ทำไมผู้ป่วย ฝีดาษลิง ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งที่ระบาดได้ยากกว่าโควิด-19

ทำไมผู้ป่วย ฝีดาษลิง ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งที่ระบาดได้ยากกว่าโควิด-19

ทำไมผู้ป่วย ฝีดาษลิง ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งที่แพร่ระบาดได้ยากกว่าโควิด-19

ไวรัส ฝีดาษลิง นั้นต่างจากไวรัสโควิด-19 ตรงที่มันต้องการการสัมผัสโดยตรงกับสะเก็ด, ของเหลวในร่างกาย หรือผ้าปูที่นอนของผู้ติดเชื้อ และไม่แพร่กระจายผ่านทางอากาศ สิ่งเหล่านี้น่าจะทำให้หน่วยงานตวบคุมโรคในสหรัฐอเมริกาจัดการมันได้ง่าย แต่ผู้ป่วยก็ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในทุกรัฐยกเว้นเพียงมอนแทนาและไวโอมิง ซึ่งรวมกันแล้วมีจำนวนกว่า 7,500 ราย ขณะที่ทั่วโลกเพิ่มขึ้นเกือบ 28,000 รายในกว่า 80 ประเทศ และในไทยล่าสุดเพิ่มเป็น 4 รายแล้ว

“เมื่อคุณมีโรคติดเชื้อที่แพร่กระจายผ่านการติดต่อสัมผัสและปรากฏในชุมชนที่มันแพร่กระจายผ่านสังคมและทางเพศ (เน้นย้ำว่าไวรัสสามารถแพร่กระจายได้ทุกเพศทุกวัยที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยติดเชื้อ มิใช่เพศใดหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง) รวมทั้งเครื่องมือหลักในการป้องกันการแพร่ระบาด (อย่างวัคซีน) ก็หาไม่ได้ง่ายๆ จึงไม่น่าแปลกใจกับสถานการณ์ที่เราเห็นอยู่ในขณะนี้” วาฟา เอล-ซาร์ด (Wafaa El-Sadr) แพทย์โรคติดเชื้อและนักระบาดวิทยาจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบียกล่าว

ปัจจัยสนับสนุนอื่นๆ ได้แก่ การขาดการสนับสนุนทางการเงินสำหรับผู้ที่มีรายได้น้อยที่ต้องกักตัวเป็นเวลา 21 วัน นั่นเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นผู้อพยพที่ไม่มีเอกสาร เสริมด้วยคนข้ามเพศที่อาจประสบปัญหาในการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพ นอกจากนี้ยังเป็นไปได้ว่ามีกรณีที่ผู้ติดเชื้อไม่มีอาการหรืออาการไม่รุนแรงจนไม่มีสังเกตเห็น 

“เราเห็นกรณีที่มีแนวโน้มว่าจะมีอาการแบบคลาสสิก (อาการปกติที่สังเกตได้) แต่ผมสงสัยว่าอาจมีอีกหลายกรณีที่อาจไม่รุนแรงและผู้ป่วยดีขึ้นเองหรือกรณีที่ได้รับการวินิจฉัยผิดพลาด” เอล-ซาร์ดกล่าว “ผมกลัวว่าสิ่งที่เรานับ (จำนวนผู้ป่วยที่เห็น) นั้นน่าจะเป็นส่วนปลายของภูเขาน้ำแข็ง”

ขณะที่การตอบสนองของรัฐบาลกลาง (สหรัฐฯ) เป็นไปอย่างช้าๆ วัคซีนก็มีไม่เพียงพอต่อความต้องการเช่นกัน วัคซีนสองตัวเพิ่งได้รับการอนุมัติแต่ก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับความต้องการในกลุ่มแม้แต่เฉพาะกับกลุ่มประชาชนที่มีสิทธิ์เข้าถึง “มีแถวที่ยาวออกไปหลายช่วงตึกเมื่อเปิดการฉีดวัคซีน” ซูซาน ฟิลิป(Susan Phillip) เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของเมืองซานฟรานซิสโกกล่าว เช่นเดียวกับแอนน์ ริมอยน์ (Anne Rimoin) นักระบาดวิทยาโรคติดเชื้อจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียที่กล่าวว่า “ไวรัสกำลังใช้ประโยชน์จากรันเวย์ที่ได้รับ และฉันคิดว่าเราจะยังพบผู้ติดเชื้ออีกมากมาย”

จนถึงปัจจุบัน ประสิทธิภาพของวัคซีน Jynneos (หนึ่งในสองตัวที่ได้รับอนุมัติให้ใช้งาน) และยาต้านไวรัส Tpoxx นั้นได้รับการทดสอบอย่างเป็นทางการในสัตว์เท่านั้น เนื่องจากยังผิดจรรยาบรรณที่จะทดลองในมนุษย์ อย่างไรก็ตามสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐฯ ต้องการเพิ่มปริมาณวัคซีนให้มากที่สุดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดให้ดีที่สุด 

“เรามีรายการคำถามที่ไม่รู้จบ และนี่คือช่วงเวลาที่ต้องระดมเงินทุนวิจัยเพื่อตอบึคำถามเหล่านี้โดยเร็วที่สุด” เอล-ซาร์ดกล่าว

สืบค้นและเรียบเรียง วิทิต บรมพิชัยชาติกุล

ที่มา

https://www.nationalgeographic.com/magazine/article/why-monkeypox-cases-are-still-rising-at-such-an-alarming-rate

Recommend