นักวิจัยเตือน ภัยแล้ง-โลกร้อน อาจทำให้ป่าพรุกลายเป็นระเบิดคาร์บอน

นักวิจัยเตือน ภัยแล้ง-โลกร้อน อาจทำให้ป่าพรุกลายเป็นระเบิดคาร์บอน

“ความร้อนที่เพิ่มขึ้น 4 เท่าและภัยแล้งรุนแรงอาจทำให้พื้นที่แห่งนี้

ปลดปล่อยคาร์บอนที่ป่าพรุเก็บไว้หลายหมื่นปีออกมา”

ในการศึกษาใหม่ที่เผยแพร่บนวารสาร Science เผยให้เห็นว่าภายใต้สภาวะสภาพภูมิอากาศที่จำลองขึ้นในอนาคตว่ามีอุณหภูมิและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สูงขึ้น สถานการณ์ดังกล่าวจะทำให้ป่าพรุปล่อยคาร์บอนเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า เปลี่ยนมันจากแหล่งดูดซับให้กลายเป็นแหล่งปล่อยคาร์บอนแทน

“เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น ภัยแล้งจะเกิดบ่อยและรุนแรงขึ้น ทำให้ป่าพรุเสี่ยงมากกว่าเดิม” อี้ฉี หลัว (Yiqi Luo) ผู้เขียนอาวุโส และศาสตราจารย์ลิเบอร์ตี้ ไฮด์ เบลีย์ (Hyde Bailey) ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ดินและพืชผล คณะวิทยาศาสตร์พืชผสมผสาน วิทยาลัยเกษตรศาสตร์และวิทยาศาสตร์ชีวภาพ (CALS) กล่าว

“เราเพิ่มหลักฐานใหม่เพื่อแสดงให้เห็นว่าความเสี่ยงของพื้นที่พรุนั้นสูงมาก เราพบว่าภัยแล้งรุนแรงเหล่านี้สามารถทำลายคาร์บอนที่สะสมมานานหลายร้อยปีได้ ดังนั้นมันจึงมีผลกระทบอย่างมาก” 

ป่าพรุหรือพื้นที่พรุคืออะไร?

ป่าพรุ (Peatlands) นั้นเป็นระบบนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำบนบกรูปแบบหนึ่ง โดยมีลักษณะเป็นน้ำขัง ทำให้วัสดุอย่างพืชไม่สามารถย่อยสลายได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้มีการผลิตอินทรียวัตถุมากกว่าที่จะย่อยสลายหายไป โดยสามารถพบพื้นที่เหล่านี้ได้ในทุกเขตภูมิอากาศและทุกทวีป

พื้นที่พรุเหล่านี้ครอบคลุมพื้นที่ราว 4.23 ล้านตารางกิโลเมตร ซึ่งคิดเป็นประมาณร้อยละ 2.84 ของพื้นผิวโลก ทว่ากลับสามารถกักเก็บคาร์บอนไว้ในดินได้มากกว่าร้อยละ 30 ของโลก และสามารถรักษาสภาพนั้นไว้ได้นานหลายหมื่นปี 

“พื้นที่พรุจึงเป็นระบบนิเวศที่อุดมไปด้วยคาร์บอน ซึ่งกักเก็บคาร์บอนได้มากกว่าระบบนิเวศบนบกประเภทอื่น ๆ สูงกว่าปริมาณคาร์บอนที่สะสมในระบบนิเวศป่าไม้ทั่วโลก” สมาคมป่าพรุนานาชาติ (International Peatland Society) ระบุ 

เมื่อพื้นที่พรุถูกระบายน้ำออก คาร์บอนจากอินทรีย์วัตถุที่มีอยู่ในพื้นที่จะค่อย ๆ แห้งและถูกออกซิไดซ์เป็นคาร์บอนไดออกไซด์ และสูญหายไปจากระบบอย่างถาวร 

ความเสี่ยงในโลกที่ร้อนขึ้น 

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าความร้อนที่สูงขึ้นมีแนวโน้มที่จะสร้างภัยแล้งรุนแรงมากขึ้น ซึ่งทำให้ระบบนิเวศมีประสิทธิภาพน้อยลง ในบริบทนี้ความร้อนที่เพิ่มขึ้นทำให้น้ำในป่าพรุแห้งมากขึ้น ยังไงก็ตามนี่เป็นการศึกษาแรกที่พิสูจน์ว่า ป่าพรุจะปล่อยคาร์บอนออกมามากขึ้น ‘อย่างรุนแรง’ 

ทีมวิจัยได้ใช้ข้อมูลจากการทดลองภาคสนามในป่าพรุธรรมชาติที่ตั้งอยู่ในภาตเหนือของรัฐมินนิโซตา โดยตั้งกางเต็นท์เป็นห้องทดลองกลางแจ้งกว่า 20 เมตรจำนวน 10 ห้อง เพื่อจำลองและควบคุมสภาพอุณหภูมิและระดับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 

ตั้งแต่สถานการณ์ที่คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ได้ประเมินไว้ว่าจะมีโอกาสเกิดภัยแล้งรุนแรงขึ้น 1.7 ถึง 7.2 เท่าในอนาคต ไปจนถึงภัยแล้งรุนแรงที่เคยเกิดขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม 2021 

พวกเขาพบว่า เมื่อเกิดภัยแล้ง ระดับน้ำใต้ดินจะลดลงและฟื้นตัวได้ช้าลง นั่นทำให้คาร์บอนถูกปลดปล่อยออกมามากขึ้น ไม่เพียงเท่านั้นคาร์บอนที่ออกมามากขึ้นก็ย้อนกลับไปกระตุ้นให้ป่าพรุปล่อยคาร์บอนเพิ่มมากขึ้นไปอีก 

ซึ่งตรงข้ามกับความเชื่อที่ผ่านมาคือระดับคาร์บอนไดออกไซด์ที่เพิ่มขึ้นใน ‘พื้นที่สูง’ น่าจะกระตุ้นให้เกิดการสังเคราะห์แสงและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำของพืช จนทำให้บรรเทาผลกระทบจากภัยแล้งได้บางส่วน

“งานวิจัยก่อนหน้านี้ชี้ให้เห็นว่าระดับคาร์บอนไดออกไซด์ที่สูงขึ้น มักจะทำให้เหตุการณ์รุนแรงนั้นมีผลกระทบน้อยลง แต่ผลการวิจัยของเรากลับตรงกันข้าม” หลัว กล่าว 

ทีมวิจัยคาดว่า ในป่าพรุ คาร์บอนไดออกไซด์ที่เพิ่มขึ้นเพียงอย่างเดียว โดยอุณหภูมิไม่ได้เพิ่มขึ้นนั้นสามารถเพิ่มผลผลิตของระบบนิเวศได้ แต่เมื่ออุณหภูมิที่พุ่งขึ้น 9 องศาเซลเซียส (ภัยแล้งรุนแรง) และมีระดับคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้นด้วย จะทำให้คาร์บอนถูกปล่อยออกมา ‘อย่างมาก’ 

“พื้นที่พรุเป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอนขนาดใหญ่ เมื่อเทียบกับระบบนิเวศอื่น ๆ” หลัว กล่าว “เราจำเป็นต้องหาวิธีบรรเทาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและควบคุมแนวโน้มของภาวะโลกร้อน” 

สืบค้นและเรียบเรียง

วิทิต บรมพิชัยชาติกุล

ที่มา

https://www.science.org

https://phys.org

https://peatlands.org

https://www.nature.org


อ่านเพิ่มเติม : พบยุงในไอซ์แลนด์เป็นครั้งแรก

หลังอากาศร้อนจัดเป็นประวัติการณ์

Recommend