สำรวจถ้ำในอาณาจักรศิลาแดนมังกร

สำรวจถ้ำในอาณาจักรศิลาแดนมังกร

สำรวจถ้ำ
ซีดาร์ ไรต์, แมตต์ ซีกัล และแฮร์ริงตัน ไต่ขึ้นสู่ยอดหินปูนยอดหนึ่งในเอินชือแคนยอน

เมื่อพิจารณาจากพื้นที่ ถํ้าหงเหมย์กุย ซึ่งเป็นคูหาถํ้าแห่งแรกที่เราวางแผนจะสแกน น่าจะมีขนาดพอ ๆกับสนามฟุตบอลแปดสนาม ถํ้านี้อยู่ในอันดับที่แปดของรายชื่อคูหาถํ้าขนาดใหญ่ที่สุดของโลกประจำปี 2012 ตามหลังคู่แข่งในมาเลเซีย สเปน โอมาน เบลีซ และที่อื่น ๆ ในประเทศจีน แต่จะอยู่ในอันดับใดถ้าวัดจากปริมาตร นี่เป็นคำถามที่เราหวังจะได้คำตอบจากการใช้เครื่องสแกนสามมิติ ฐานปฏิบัติการของเราในช่วงแรกของการสำรวจนี้ไม่ใช่แคมป์ ใต้ดิน แต่เป็นโรงแรมเก่าแก่ขนาดใหญ่ ในอำเภอเล่อเย่ซึ่งมีประชากร 5,000 คนตอนที่โครงการสำรวจถํ้าในประเทศจีนมาเยือนครั้งแรก ปัจจุบันเมืองนี้มีประชากรมากกว่าเดิมหลายเท่า และมีนักท่องเที่ยวปีละกว่า 160,000 คนมาเยี่ยมชมต้าฉือเหวย์เทียนเคิง หลุมยุบกว้าง 610 เมตร ลึก 610 เมตร ซึ่งนักวิทยาศาสตร์จากสถาบันธรณีวิทยาคาสต์รู้จักเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1998 และโครงการสำรวจถํ้าในประเทศจีนได้ทำการสำรวจในอีกสองปีต่อมา ภาพถ่ายของอีวิสภาพหนึ่งยังจัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น

การเดินทางไปยังถํ้าหงเหมย์กุยในแต่ละวัน เราต้องขับรถไปยังลานจอดรถที่อยู่ไม่ไกลจากเมือง เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดป้องกัน สวมสายรัด หมวกนิรภัย และไฟฉายคาดศีรษะ จากนั้นเดินต่ออีกหนึ่งหรือสองนาทีเข้าสู่ที่โล่งบนไหล่เขาที่ปกคลุมด้วยผืนป่า เมื่อเดินผ่านแทงก์นํ้าคอนกรีตที่ชาวบ้านใช้รองนํ้าซึ่งหยดลงมาจากหลังคาถํ้าที่ยื่นออกมา  ถํ้าก็เริ่มเย็น สูงชัน และมืดลงอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้าเราก็เหมือนหลุดมาอยู่ในอีกโลกหนึ่ง

การโรยตัวลงมาด้วยเชือกสองช่วงสั้น ๆ น่าจะอยู่ที่ 5 เมตรและ 15 เมตร ได้รับการจัดเตรียมโดยนักไต่ถํ้าฝีมือดีที่สุดสองคนในทีม ได้แก่ ทิม แอลเลน และมาร์ก ริชาร์ดสัน นอกเหนือจากนั้นแล้ว เราต้องเดินเท้า การไต่ลงช่วงแรกของผมกินเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมง ผมตามเจน แอลเลน ภรรยาของทิม ผู้เป็นนักไต่ถํ้ามากประสบการณ์อีกคนหนึ่ง ลงไปตามบันไดของสระนํ้าที่สะท้อนแสงจากไฟฉายคาดศีรษะ เข้าสู่ทางเดินลักษณะคล้ายท่อซึ่งพื้นผิวดูเหมือนกับแม่นํ้าโคลน และบางครั้งก็ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เสียด้วย

ความรู้สึกเมื่อเข้าสู่คูหาถํ้าหงเหมย์กุยมีทั้งงุนงงและคุ้นเคย ผมเห็นถึงความใหญ่โตมโหฬารได้ ไม่ยาก เพราะมองเห็นอะไรได้ไม่มากนัก แสงไฟฉายของผมไม่อาจสะท้อนจากเพดานหรือผนังถํ้าอีกต่อไป อนุภาคฝุ่นละอองล่องลอยอยู่ในอากาศ แม้แต่ลมก็ไม่อาจพัดมาถึงบริเวณนี้ ก้อนหินมนใหญ่ขนาดพอ ๆ กับรถบรรทุกหล่นลงมาอยู่บนพื้นจากที่ไหนสักแห่งที่อยู่สูงขึ้นไปมาก แรงกระแทกส่งให้พื้นโคลนกระจายออกเป็นแอ่งรูปวงแหวน ทีมงานตั้งชื่อหินก้อนนี้ว่า ”อุกกาบาต„ ตรงไหนสักแห่งไกลออกไปอีกด้านหนึ่งของคูหา ส่วนจะไกลแค่ไหนยากที่จะรู้แน่ชัด มีลำแสงวูบวาบจากไฟฉายคาดศีรษะของใครบางคน เมื่อผมเริ่มปีนขึ้นไปตามทางลาดเอียงที่เต็มไปด้วยเศษหิน ประสบการณ์นี้ก็ดูเหมือนจะคุ้นเคยขึ้นมา ทางลาดเอียงนี้กว้างใหญ่มาก ผมปีนขึ้นไปได้อย่างช้า ๆ ภูมิประเทศช่างยากลำบากจนรู้สึกราวกับกำลังปีนเขาอยู่ในคํ่าคืนไร้ดาว

สำรวจถ้ำ
หยางชั่วเคยเป็นหมู่บ้านเงียบเหงาเมื่อสองทศวรรษก่อน ตอนที่นักปีนเขาและนักสำรวจถํ้าชาวต่างชาติเริ่มแวะเวียนมาเยือนหมวดหินที่อยู่ใกล้เคียง ทุกวันนี้นักท่องเที่ยวในประเทศมีจำนวนมากกว่านักท่องเที่ยวต่างชาติหลายขุม

ด้วยรูปร่างที่ไม่ธรรมดาของถํ้า จึงยากที่จะชี้ชัดลงไปได้ว่า แต่ละคูหาสิ้นสุดตรงไหน จะลากเส้นกั้นแบ่งตรงจุดใด อะไรเป็นตัวกำหนดว่านี่คือคูหาถํ้า และนั่นเป็นแค่ทางเดิน คำถามเกี่ยวกับการให้คำจำกัดความนี้จะเป็นที่ถกเถียงในหมู่สมาชิกทีมสำรวจต่อไป เพราะหนึ่งในเป้าหมายสุดท้ายของการสแกนสามมิติ คือการจัดอันดับคูหาถํ้าขนาดใหญ่ที่สุดของโลกตามปริมาตรนั้น จะเป็นไปไม่ได้เลยหากนักสำรวจถํ้าตกลงกันไม่ได้เรื่องคำจำกัดความ

คูหาถํ้าขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เรารู้จัก คือถํ้าซาราวักในประเทศมาเลเซีย ซึ่งอีวิสกับนักไต่ถํ้าอีกสองคนค้นพบเมื่อปี 1980 และช่วยสแกนถํ้าแห่งนั้นเมื่อปี 2011 ปริมาตร โดยประมาณที่ได้คือ 9.57 ล้านลูกบาศก์เมตร   เมื่อผมตามทีมสแกนทัน พวกเขาอยู่ตรงบริเวณโคลนแห้ง ๆ ใกล้กับ “อุกกาบาต” ไม่ไกลจากริมทะเลสาบและผนังหินปูนสูงชันที่นำไปสู่เพดานถํ้าซึ่งซ่อนตัวอยู่ จุดนี้คือหนึ่งใน 17 สถานีสแกนในถํ้าหงเหมย์กุย เครื่องสแกนจะส่งสัญญาณเลเซอร์ออกมาเป็นชุด ๆ แล้ววัดระยะทางโดยคำนวณว่าสัญญาณใช้เวลานานเท่าใดจึงจะสะท้อนกลับมา  ระยะทางสามารถกำหนดได้ง่าย ๆ โดยยึดหลักความเร็วแสง  เครื่องสแกนรุ่นที่เราใช้คือ รีเกิล วีแซด-400 (Riegl VZ-400) เป็นรูปทรงกระบอกโลหะขนาดประมาณศีรษะมนุษย์หนัก 9.5 กิโลกรัม ยังไม่รวมแบตเตอรี่หนักสี่กิโลกรัมสองก้อน ขาตั้ง แล็ปท็อปคอมพิวเตอร์ และสายไฟ เมื่อเดินเครื่อง มันจะตั้งอยู่ในระดับสายตา หมุนได้รอบ 360 องศา และวัดระยะทุกสิ่งทุกอย่างในรัศมี 610 เมตรด้วยความเร็ว 122,000 ครั้งต่อวินาที

สำรวจถ้ำ
หลังเดินขึ้นเนินไปจากคูหาถํ้าเหมียวขนาดมหึมา นักสำรวจพบชนกลุ่มน้อยชาวเหมียว 21 ครอบครัวอาศัยอยู่ภายใต้เพดานถํ้าแห่งหนึ่ง ปัจจุบันในถํ้ามีสนามบาสเกตบอล และมีแม้กระทั่งโรงเรียนเมื่อไม่นานมานี้เอง

ในการตั้งสถานีสแกน วอลเตอร์สใช้เครื่องมือวัดระดับขนาดพกพาเพื่อให้แน่ใจว่าขาตั้งเครื่องวางได้ในแนวระนาบกับพื้นถํ้า กำหนดตำแหน่งเครื่องสแกนด้วยเข็มทิศ  แล้วหยิบแล็ปท็อปคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ส่งให้ปานี อีวิสยืนอยู่ใกล้ ๆ พวกเขาต่อสายอีเทอร์เน็ตสีฟ้าอมเขียวเข้ากับแล็ปท็อปคอมพิวเตอร์ กดปุ่มเปิดเครื่องสแกนเลเซอร์ ทันใดนั้นมันก็มีชีวิตขึ้นมา ส่วนหัวของเครื่องหมุนไปรอบ ๆ อย่างเงียบ ๆ ขณะที่ทั้งทีมดูเหมือนพร้อมใจกันกลั้นหายใจ

สามนาทีต่อมา ผลก็ปรากฏบนแล็ปท็อปคอมพิวเตอร์ของปานี แผนภาพดิจิทัลเป็นสีขาวดำและมีความคมชัดตํ่า แต่ก็ช่างน่าทึ่ง ณ ที่นั้น ขณะที่เรานั่งคุดคู้อยู่บนพื้นโคลนท่ามกลางความมืด จ้องมองไปยังจอภาพสว่างจ้า ปานีก็พาเราบินเข้าสู่ถํ้าเสมือนจริง และในที่สุดผมก็มองเห็นว่าตัวเองอยู่ตรงไหน เป็นประสบการณ์ที่เหมือนถอดจิตออกจากร่างเลยทีเดียว

 

Recommend