Alien Hunter แอปพลิเคชั่นล่าปลาหมอคางดำ เพื่อปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ

Alien Hunter แอปพลิเคชั่นล่าปลาหมอคางดำ เพื่อปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ

“ไม่นานมานี้ ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ภาพฝูงลูกปลาขนาดเล็ก

ที่ในลำคลองใกล้หาดเจ้าสำราญพร้อมคำถามซื่อ ๆ ว่า”

“ปลาอะไรครับ?”

โพสต์ธรรมดา ๆ ในกลุ่ม “นี่ตัวอะไร?” ที่มักเต็มไปด้วยนักส่องสัตว์และคนชอบธรรมชาติ กลับกลายเป็นกระแสฮือฮาในชั่วข้ามคืน เมื่อมีผู้เชี่ยวชาญและคนในพื้นที่ยืนยันว่า “ปลาประหลาด” เหล่านั้นคือ ปลาหมอคางดำ (Sarotherodon melanotheron) สัตว์รุกรานต่างถิ่นจากประเทศกานา ที่เติบโตไว วางไข่ได้ถี่ และกินทุกอย่างที่ขวางหน้า ตั้งแต่ไข่ปลา ตัวอ่อนสัตว์น้ำ ไปจนถึงแพลงก์ตอนที่เป็นอาหารของสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ

ปลาหมอคางดำเป็นสัตว์รุกรานต่างถิ่นที่ขยายพันธุ์ได้รวดเร็ว และสามารถวางไข่ทุก ๆ 22 วัน ข้อมูลจากกรมประมงอธิบายว่า แม่ปลา 1 ตัว สามารถวางไข่ได้ประมาณ 150–300 ฟองต่อครั้ง (หรือสูงสุดถึง 900 ฟอง) และมีการอมไข่ไว้ในปาก (โดยปลาเพศผู้) ทำให้มีอัตราการรอดชีพสูงถึงร้อยละ 90–95

สิ่งที่น่ากังวลคือ ความสามารถในการอยู่รอดของมัน ที่อาศัยได้ทั้งในน้ำจืด น้ำกร่อย น้ำเค็ม และแม้แต่น้ำเน่า เมื่อรวมกับอัตราการขยายพันธุ์ที่สูง มันจึงกลายเป็น “เอเลี่ยนสปีชีส์” ที่ยากจะควบคุมที่สุดชนิดหนึ่งของประเทศเราในตอนนี้

ฝูงปลาหมอคางดำในลำคองใกล้หาดเจ้าสำราญ ภาพถ่ายโดย Eiji Eakatana

ปัจจุบัน ประเทศไทยมีสัตว์น้ำต่างถิ่นรุกรานที่ได้รับการขึ้นทะเบียนแล้วกว่า 30 ชนิด โดยปลาหมอคางดำถูกจัดให้เป็นหนึ่งในเอเลี่ยนสปีชีส์ ที่กระทบระบบนิเวศอย่างรุนแรงที่สุด เพราะมันสามารถแย่งพื้นที่และอาหารจากสัตว์น้ำพื้นถิ่น รวมทั้งเปลี่ยนโครงสร้างของระบบนิเวศได้ในเวลาเพียงไม่กี่ปี

ปัญญา โตกทอง เครือข่ายประชาคมคนรักษ์แม่กลอง เจ้าของฟาร์มปลาสลิด หนึ่งในชาวบ้านกลุ่มแรกที่ได้รับผลกระทบจากการรุกรานของปลาหมอคางดำตั้งแต่พ.ศ. 2555 อธิบายว่าผลกระทบของปลาชนิดนี้ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงด้านความหลากหลายทางชีวภาพ แต่ยังลุกลามไปถึงเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของผู้คน “ปลาหมอคางดำกินหมดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสัตว์น้ำในธรรมชาติหรือในฟาร์ม พอปลาในธรรมชาติหายไป ชาวประมงก็หมดรายได้ คนเลี้ยงกุ้ง เลี้ยงปลาในระบบเปิดก็เดือดร้อน”

มีการประเมินว่าความเสียหายทางเศรษฐกิจ เฉพาะพื้นที่ตำบลแพรกหนามแดง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ว่ามีมูลค่าสูงถึง 131.96 ล้านบาทต่อปี (ในขณะที่เฉพาะ จ.สมุทรสงคราม ประเมินโดยคณะทำงานคดีสิ่งแวดล้อมของสภาทนายความอยู่ที่ 2,486 ล้านบาท) โดยมูลค่านี้ยังไม่รวมความเสียหายทางสิ่งแวดล้อมในจังหวัดอื่น

ในขณะที่ผลกระทบต่อระบบนิเวศก็มีการสำรวจพบว่า ในอ่าวคุ้งกระเบน จังหวัดจันทบุรี ความหลากหลายของชนิดสัตว์น้ำลดลงร้อยละ 45 และความหนาแน่นลดลงร้อยละ 74.8 เช่นเดียวกับพื้นที่ในจังหวัดสมุทรสงคราม ที่มีข้อมูลว่า จำนวนปลาท้องถิ่นลดลงจนไม่สามารถใช้ประโยชนในทางเศรษฐกิจได้ รวมแล้ว 27 ชนิด ส่วนใหญ่เป็นปลาน้ำกร่อย เช่น ปลาจวด ปลากระบอก ปลาดอกหมาก รวมไปถึงสัตว์ทะเลอย่างเคย กุ้งแชบ๊วย และกุ้งกุลาดำด้วย

“เมื่อก่อนเราทอดแหไปตรงไหน ก็ได้ปลาเต็มเรือ แต่ตอนนี้ไม่เจอปลาอะไรเลยนอกจากปลาหมอคางดำ” ปัญญา ย้ำกับเรา “ทุกวันนี้เรา (คนในพื้นที่) ท้อมากครับ ผมเองยังพอมีที่ทางให้เปลี่ยนอาชีพ แต่บางคนพอสิ้นเนื้อประดาตัว เขาคิดสั้นฆ่าตัวตายเลยก็มี

เครือข่ายภาคประชาชน ร้วมกันแสดงจุดยืนในการปกป้องระบบนิเวศไทย ในวันเปิดตัวแอปฯ เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2568 ภาพถ่ายโดยทีมงาน Alien Hunter

เปลี่ยนโทรศัพท์ให้กลายเป็นอาวุธ ด้วยแอปพลิเคชั่น Alien Hunter

หลังจากภาพฝูงปลาหมอคางดำใกล้หาดเจ้าสำราญถูกแชร์ออกไปจนกลายเป็นไวรัล ก็มีคำถามตามมาว่า “เราจะทำอย่างไรกับปัญหานี้?” ความกังวลจากชุมชนเกี่ยวกับเอเลี่ยนสปีชีส์กำลังกลายเป็นประเด็นร้อน 

ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง ชื่อของแอปพลิเคชั่น Alien Hunter ซึ่งเปิดตัวไปก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ก็ได้ถูกหยิบยกมาพูดถึงอีกครั้งในโลกออนไลน์ หลายคนมองว่า มันอาจเป็น “เครื่องมือ” ที่จะช่วยให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการติดตามและเฝ้าระวังการระบาดของปลาชนิดนี้ได้ในระดับประเทศ

Alien Hunter เป็นแอปพลิเคชั่น ที่ถูกพัฒนาโดย Leiten พศวัต คำนุ้ย ผู้ก่อตั้งเล่าให้เราฟังว่า จุดเริ่มต้นของแอปฯ มาจากการได้พูดคุยกับทีมคณะทำงานเรื่องปลาหมอคางดำ ที่นำโดย วิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ เลขาธิการมูลนิธิชีววิถี (BIOTHAI) ที่ติดตามปัญหาสัตว์รุกรานในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง

“คุณวิฑูรย์เล่าผมให้ฟังว่า ตอนนี้ชาวบ้านในพื้นที่ฟาร์มเปิดหลายแห่งแทบหมดหนทาง และภาครัฐเองก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะลงมือจัดการกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง” 

“สำหรับผมมันไม่ใช่แค่เรื่องของความหลากหลายทางชีวภาพ แต่มันคือเรื่องของปากท้องและชีวิตของคนในพื้นที่” พศวัตบอกว่า เรื่องราวเหล่านี้ทำให้เขานึกถึงเหตุการณ์ที่ปัญญา โตกทอง เคยเล่าในทำนองเดียวกัน

ก่อนจะกล่าวอย่างหนักแน่นว่า “ผมรู้สึกว่าเราต้องทำอะไรบางอย่าง ก่อนจะสายเกินไป ผมไม่อยากให้มีใครต้องมาจบชีวิตเพราะปลาหมอคางดำอีก” 

Alien Hunter เป็นแพลตฟอร์มบันทึกข้อมูลที่ใช้หลักวิทยาศาสตร์พลเมือง (Citizen Science) ให้ประชาชนร่วมกันเก็บข้อมูล โดยอาศัยหลักการของระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (Geographic Information System) หรือ GIS  และการเก็บ metadata จากผู้ใช้ แบบเดียวกับระบบติดตามปัญหาในเมืองอย่างแอปพลิเคชั่น Traffy Fondue  ของกรุงเทพมหานคร แต่ถูกออกแบบมาเพื่อ “สิ่งแวดล้อม” โดยเฉพาะ 

ด้วยการต่อยอดจากฐานข้อมูลและแหล่งข้อมูลที่มีอยู่เดิม เช่น ข้อมูลจากชุมชนผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์มอย่าง iNaturalist และชุดข้อมูลจาก ThaiPBS C-Site ที่กระจัดกระจายอยู่ตามแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทีมงานได้นำข้อมูลเหล่านี้มารวมกัน เพื่อสร้างฐานข้อมูลใหม่ที่เป็นศูนย์กลาง

พศวัต อธิบายว่า ทีมต้องใช้เวลาในการบูรณาการข้อมูล อยู่ระยะนึง เพื่อให้ข้อมูลจากแต่ละแหล่งเข้ากันได้ เพราะ “ข้อมูลที่มีไม่ได้อยู่ในที่เดียวกัน” นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ข้อมูลจากภาครัฐ นักวิจัย และประชาชนถูกเชื่อมโยงกันในแพลตฟอร์มเดียว

ผลลัพธ์ที่ได้คือแพลตฟอร์มบูรณาการที่รวบรวมข้อมูลจากทุกภาคส่วน ทำให้ภาพการระบาดที่ได้มีความสมบูรณ์และแม่นยำยิ่งขึ้น และช่วยลดช่องว่างของข้อมูลที่เคยเป็นอุปสรรคต่อการตอบสนองที่รวดเร็วด้วยหลักการทำงานที่ไม่ซับซ้อน

เมื่อผู้ใช้ถ่ายภาพปลาหมอคางดำและอัปโหลดเข้าสู่ระบบ

  • แอปฯ จะอ่านข้อมูล Metadata ของภาพ เช่น พิกัดละติจูด–ลองจิจูด และเวลาที่ถ่าย
  • ระบบจะบันทึกข้อมูลเหล่านี้เข้าสู่ฐานข้อมูลกลางแบบอัตโนมัติ
  • จากนั้นข้อมูลจะถูกนำไปวิเคราะห์และจัดทำเป็นแผนที่จุดพบ (Heat Map) เพื่อแสดงการกระจายตัวของปลาหมอคางดำในแต่ละพื้นที่
ข้อมูลโดยทีมงาน Alien Hunter

จากข้อมูลสู่แนวทางการจัดการเชิงยุทธศาสตร์

“หากไม่มีคนใช้แอปพลิเคชัน ก็ไม่มีความหมาย” พศวัตกล่าวอย่างตรงไปตรงมา สิ่งที่เขาและทีมต้องการจึงไม่ใช่แค่ยอดจำนวนผู้ดาวโหลด แต่คือการสร้างขบวนการภาคพลเมือง ที่ช่วยกันอัพโหลดภาพและเก็บข้อมูลจริงจากพื้นที่ ผ่านการประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางต่าง ๆ โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ เพื่อให้เสียงของปัญหานี้ถูกสะท้อนต่อ

อย่างไรก็ตาม เขายอมรับว่าการพัฒนาตัวแอปฯ ยังมีความท้าทายอีกหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น การจำแนกปลาผิดชนิด หรือการรายงานซ้ำจากจุดเดิม ทีมจึงต้องพยายามพัฒนาเครื่องมือกรองข้อมูลอัตโนมัติ และร่วมมือกับนักวิชาการเพื่อช่วยตรวจสอบตัวอย่างที่มีความคลาดเคลื่อน

“การมีฐานข้อมูลกลางที่เชื่อถือได้ไม่ได้หมายความว่างานจบ แต่เป็นก้าวสำคัญที่จะนำไปสู่การปฏิบัติการในสนามได้อย่างมีประสิทธิผล” พศวัตกล่าวกับเรา

ขณะเดียวกัน ดร.ชวลิต วิทยานนท์ นักวิชาการอิสระด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ได้ให้มุมมองเชิงยุทธศาสตร์ในการจัดการปลาหมอคางดำว่า การควบคุมการระบาดต้องทำในลักษณะ “ล้อมตี” คือหยุดศูนย์กลางการระบาดให้เร็วที่สุดโดยใช้เครื่องมือประมงที่มีอยู่ทั้งหมดในพื้นที่ศูนย์กลางนั้น เพื่อกำจัดปลาหมอคางดำออกจากธรรมชาติให้ได้มากที่สุด  ในขณะเดียวกันต้องใช้วิธีปล่อยหรือสนับสนุนการมีอยู่ของปลานักล่าในพื้นที่รอบนอก เพื่อช่วยตัดวงจรการแพร่กระจายในพื้นที่ที่อุปกรณ์ประมงเข้าถึงยาก

การล้อมตีนี้ไม่ได้หมายความว่า จะใช้ทุกวิธีการอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า แต่ต้องมีการวางแผนและข้อมูลนำทางที่ดี ซึ่งดร.ชวลิต เชื่อมั่นว่าข้อมูลจากแอปพลิเคชั่น Alien Hunter ที่เก็บข้อมูลจากคนในพื้นที่ ที่อยู่ในเหตุการณ์และประสบปัญหาโดยตรง จะเป็นข้อมูลนำทางชั้นดี ที่จะช่วยระบุจุดศูนย์กลางของการระบาด ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุ่มเททรัพยากรในการควบคุมอย่างตรงจุดมากขึ้น 

ปลาหมอคางดำ ที่ทีมงาน Alien Hunter จับได้จากคลองเปรมประชากร ข้างทำเนียบรัฐบาล ในวันเปิดตัวแอปฯ เมื่อวันที่ 22 ตุบาคม พ.ศ. 2568 ภาพถ่ายโดยทีมงาน Alien Hunter

ฐานข้อมูลกลางเพื่ออนาคตของธรรมชาติไทย

ตลอดการคุยกัน พศวัตย้ำเสมอว่าสิ่งที่ Alien Hunter พยายามสร้าง ไม่ใช่เพียงการชี้จุดและเฝ้าระวังปลาหมอคางดำเท่านั้น แต่คือ “ต้นแบบของระบบข้อมูลสิ่งแวดล้อมแบบเปิด” (open data) ที่ทุกภาคส่วนสามารถเข้าถึงได้ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานรัฐ นักวิทยาศาสตร์ หรือประชาชนในพื้นที่

เขาฝันอยากเห็นแอปพลิเคชันนี้กลายเป็น “ศูนย์กลางข้อมูลเรื่องปลาหมอคางดำ” ที่เปิดเผยความเคลื่อนไหวของทั้งการระบาดและการจัดการโดยภาครัฐ เหมือนระบบติดตาม Ticket ใน Traffy Fondue ที่เปิยเผยอย่างตรงไปตรงมาว่า ในแต่ละวันมีเคสแจ้งเข้ามาเท่าไหร่ และแต่ละเคสอยู่ในขั้นตอนใดแล้วบ้าง

พศวัตยังเล่าต่อว่าเขาและทีมกำลังวางแผนต่อยอดเพื่อเพิ่ม “น้ำหนักเชิงวิทยาศาสตร์” ให้กับฐานข้อมูลชุดนี้ในอนาคต โดยมีสองแนวทางหลักที่กำลังพัฒนาอยู่

แนวทางแรกคือ การใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยวิเคราะห์ภาพถ่ายที่ผู้ใช้ส่งเข้ามา เพื่อช่วยตรวจสอบชนิดของสิ่งมีชีวิตให้แม่นยำขึ้น ทำให้การระบาดถูกจับตาได้แบบเรียลไทม์

แนวทางที่สองคือ การบูรณาการข้อมูลทางพันธุกรรมจากเทคนิค eDNA (environmental DNA) เพื่อใช้ตรวจสอบการมีอยู่ของปลาหมอคางดำในพื้นที่ที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าหรือจับขึ้นมาได้ วิธีนี้จะช่วยยืนยันหลักฐานการมีอยู่ของชนิดพันธุ์ในแหล่งน้ำจากตัวอย่างสิ่งแวดล้อม เช่น ตะกอนหรือหยดน้ำ เป็นการเพิ่มหลักฐานอีกชั้นที่ช่วยให้ข้อมูลทั้งหมดมีความเป็นกลางและตรวจสอบได้มากขึ้น

“เราต้องการให้ข้อมูลของเราเป็นกลางมากที่สุด เพื่อให้หน่วยงานรัฐสามารถนำไปใช้ในเชิงนโยบายได้อย่างมั่นใจ” พศวัตกล่าว

ก่อนจะทิ้งท้ายว่าหากทำสำเร็จ ฐานข้อมูลของ Alien Hunter จะกลายเป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ ที่มีความหลากหลาย และสามารถนำไปใช้เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ชิ้นสำคัญชิ้นหนึ่งที่มีน้ำหนักเพียงพอ สำหรับการผลักดันนโยบายระดับประเทศ ทั้งในแง่การจัดการสัตว์ต่างถิ่นรุกรานและการออกแบบระบบข้อมูลสิ่งแวดล้อมแบบเปิดที่มีประสิทธิภาพได้อย่างแน่นอนในอนาคต 

แผนที่แสดงจุดที่พบปลาหมอคางดำ ที่แสดวผลแบบเรียลไทม์ ในแอปฯ Alien Hunter ภาพถ่ายโดยทีมงาน Alien Hunter

ดาวน์โหลดและร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการปกป้องธรรมชาติไทย

แอปพลิเคชัน Alien Hunter ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้ทาง https://alienhunter.app (ระบบ Android) สำหรับเวอร์ชันสำหรับ App Store (iOS) อยู่ระหว่างการพัฒนา และคาดว่าจะเปิดให้ดาวน์โหลดในเร็ว ๆ นี้ 

เรื่อง อรณิชา เปลี่ยนภักดี
ภาพถ่ายโดย Alien Hunter Thailand


อ่านเพิ่มเติม : “อีกัวน่าเขียว” เขาพระยาเดินธง ลพบุรี

ชนิดพันธุ์ต่างถิ่นซึ่งยึดครองพื้นที่มานานกว่า 2 ทศวรรษ

Recommend