รูปถ่ายที่ผู้อพยพชาวซีเรียพกติดตัว
ในค่ายผู้ลี้ภัยทั่วกรีซ มูเฮเซน หัวหน้าช่างภาพของสำนักข่าวเอพี ประจำภูมิภาคตะวันออกกลาง ขอชาวซีเรียดูภาพถ่ายที่พวกเขาติดตัวมาด้วยในการเดินทางนับพันไมล์ ภาพถ่ายเหล่านี้ถ้าไม่ซุกอยู่ในกระเป๋าสตางค์ ก็ห่อไว้ในถุงพลาสติก มีทั้งภาพถ่ายติดบัตร ภาพบุคคลที่ตัดให้มีขนาดเล็กเพื่อพกพาได้ ภาพถ่ายเหล่านี้แสดงงานแต่งงาน การพักร้อนของครอบครัวและเด็กๆ ซึ่งตอนนี้กระจัดกระจายอยู่ทั่วยุโรป
คุณพ่อวัย 55 ปีคนหนึ่งจากเมืองอะเลปโปถือภาพถ่ายของลูกสาวทั้งสองคนของเขา หนึ่งในนั้นตอนนี้ถูกฝังอยู่ในซีเรีย “ผมบอกได้จากวิธีที่เขาถือภาพนั้นว่า เขากำลังสัมผัสผิวของลูกสาว” มูเฮเซนเล่า ผู้ลี้ภัยอีกคนจากเมืองอะเลปโป ชื่อ รัสตัม อับดุลเลาะห์มาน บอกว่า เขาตัดรูปภรรยา “ให้เล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น มันจะไม่ได้รับความเสียหาย และผมจะไม่มีวันเสียมันไป”
มูเฮเซนตั้งใจบันทึกภาพสิ่งของที่ชาวซีเรียนำติดตัวมาจากบ้าน แต่น้อยคนจะมีสมบัติติดตัวมาด้วยมากมาย “เกือบทุกคนที่ผมพบมีภาพถ่ายติดตัวมาด้วย” เขาเล่า ก่อนขอดูภาพถ่ายเหล่านั้น มูเฮเซนจะดื่มชาและฟังเรื่องราวจากเจ้าของภาพถ่าย ภาพถ่ายเหล่านี้แทบจะอยู่ในสถานะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และการได้ดูมันก็เรียกทั้งเสียงหัวเราะและน้ำตาจากความทรงจำถึงชีวิตในวันคืนเก่าๆ “ภาพถ่ายเป็นเหมือนช่วงเวลาจากอดีตที่จับต้องได้เพียงอย่างเดียวที่เรานำพามาสู่ปัจจุบัน”
สำหรับชาวซีเรียในค่ายผู้ลี้ภัยทางเหนือของกรุงเอเธนส์ ทางเลือกมีน้อยมาก พวกเขาต้องต่อสู้กับความหนาวเย็นในตู้คอนเทนเนอร์ที่ติดตั้งเตียงสองชั้น และเครื่องทำความร้อนที่มักละลายเพราะใช้งานหนักเกินไป หลายคนรอคำตอบจากการขอสถานะผู้ลี้ภัย พวกเขาไม่สามารถเดินทางเข้าสู่ยุโรปตะวันตกได้ หลังจากพรมแดนบนเส้นทางจากกรีซถูกปิดในปี 2015 เนื่องจากไม่มีกิจกรรมอะไรให้ทำ ผู้ลี้ภัยในค่ายเหล่านี้จึงมักฆ่าเวลาด้วยการทักทายเพื่อนบ้าน และแบ่งปันความทรงจำ
สำหรับมูเฮเซนซึ่งยังคงเดินหน้าบันทึกภาพการเดินทางของผู้ลี้ภัย เรื่องราวของพวกเขาไม่ได้จบลงที่ค่ายผู้ลัยในยุโรป“ผู้คนเหล่านี้ไม่ใช่เป็นแค่ตัวเลขหรือชาวซีเรีย หรือผู้ลี้ภัย” เขากล่าว “พวกเขามีชื่อเสียงเรียงนามและเรื่องราว พวกเขาเคยมีบ้าน เคยมีชีวิต แต่ตอนนี้พวกเขากลับถูกเรียกแบบเหมารวมว่า ผู้อพยพ”
เรื่อง นีนา สตรอคลิก
ภาพถ่าย มุฮัมมัด มูเฮเซน