การเดินทางของสายน้ำและดวงดาว บทสรุปเวทีเล่าเรื่องแบบ National Geographic ใน Sustainability Expo 2025

การเดินทางของสายน้ำและดวงดาว บทสรุปเวทีเล่าเรื่องแบบ National Geographic ใน Sustainability Expo 2025

จากความทรงจำและในสายน้ำ จนถึงการเดินทางของดวงดาวในยามค่ำคืน ถอดเรื่องราวการเล่าเรื่องของ National Geographic ใน Follow the water & Our celestial journey รวมบทสรุปเสวนาประจำปีใน Sustainability Expo 2025

นับตั้งแต่ การปรากฏตัวของ Anand Varma  ช่างภาพมือรางวัล และนักสำรวจของ National Geographic ในงาน SUSTAINABILITY EXPO เมื่อ 2 ปีก่อน ผู้คนก็มักจะเฝ้าถามในทุกๆครั้งว่า แล้วปีนี้หัวข้อการสนทนาของ National Geographic ในงาน SUSTAINABILITY EXPO คืออะไร?

นี่คืองานมหกรรมความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดและเนื้อหาของ Session นี่ไม่ใช่เพียงแค่การเอานักสำรวจระดับโลกตัวจริงเสียงจริงมาในประเทศไทยเพื่อเชื่อมโยงธรรมชาติที่พวกเขาค้นพบกับความยั่งยืนเท่านั้น แต่ทุกหัวข้อที่ถูกคัดสรรในแต่ละปี ล้วนอธิบายถึงความก้าวหน้าของวงการการเล่าเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีการถ่ายภาพ การสำรวจประเด็นใหม่ๆในแต่ละพื้นที่ของโลก ทั้งยังรวมถึงการผสมผสานวิธีการเล่าเรื่อง เพื่อให้เรื่องราวเหล่านั้นอยู่ในความทรงจำและกลายเป็นผลกระทบสำคัญในการสร้างความเปลี่ยนแปลง

ใน Sustainability Expo 2025 ทีมของ National Geographic ตั้งชื่อหัวข้อประจำปีนี้ว่า Follow the water & Our celestial journey ซึ่งแปลเป็นไทยแบบง่ายๆว่าคือ การเดินทางของสายน้ำและดวงดาว โดยเสวนานี้แบ่งออกเป็น 2 ช่วงใหญ่ๆ เริ่มจากช่วงแรกนั่นคือการถ่ายถอดประสบการณ์ของทีม  Follow the water ซึ่งประกอบไปด้วยนักสำรวจของ National Geographic ได้แก่ Pablo Albarenga, Gab Mejia, Sirachai Arunrugstichai และ Huiying Ore  โดยมี Nicola Sebastian นักเขียนและนักสำรวจชาวฟิลิปปินส์ รวมถึง  Melati Wijsen นักรณรงค์และสร้างความเปลี่ยนแปลงทำหน้าที่ผู้ซักถาม

ทีม  Follow the water ซึ่งประกอบไปด้วยนักสำรวจของ National Geographic ได้แก่ Pablo Albarenga, Gab Mejia, Sirachai Arunrugstichai และ Huiying Ore

Follow the water เล่าเรื่องถึง “สายน้ำ” ที่ไม่ใช่แค่แม่น้ำหรือมหาสมุทรที่ส่งผลกระทบต่อผู้คนทั้งโลกเท่านั้น แต่แม่น้ำในความหมายนี้คือหัวใจของระบบนิเวศ และเป็นจุดเชื่อมโยงสำคัญระหว่างผู้คนกับสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างจากแม่น้ำโขง ในทวีปเอเชีย หรือลุ่มน้ำอแมซอน ในทวีปอเมริกาใต้ ที่เป็นทั้งต้นกำเนิดวัฒนธรรม ทรัพยากรธรรมชาติ แหล่งอาหาร และเป็นจุดเชื่อมโยงของหลายชีวิตที่มีแม่น้ำเป็นเส้นเลือดใหญ่และล่อเลี้ยงชีวิตเหล่านี้ให้เติบโตขึ้นมา

Follow the water ในมุมมองของนักสำรวจ จึงเป็นการตีความสายน้ำในแต่ละการเดินทางที่ตัวเองได้พบเจอ เช่น ในหัวข้อ Guardians of the Marsh ซึ่งถ่ายทอดโดย Gab Meija โดยเขาเล่าถึง บึงอะกูซาน (Agusan Marsh) ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอะกุซาน มาร์ช ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญทางนิเวศวิทยามากที่สุดแห่งหนึ่งในฟิลิปปินส์ มีชุมชนท้องถิ่นที่อาศัยในพื้นที่แห่งนี้นับร้อยปี หรือเรื่อง Mekong, Mother of rivers ซึ่งถ่ายทอดโดย Huiying Ore ช่างภาพหญิงชาวสิงคโปร์ ที่นำเสนอมุมมองแม่น้ำโขง ที่เปรียบเสมือนต้นกำเนิดของแม่น้ำก่อกำเนิดอารยธรรมริมฝั่งแม่น้ำเป็นจุดเชื่อมต่อทางการค้าระหว่างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และจีนในยุคแรก และเป็นเวลาหลายพันปีหลังจากนั้น ที่แม่น้ำโขงทำหน้าที่เป็นจุดเชื่อมต่อที่สำคัญสำหรับผู้คน วัฒนธรรม และสินค้า เชื่อมโยงชุมชนต่างๆ ในภูมิภาค ปัจจุบัน แม่น้ำโขงเป็นจุดเชื่อมต่อที่สำคัญทั้งในเส้นทางการค้าระหว่างประเทศและเส้นทางการค้าที่ไม่เป็นทางการ เชื่อมโยงประเทศสมาชิกทั้ง 6 ประเทศในลุ่มแม่น้ำโขงเข้าด้วยกันและเชื่อมโยงไปยังส่วนอื่นๆ ของโลก

Gab Meija กับเรื่องเล่าของเขาจากการเดินทางไปกับสายน้ำ
Pablo Albarenga นักสำรวจและช่างภาพชาวบราซิล

บันทึกของความทรงจำแห่งสายน้ำ

Gab Mejia นักสำรวจของ National Geographic เด็กหนุ่มที่เกิดและเติบโตในหมู่เกาะประเทศฟิลิปปินส์ กล่าวตอนหนึ่งว่า สายน้ำของเขาไม่ใช่แค่กายภาพ แต่เป็นจุดเริ่มต้นของชีวิต วัฒนธรรม แม้กระทั่งความแตกต่าง ความคิดความเชื่อ ก็เริ่มขึ้นที่นั่น เช่นนี้การลงไปศึกษาและนำมาสื่อสารเรื่องราว ทำให้สิ่งที่เป็นอยู่มันกว้างมากขึ้น และกลายเป็นเสียงสะท้อนจากผู้คนที่เชื่อมโยงกับสายน้ำที่ทำให้ผู้คนในวงกว้างได้รับรู้

คล้ายกับที่ Pablo Albarenga ช่างภาพและนำสำรวจชาวบราซิล ที่ย้ำว่า ภาพถ่ายของสายน้ำไม่ใช่เพียงแต่การบันทึกความทรงจำ แต่สำหรับเขามันเป็นการชุบชีวิตอดีต ทั้งผู้คน สถานที่ ให้กลับไปในพื้นที่ที่ตัวเองมีความทรงจำร่วมกันอีกครั้ง

ขณะที่ ชิน–ศิรชัย อรุณรักษ์ติชัย ช่างภาพชาวไทย ได้ให้มุมมองเพิ่มเติมว่า ในฐานะผู้ที่ทำหน้าที่ทั้งนักวิทยาศาสตร์และช่างภาพ การบันทึกภาพแห่งสายน้ำ ไม่ใช่เป็นเพียงสัญลักษณ์ของความประทับใจ แต่ยังสะท้อนความเป็นไปของระบบนิเวศวิทยาปัจจุบัน เช่น เป็นการบันทึกจำนวนประชากรสัตว์น้ำ สายพันธุ์ และความเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติที่นำมาสู่การตั้งคำถามของคนในสังคม รวมถึงการกำหนดนโยบายจากภาครัฐ ทั้งนี้ผลงาน Follow the water นั้นได้ถูกตีพิมพ์ลงในสมุดภาพในชื่อเดียวกัน โดยการคัดเลือกโดยกลุ่ม Emerging Island ศิลปินและนักสื่อสารชาวฟิลิปปินส์

การมาของ Kaitlin Yarnall ย้ำความสำคัญของ SX 2025

ถึงตรงนี้ นี่คือครึ่งทางของเสวนาในปีนี้ และก่อนจะถึงการเดินทางของดวงดาว เป็นช่วงสั้นๆที่งาน SX2025 ได้ให้การต้อนรับ Kaitlin Yarnall (เคทลิน ยาร์แนล) Chief Storytelling Officer ของ National Geographic ที่เดินทางมาถึงศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

ย้อนไปเมื่อ 2 ปีก่อน งาน Sustainability Expo เคยได้รับการบรรยายจาก Kaitlin Yarnall ผู้บริหารที่ดูแลภาพรวมด้านการเล่าเรื่อง อันเป็นหัวใจสำคัญของ National Geographic Society ในทุกแพลตฟอร์มมาแล้วผ่านช่องทางออนไลน์ แต่ในปีนี้ถือปรากฏตัวจริงๆ และย้ำถึงงานของ National Geographic ซึ่งทำหน้าที่สำรวจโลกในมุมต่างๆ โดยการนำเสนอให้น่าสนใจนั่นเพราะท่ามกลางสิ่งดึงดูดมากมายในโลกปัจจุบัน ทว่าเรื่องที่ดีก็จะยังมีพื้นที่ และมากกว่านั้นเรื่องที่ดีทำให้สมองของมนุษย์จดจำและเรียบเรียงความคิดได้ง่ายขึ้น ซึ่งทำให้องค์ประกอบของเรื่อง ครบถ้วนและตราตรึงมากยิ่งขึ้น

“พวกเราต่างอยู่ในโลกที่มีสิ่งจูงใจเยอะ ซึ่งการจะดึงดูดความสนใจได้ก็ต้องทำให้พวกเขาหันมาชมเรื่องราวที่เรานำเสนอ คนดูจะหลงรัก และเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม”

Our Celestial Journey

ทันทีที่ที่ Kaitlin Yarnall ก็มาถึงในช่วงที่สองของการเสวนาที่มีชื่อเรื่องว่า Our Celestial Journey โดย บาบัค ทาเฟรซี (Babak Tafreshi) นักสื่อสารวิทยาศาสตร์ ช่างภาพ และ National Geographic Explorer ชื่อของเขายังถูกนำไปตั้งเป็นชื่อของดาวเคราะห์น้อยหมายเลข 276163 เพื่อเป็นเกียรติในฐานะผู้ใช้ภาพถ่ายสื่อสารเรื่องดาราศาสตร์สู่สาธารณะ

ครั้งนี้บาบัคชวนผู้ฟังเงยหน้ามองท้องฟ้าอีกครั้ง แต่ไม่ใช่เพื่อค้นหาดวงดาวเพียงดวงใดดวงหนึ่ง แต่เพื่อทบทวนความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับจักรวาล ผ่านเรื่องราวของท้องฟ้าและดวงดาวในยามค่ำคืน

เขาเล่าถึงความเชื่อมโยง งานในฐานะ“ช่างภาพดาราศาสตร์” ที่ไม่จำกัดอยู่แค่ภาพของดวงดาวเท่านั้น แต่สำหรับเขา “วัตถุบนท้องฟ้า” หมายถึงทุกสิ่งที่ปรากฏอยู่เหนือศีรษะเรา  ทั้งดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ก้อนเมฆ เส้นขอบของภูเขาไฟที่กำลังปะทุ หรือแม้กระทั่งฝูงนกที่กำลังบินผ่านแสงแรกของรุ่งอรุณ ภาพเหล่านี้คือบทสนทนาระหว่างโลกและฟ้า ที่บาบัคบันทึกไว้ด้วยสายตาของนักสื่อสารวิทยาศาสตร์และศิลปิน

ในบรรดาวัตถุทั้งหมดบนท้องฟ้า บาบัคเล่าว่า ดวงจันทร์คือสิ่งที่เขาผูกพันมากที่สุด ความผูกพันนี้ต้องเล่าย้อนกลับไปถึงคืนหนึ่งในกรุงเตหะราน เมื่อเขายังเป็นเด็กชายที่มองดวงจันทร์ผ่านกล้องโทรทรรศน์ แสงสีเงินนั้นที่เขาเห็นในคืนนั้นคือแรงบันดาลใจแรก ที่ทำให้เขาหลงใหลในการถ่ายภาพท้องฟ้า และค่อย ๆ หล่อหลอมให้เขาเติบโตมาเป็นช่างภาพผู้เดินทางทั่วโลกเพื่อตามหาความงามของจักรวาล

Celestial Orchestra

หนึ่งในผลงานที่บาบัคนำมาแบ่งปันในงาน คือโปรเจกต์ Celestial Orchestra ผลงานสื่อผสมที่นำผลงานภาพถ่ายทางดาราศาสตร์ของเขามาผสานเข้ากับบทเพลงออร์เคสตรา ซึ่งเขาสร้างขึ้นเป็นพิเศษเพื่องาน Sustainability Expo 2025

การผสมผสานระหว่างภาพและเสียงนี้ไม่ได้มีไว้เพียงเพื่อความงามทางศิลปะเพียงอย่างเดียว หากยังออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์แบบ immersive ให้ผู้ชมได้ “สัมผัส” ท้องฟ้าในอีกมิติหนึ่ง

“ทุกภาพถ่ายของเขาคือภาพสารคดี ที่ไม่มีการตกแต่งหรือลบส่วนใดออกไป เพราะสิ่งที่เขาต้องการสื่อคือ “ความจริง” ของท้องฟ้าในขณะนั้น การผสมผสานเสียงดนตรีใน Celestial Orchestra จึงไม่ใช่การเติมแต่ง แต่คือการขยายขอบเขตของการรับรู้เปิดพื้นที่ให้ผู้ชมได้สัมผัสท้องฟ้าในมิติที่ลึกขึ้น ทั้งทางสายตาและความรู้สึก โดยเฉพาะภาพที่ดูเป็นนามธรรมอย่างกาแล็กซีหรือเนบิวลา ซึ่งเปล่งพลังของความงามออกมาโดยไม่ต้องการคำอธิบายใด ๆ”

ความงามของความมืดมิด

ในช่วงท้ายของการเสวนาบาบัคยังเล่าถึง “ความงามของความมืดมิด” ที่เขาได้สัมผัสในทะเลทรายซาฮารา ประเทศไนจีเรีย ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านที่ใกล้ที่สุดกว่า 300 กิโลเมตร ที่นั่นไม่มีแม้แต่แสงไฟจากกิจกรรมของมนุษย์ มีเพียงท้องฟ้ากว้างใหญ่และเสียงของลม เขาบอกว่านั่นคือ “ท้องฟ้าที่สวยงามที่สุดเท่าที่เคยเห็น” ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดาวล้านดวง ที่ส่องแสงด้วยความสงบอันบริสุทธิ์

ประสบการณ์นั้นทำให้เขาเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า “ความมืด” ไม่ใช่สิ่งน่ากลัว หากคือเงื่อนไขแห่งความงาม เพราะศัตรูที่ใหญ่ที่สุดของการถ่ายภาพท้องฟ้าไม่ใช่เทคโนโลยีหรือสภาพอากาศ  แต่คือ “มลพิษทางแสง” ที่บดบังดวงดาวและลบเลือนความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับจักรวาลออกไป

(ตรงกลาง)  Kaitlin Yarnall (เคทลิน ยาร์แนล) Chief Storytelling Officer ของ National Geographic ,ฐาปน สิริวัฒนภักดี  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และคุณเจรมัย พิทักษ์วงษ์ รองกรรมการผู้อํานวยการใหญ่ ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จํากัด (มหาชน)

ในความมืด ดวงดาวจะเผยสีสันที่ซ่อนอยู่ สีแดงของเนบิวลา หรือแถบสีฟ้าอมเขียวของทางช้างเผือกเป็นสีที่ดวงตามนุษย์ไม่อาจมองเห็นได้ แต่กล้องสามารถบันทึกได้ การได้บันทึกภาพเหล่านั้นไม่เพียงทำให้เราเห็นท้องฟ้าในมิติใหม่ หากยังเตือนเราว่า บางครั้งสิ่งที่งดงามที่สุดในจักรวาล ก็ไม่ได้อยู่ในจุดที่สว่างไสวที่สุดเสมอไป

กองบรรณาธิการ National Geographic ฉบับภาษาไทย


อ่านเพิ่มเติม : ถอดรหัส Immersive Storytelling ผ่านเสวนา ‘Ways We Are Following the Water’” เทคโนโลยีช่วยเล่าเรื่องโลกที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างไร?

Recommend