เปิดไทม์ไลน์ 76 ปีแห่งการสืบสวน ยูเอฟโอ (UFO)-โลกเคยพบมนุษย์ต่างดาวหรือไม่

เปิดไทม์ไลน์ 76 ปีแห่งการสืบสวน ยูเอฟโอ (UFO)-โลกเคยพบมนุษย์ต่างดาวหรือไม่

ยูเอฟโอ (Unidentified flying objects – UFO) หรือวัตถุบินลึกลับที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้กลับมามีกระแสอีกครั้ง หลังมีผู้แจ้งเบาะแสว่าสหรัฐอเมริกาได้ค้นพบซากยานเอเลี่ยน

แม้ว่ากระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หรือเพนตากอนปฏิเสธรายงานดังกล่าว แต่สภาคองเกรสหรือรัฐสภาสหรัฐฯ ยังคงจับตามองเรื่องนี้ต่อไป กระทั่งในเดือนมิถุนายน คณะกรรมาธิการตรวจสอบประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ (The House Oversight Committee) ประกาศจัดการไต่สวนเกี่ยวกับ ยูเอฟโอ (UFO) หรือที่รัฐบาลสหรัฐฯ เรียกว่า ปรากฎการณ์ทางอากาศที่ไม่สามารถอธิบายได้  (Unidentified Aerial Phenomena – UAPs) โฆษกคณะกรรมาธิการกล่าวว่า “นอกเหนือจากเบาะแสที่ได้รับแจ้งแล้ว รายงานยังเผยถึงปรากฎการณ์ผิดปกติที่ระบุไม่ได้อีกด้วย”

รายงานดังกล่าวได้รับการเปิดเผยมากว่าหลายทศวรรษแล้ว การพบเห็นและการสืบสวนเกี่ยวกับ ยูเอฟโอ ยุคใหม่เริ่มต้นขึ้นหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 พร้อมกับรายงานจำนวนมากที่ไม่สามารถอธิบายได้

ในช่วงแรกของการสืบสวน เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ไม่ได้คำนึงถึงมนุษย์ต่างดาวเลย เนื่องจากในขณะนั้นเป็นช่วงที่สงครามเย็นกับสหภาพโซเวียตกำลังคุกกรุ่น ผู้นำสหรัฐฯ จึงกังวลว่า ยูเอฟโอ (UFO) เป็นภัยคุกคามจากประเทศคู่แข่งมากกว่า และแม้ว่าจะมีการพบเห็นยูเอฟโอและมีการสืบสวนรายงานเหล่านั้นอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่เคยปรากฎการรุกรานจากมนุษย์ต่างดาวเลย

คำถามคือ เราจะติดตามเหตุการณ์ทั้งหมดนั่นได้ยังไง? และนี่คือลำดับเวลาของประวัติศาสตร์ยูเอฟโอที่เราได้รวบรวมไว้ทั้งหมด

1947 – 1969: โครงการบลูบุค

กองทัพอากาศสหรัฐฯ ก่อตั้งโครงการบลูบุค (Project Blue Book) โดยรวบรวมรายงานการค้นพบ UFO กว่า 12,618 รายการ ไม่ว่าจะเป็นแสงลึกลับ วัตถุ หรือเรดาร์ปริศนาซึ่งได้รับรายงานจากเหล่าทหารอากาศ นักบิน นักอุตุนิยมวิทยา นักดาราศาสตร์ และจากแหล่งข้อมูลอื่นๆ

แต่แล้วในปี 1969 โครงการดังกล่าวก็ปิดฉากลง หลังจากการศึกษาของมหาวิทยาลัยโคโลราโดสรุปว่า ไม่มีหลักฐานใดที่สามารถระบุได้ว่ายูเอฟโอมาจากดาวอื่น และการพบเห็นยูเอฟโอส่วนใหญ่สามารถอธิบายได้ด้วยปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ หรืออาจเป็นการจัดฉากขึ้น “พวกเราจึงสามารถสรุปได้ว่า การศึกษาเกี่ยวกับยูเอฟโอตลอด 21 ปีที่ผ่านมาไม่ได้เพิ่มพูนความรู้ทางวิทยาศาสตร์ของพวกเราเลย” “แม้จะสืบสวนต่อไปก็คงจะไม่ได้อะไร” เอ็ดเวิร์ด ยู คอนดอน (Edward U. Condon) หัวหน้าทีมวิจัยกล่าว

กระนั้น ข่าวลือการพบเห็นยูเอฟโอยังคงมีอยู่เรื่อยๆ ก่อกวนใจเหล่าเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวน จนกระทั่งกองทัพอากาศสหรัฐฯ ประกาศในเอกสารข้อเท็จจริงเมื่อปี 1985 ว่า “ขณะนี้ยังไม่เคยมีการพบเห็นมนุษย์ต่างดาวหรือปรากฏวัตถุนอกโลกในฐานทัพอากาศไรท์แพตเตอร์สันเลย (Wright-Patterson Air Force Base)” ซึ่งฐานทัพดังกล่าวเป็นที่ตั้งหลักของสำนักงานการสืบสวนสอบสวนยูเอฟโอ

ยูเอฟโอ
ภาพนี้ที่เผยแพร่โดยกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ แสดงให้เห็นการเผชิญหน้าระหว่างเครื่องบินขับไล่ของกองทัพเรือสองลำกับวัตถุไม่ทราบที่มาใกล้ซานดิเอโกในปี 2547 แต่การพบเห็น UFO เช่นนี้บ่งบอกถึงสิ่งมีชีวิตนอกโลก , สายลับจากชาติคู่แข่ง หรือแค่อากาศแปลก ๆ? PHOTOGRAPH BY DEPARTMENT OF DEFENSE/THE NEW YORK TIMES/REDUX

1995: ความสนใจจากวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ

เมื่อรายงานคอนดอนไม่อาจยุติความสงสัยเรื่องยูเอฟโอได้ กลุ่มคนที่เรียกว่า นักยูเอฟโอ (UFOlogists) ใช้เวลาหลายสิบปีต่อมายื่นคำร้องต่อหน่วยงานรัฐบาลกลางให้เปิดเผยเกี่ยวกับการพบเห็นยูเอฟโอ

ในปี 1995 นักธุรกิจนาม โรเบิร์ต บิเกโล (Robert Bigelow) จัดการชุมนุมเล็กๆ ในลาสเวกัสเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการดำรงอยู่ของมนุษย์ต่างดาว เรียกว่ากลุ่ม National Institute for Discovery Science โดยสมาชิกประกอบด้วยอดีตนักบินอวกาศจำนวน 2 คน ได้แก่ เอ็ด มิทเชลล์ (Ed Mitchell) และแฮร์ริสัน ชมิตต์ (Harrison Schmitt) ร่วมกับแฮร์รี่ รีด (Harry Reid) ซึ่งดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครตแห่งเนวาดา

รีดกล่าวว่า “หลายคนบอกว่ามันจะทำลายอาชีพผม” แต่กลับกัน เขากลายเป็นบุคคลสำคัญที่มีส่วนขับเคลื่อนการสืบสวนเรื่องราวของยูเอฟโอของสหรัฐฯ

สหรัฐฯ ยิง UFO ตกเป็นครั้งที่ 4 ในเวลา 2 สัปดาห์ ยังระบุไม่ได้ว่าคืออะไร? ไม่ตัดความเป็นไปได้ว่าเป็น ‘ยานเอเลี่ยน’

ระวัง! นักวิทยาศาสตร์เตือน การติดต่อครั้งแรกของโลกกับ มนุษย์ต่างดาว อาจนำไปสู่ ‘การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์’ ของทั้งสองฝ่าย

มนุษย์ต่างดาว หรือ เอเลี่ยน มีอยู่จริงหรือไม่? เราจะรู้ได้อย่างไรว่าไม่มีการปกปิดข้อมูล?

2004: เผชิญหน้ายานลึกลับในซานดิเอโก

เดือนพฤศจิกายน ปี 2004 นักบินนาวิกโยธินสหรัฐฯ 2 คนได้รับคำสั่งให้สกัดกั้นยานลึกลับลำหนึ่งในระหว่างการฝึกซ้อม พวกเขาพบเห็นและบันทึกภาพยานลำหนึ่งมีรูปทรงวงรีที่ไม่คุ้นตา ความยาวประมาณ 12 เมตร ลอยอยู่เหนือมหาสมุทรแปซิฟิกห่างจากเมืองซานดิเอโกประมาณ 160 กิโลเมตร แต่ยานลำนั้นกลับหายไปอย่างรวดเร็วก่อนที่พวกเขาจะบินเขาไปใกล้ “ผมไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ผมเห็นคืออะไรกันแน่” “ยานลำนั้นไม่มีควันไอเสีย ปีก หรือใบพัด แล้วยังเร็วกว่า F-18 ของเราอีกด้วย” นาวาโทเดวิด ฟราเวอร์ซึ่งเป็นหนึ่งในนักบินขณะนั้นกล่าว

2007: การสืบสวนครั้งใหม่ของเพนตากอน

กระทรวงกลาโหมหรือเพนตากอนได้ก่อตั้งโครงการระบุตัวตนภัยคุกคามจากอากาศยานขั้นสูง (Advanced Aerospace Threat Identification Program หรือ AATIP) เพื่อตรวจสอบการพบเห็นยูเอฟโอดังกล่าวด้วยการสนับสนุนจากรีด ซึ่งกลายเป็นผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐฯ

ลูอิส เอลิซอนโด (Luis Elizondo) เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองทางทหารร่วมกับบริษัทวิจัยด้านการบินและอวกาศบริหารโดยมีบิเกโลเป็นผู้ดำเนินการวิจัยในโครงการดังกล่าว อีกทั้งยังมีการระบุข้อความในรายงานสรุปว่า “สิ่งที่เคยปรากฏในนิยายวิทยาศาสตร์กลับกลายเป็นข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน”

ยูเอฟโอ
ผู้เชื่อใน UFO มองหายานอวกาศที่น่าสงสัยระหว่างทัวร์ UFO ในรัฐแอริโซนา ถ่ายในปี 2017 ผ่านแว่นตามองกลางคืน COMPOSITE PHOTOGRAPH BY JENNIFER EMERLING

2014: ประจันหน้ากัน ณ ชายฝั่งตะวันออก

ในปี 2014 มีการรายงานถึงการพบยูเอฟโอเพิ่มขึ้น คือ การได้เผชิญหน้ากับยานลึกลับอีกครั้ง ซึ่งนักบินนาวิกโยธินได้บันทึกวิดีโอและรายงานถึงการพบอากาศยานลึกลับในระดับความสูงเหนือระดับน้ำทะเล และอาจมีความเร็วเทียบเท่ากับความเร็วเหนือแสงใกล้กับบริเวณรัฐฟลอริดาและรัฐเวอร์จิเนีย อีกเหตุการณ์หนึ่ง คือ นักบินคนหนึ่งรายงานถึงเหตุการณ์ที่เขาเกือบปะทะกับยานลึกลับ ซึ่งในภายหลังได้ให้สัมภาษณ์ในรายการวาไรตี้ 60 Minutes ของช่อง CBS ว่า เขาได้พบเห็นอากาศยานที่ไม่สามารถอธิบายลักษณะได้ เขากล่าวเพิ่มอีกว่า “มันมีการหมุน มีเรื่องของระดับความสูง มีความรวดเร็ว แต่บอกตรงๆว่าผมก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร”

หรือจะเป็นไปได้ไหมว่ายานลำนั้นจะเป็นจะเป็นยานตรวจการณ์จากประเทศอื่น?

2017: ออกสู่สาธารณชน

เหตุการณ์และการสืบสวนต่างๆที่เกิดขึ้นเหล่านี้ไม่เคยถูกรายงานต่อสาธาณชนเลยจนกระทั่งเดือนธันวาคม ปี 2017 หนังสือพิมพ์ New York Times เปิดเผยการมีอยู่ของโครงการระบุตัวตนภัยคุกคามจากอากาศยานขั้นสูง หรือ AATIP ที่ดำเนินการโดยกระทรวงกลาโหม แม้ว่าเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมจะระบุว่าโครงการ AATIP ได้ปิดตัวลงในปี 2012 แล้ว แต่เอลิซอนโดกลับกล่าวกับหนังสือพิมพ์ว่าเขายังคงร่วมมือกับกองทัพเรือและซีไอเอ (CIA) วิจัยงานดังกล่าวอย่างไม่เป็นทางการต่อมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเขาลาออกในฤดูใบไม้ร่วงในปี 2017

เหตุการณ์การพูดถึงเรื่องยูเอฟโอนั้นได้จุดประกายความสงสัยและความสนใจในยูเอฟโอในหมู่สาธารณชน และแม้กระทั่งในหมู่นักวิทยาศาสตร์ด้วยเช่นเดียวกัน

2020: ลงมือทำตามหลักวิทยาศาสตร์

เดือนกรกฎาคม ปี 2020 ราวี คาปาราปู (Ravi Kopparapu) และ เจคอป ฮาคค์ มีซรา (Jacob Haqq-Misra) นักวิทยาศาสตร์จากนาซ่า (NASA) และนักชีวดาราศาสตร์ตามลำดับเขียนบทความในนิตยสาร Scientific American ว่าถึงเวลาแล้วที่จะเราต้องกลับไปทบทวนข้อสรุปจากรายงานคอนดอนอีกครั้ง “ปรากฎการณ์ทางอากาศที่ไม่สามารถอธิบายได้ (UAPs) ส่วนใหญ่มักถูกจัดเป็นอากาศยานทางการทหาร การก่อตัวที่ผิดปกติของสภาพอากาศ หรือปรากฎการณ์ต่างๆ ที่ผิดปกติบนโลก” พวกเขายังระบุอีกว่า “ทว่ายังมีอีกหลายเหตุการณ์พิศวงที่อาจคุ้มค่าแก่การลงมือตรวจสอบ”

เดือนสิงหาคม ปี 2020 เพนตากอนได้ตั้งหน่วยงานที่ชื่อว่า The Unidentified Aerial Phenomena Task Force เพื่อศึกษาทำความเข้าใจและค้นคว้าข้อมูลเชิงลึกของธรรมชาติและที่มาของวัตถุลึกลับที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้

2021: รายงานจาก DNI

เดือนเมษายน ปี 2021 กองทัพเรือสหรัฐฯ ยืนยันว่าคลิปวิดีโอที่ปรากฏภาพวัตถุลึบลับส่งสัญญาณให้กับเรือรบสหรัฐฯ ใกล้กับรัฐแคลิฟอร์เนียเป็นเรื่องจริง ซึ่งเหตุการณ์การพบเห็นดังกล่าวจะนำเข้ากระบวนการตรวจสอบต่อไป

และในเดือนมิถุนายน สำนักงานผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติหรือ DNI เปิดเผยรายงานการประเมินเบื้องต้นเกี่ยวกับการพบเห็นยูเอฟโอตั้งแต่ปี 2004 ถึงปี 2021 รายงานชี้ให้เห็นว่า ยูเอฟโอหรือที่รู้จักกันในปัจจุบันว่า UAP ได้แบ่งออกเป็น 5 กรณี ได้แก่ การรบกวนในอากาศ ปรากฎการณ์ทางธรรมชาติในชั้นบรรยากาศ โครงการพัฒนาการบินและอวกาศของภาครัฐหรือเอกชน เทคโนโลยีจากประเทศคู่แข่ง และความเป็นไปได้อื่นๆ ที่ยังไม่สามารถระบุได้ ซึ่งจำเป็นต้องมีเงินทุนและการรายงานเพิ่มเติมเพื่อการศึกษาค้นคว้าต่อไป

2022: NASA เข้าตรวจสอบ

 ในเดือนเมษายน ปี 2022 เพนตากอนได้ประกาศจัดตั้งหน่วยงาน All-domain Anomaly Resolution Office เพื่อตรวจสอบ และสืบสวนวัตถุที่ไม่สามารถระบุได้ซึ่งอาจเป็นภัยต่อความมั่นคงและความปลอดภัยของชาติ

และในเดือนมิถุนายนถัดมา NASA ได้จัดตั้งโครงการวิจัยอิสระเพื่อศึกษาเรื่องเหล่านี้จากมุมมองวิทยาศาสตร์ “เราจะค้นหาว่ามีข้อมูลใดบ้างจากทั้งพลเรือน รัฐบาล องค์กรไม่แสวงผลกำไรและบริษัทต่างๆ หรือมีอะไรอีกบ้างที่เราควรรวบรวมเพิ่มเติม และวิธีใดที่จะวิเคราะห์ได้ดีที่สุด” เดวิด สเปอร์เกล (David Spergel) หัวหน้าทีมวิจัยกล่าว

และในปี 2022 ได้มีการเปลี่ยนชื่อปรากฎการณ์ดังกล่าวจากปรากฎการณ์ทางอากาศที่ไม่สามารถอธิบายได้ที่เรียกว่า Unidentified Aerial Phenomena เป็น ปรากฎการณ์ผิดปกติที่ระบุไม่ได้ หรือ Unidentified Anomalous Phenomena อย่างเป็นทางการ

ยูเอฟโอ
ภาพวัตถุคล้ายจานบิน บันทึกเอาไว้ที่เมืองอีทากา ในนิวยอร์ก ภาพถ่ายโดย Nadia Drake

2023: ยังคงต้องสืบหาความจริงต่อไป

อย่างไรก็ตามยังไม่มีคำตอบใดที่สามารถอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้ สำนักงานผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติ (DNI) เผยแพร่รายงานการติดตามผลการตรวจสอบในเดือนมิถุนายน ปี 2023 ระบุถึงการพบเห็นปรากฎการณ์ดังกล่าวเพิ่มเติมกว่า 510 รายการ โดยมี 171 รายการที่ยังไม่สามารถอธิบายได้ โดยรายงานระบุไว้ว่า ในกรณีดังกล่าวอากาศยานที่ไม่สามารถระบุได้มักจะ “แสดงให้เห็นถึงลักษณะการบินหรือการทำงานของเทคโนโลยีที่ต่างออกไปจากปกติ “

ที่น่าตกใจที่สุด คือ ในเดือนมิถุนายน เดวิด กรัช (David Grusch) อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของเพนตากอนได้เข้าชี้แจงพร้อมกับเปิดเผยว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ได้เก็บซากอากาศยานซึ่งไม่ได้เกิดจากฝีมือมนุษย์จากจุดตกของยานบินไว้ในครอบครอง อย่างไรก็ตามเขากล่าวว่า เขาไม่เคยได้เห็นวัตถุดังกล่าวด้วยตนเอง จึงก่อให้เกิดข้อสงสัยจากผู้เชี่ยวชาญภายนอกตามมา

โจชัว ซีมีเตอร์ (Joshua Semeter) ศาสตราจารย์สาขาวิศวกรรมไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์แห่งมหาลัยบอสตัน และสมาชิกทีม NASA ซึ่งกำลังตรวจสอบรายงานเหล่านี้กล่าวกับ BU Today ว่า “มีการอ้างถึงการพบผู้มาเยือนจากนอกโลกมาอย่างยาวนาน แต่ความชัดเจนต่างหากที่เหมือนจะขาดหายไป” เพราะฉะนั้นจึงอาจยังต้องการหลักฐานเพิ่มเติม แต่การตั้งถาม การพบเห็น และการสืบสวนยังคงต้องดำเนินต่อไป

เรื่อง โจเอล มาทิสต์

แปล ภาวิดา จงจอหอ

โครงการสหกิจศึกษา กองบรรณาธิการ นิตยสาร เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ฉบับภาษาไทย


อ่านเพิ่มเติม เหตุใด แอเรีย 51 จึงเชื่อกันว่าเป็นที่ซ่อน มนุษย์ต่างดาว

แอเรีย 51

Recommend