดยในช่วงที่เกิดเอลนีโญ ป่าชายเลนในแปซิฟิกตะวันออกจะ ‘เสื่อมโทรม’ ลงอย่างกว้างขวาง ในขณะที่ป่าชายเลนในแปซิฟิกตะวันออกจะเติบโตมากขึ้น กลับกัน ในช่วงที่เกิด ลานีญา ป่าชายเลนแปซิฟิกตะวันออกจะลดลง และทางตะวันตกจะเติบโต
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เกิดจากปัจจัยสำคัญคือ ระดับน้ำทะเล โดย เอลนีโญ มักทำให้ระดับน้ำทะเลในแปซิฟิกตะวันตกลดลงชั่วคราว ซึ่งทำให้ดินเค็มขึ้นและทำให้ป่าชายเลนจำนวนมากตายลง ผลลัพธ์เหล่านี้เน้นย้ำถึงความเปราะบางของระบบนิเวศป่าชายเลน
ความผิดปกติเช่น เอลนีโญ ที่ยาวนานและรุนแรงขึ้นกว่าเดิม หรือแม้แต่ ลานีญา ที่สั้นลงต่างก็สร้างผลกระทบต่อป่าชายเลนได้ทั้งหมดโดยเฉพาะในโลกที่กำลังเกิดวิกฤตสภาพอากาศเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นป่าชายเลนมีความมากต่อผู้คนหลายร้อยล้านคนทั่วโลก
ทั้งป้องกันคลื่น พายุ กักเก็บคาร์บอน และทำให้ทะเลแถบบริเวณนั้นมีความอุดมสมบูรณ์ แต่ความอยู่รอดของป่าชายเลนนั้นขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมที่มีความเฉพาะเจาะจงมาก เป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องให้การปกป้องระบบนิเวศที่ละเอียดอ่อนนี้
“การทำความเข้าใจที่ดีขึ้นว่าสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปส่งผลต่อแหล่งที่อยู่อาศัยอันเป็นเอกลักษณ์นี้อย่างไร ก็จะช่วยให้เราอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลนได้ ในขณะเดียวกันก็สนับสนุนชุมชนชายฝั่งที่พึ่งพาป่าชายเลนด้วยเช่นกัน”
สืบค้นและเรียบเรียง
วิทิต บรมพิชัยชาติกุล
อ่านเพิ่มเติม : งานวิจัยใหม่พบ ปลาการ์ตูนมีขนาดตัวเล็กและสั้นลง
เพื่อเอาตัวรอดในมหาสมุทรที่อุ่นขึ้น