สำนักข่าว The Guardian ของอังกฤษ รายงานว่า กลุ่มมหาเศรษฐี ‘พันล้าน’ กว่า 205 คน รวมถึง อบิเกล ดิสนีย์ (Abigail Disney) ทายาทของดิสนีย์ และนักแสดง มาร์ค รัฟฟาโล ผู้รับบทบาท ‘เดอะฮัลค์’ ได้รวมตัวกันเรียกร้องไปยังผู้นำระดับโลกในการประชุมสภาเศรษฐกิจโลก หรือ World Economic Forum (WFF) ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เก็บภาษี ความมั่งคั่งพวกเขาอย่างเร่งด่วน เพื่อช่วยแก้ไขปัญหา “ความไม่เท่าเทียมกันอย่างสุดโต่ง”

.

“การขาดการดำเนินการเรื่องนี้ในปัจจุบันเป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างมาก การประชุมของ ‘ชนชั้นสูงระดับโลก’ ในเมืองดาวอสเพื่อหารือเกี่ยวกับ ‘ความร่วมมือในโลกที่แตกแยก’ นั้นไม่มีประโยชน์ หากคุณไม่มุ่งไปที่ต้นตอของการแตกแยก” จดหมายเปิดผนึกของกลุ่มระบุ

.

“การปกป้องประชาธิปไตยและการสร้างความร่วมมือจำเป็นต้องมีการดำเนินการเพื่อสร้างเศรษฐกิจที่เป็นธรรมขึ้นในตอนนี้ มันไม่ใช่ปัญหาที่จะปล่อยให้ลูกหลานของเราแก้ไขได้”

.

พร้อมกับเสริมว่า “ตอนนี้เป็นเวลาที่จะจัดการความมั่งคั่งอย่างสุดโต่ง ถึงเวลาเก็บภาษีคนรวยแล้ว พวกคุณที่ตัวแทนระดับโลกของเรา ต้องเก็บภาษีพวกเราที่เป็นคนรวยมากๆ และคุณต้องเริ่มเดี๋ยวนี้”

.

สมาชิกผู้ลงนามซึ่งเรียกตนเองว่า ‘เศรษฐีผู้รักชาติ’ เตือนว่า การเพิกเฉยอาจนำไปสู่ความหายนะ และต้นทุนของการลงมือทำนั้นถูกกว่าต้นทุนของการไม่ทำอะไรเลย พร้อมระบุว่าต้องดำเนินการได้แล้ว

งานวิจัยฉบับใหม่ได้แสดงให้เห็นว่าเกือบ 2 ใน 3 ของความมั่งคั่งในช่วงเกิดโรคระบาดไวรัสโควิด-19 เป็นของมหาเศรษฐียักษ์ใหญ่ที่มีสัดส่วนประชากรเพียงร้อยละ 1 องค์การอ็อกแฟม (Oxfam) ระบุว่าความมั่งคั่งจำนวน 26 ล้านล้านดอลลาร์ (910 ล้านล้านบาท) ในช่วงโควิดระบาด ที่เป็นของคนในกลุ่มร้อยละ 1 นั้น คิดเป็นร้อยละ 63 ของความมั่งคั่งทั้งหมดบนโลก

.

อีกทั้งยังระบุว่า เหตุการณ์นี้เป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปีที่ความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นพร้อมกับความยากจนที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน หรือกล่าวง่ายๆ ว่า คนรวยรวยขึ้น คนจนจนขึ้น อย่างชัดเจน

.

อ็อกแฟมจึงเรียกร้องให้มีการเก็บภาษีร้อยละ 5 ในคนมหาเศรษฐีทั่วโลก ซึ่งจะทำให้ได้เงินราว 1.7 ล้านล้านดอลลาร์ หรือราว 59.5 ล้านล้านบาท โดยจำนวนเงินเหล่านี้เพียงพอที่จะช่วยคน 2 พันล้านคนให้พ้นจากวามยากจน และใช้เป็นเงินทุนสำหรับแผนระดับโลกเพื่อยุติความอดอยาก

.

“คนทั้งโลก นักเศรษฐศาสตร์และเศรษฐี สามารถเห็นทางออกที่อยู่ข้างหน้าเรา คือเก็บภาษีคนรวยมากขึ้น หากเราใส่ใจในความปลอดภัยของประชาธิปไตย ชุมชนของเรา และโลกของเรา เราต้องทำให้สำเร็จ

.

และหากผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจของเราไม่มีความคิด หรือไม่รู้สึกว่าจำเป็นต้องฟังเสียงของพวกเรา (คนรวยมาก) ทั้งหมด มันทำให้เกิดคำถามว่า ‘อะไรหรือใครกำลังหยุดพวกเขา’” มาลีน เองเกลฮอร์น (Marlene Engelhorn) ทายาทเศรษฐีพันล้าน ผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มรณรงค์ taxmenow กล่าว

.

ที่มา

---