ทริปเดินป่าปีนเขา 3 วัน 2 คืน
เดือนธันวาคมของทุกปีเป็นช่วงเวลาดีๆ แห่งการเฉลิมฉลอง เพราะใกล้ปีใหม่เข้ามาทุกขณะจิต หลายคนเลือกอยู่บ้าน บางคนเดินทางกลับภูมิลำเนา ส่วนตัวผมเลือกปิดภารกิจสุดท้ายของปีด้วยการพาตัวเองไปพิชิต ดอยหนอก คราวก่อนผมนั่งรถไฟไปเดินป่าที่อุทยานแห่งชาติขุนตาล ครั้งนี้ผมเลยขอเลือกเดินทางด้วยรถทัวร์ของบขส. บ้าง เพราะห่างหายจากการนั่งรถสาธารณะประเภทนี้ไปนานมากทีเดียว
โจทย์การท่องเที่ยวของเราครั้งนี้คือการไปเยือนเมืองรอง ผมและทีมเลือกไปจังหวัดพะเยา ซึ่งเป็นจังหวัดที่ผมเคยไปแบบผ่านๆนานๆ ที ครั้งนี้จึงตั้งใจเต็มที่ไปตามความปรารถนาของตัวเองที่ชื่นชอบการเดินป่าและปีนเขา
หลายคนอาจสงสัยว่าจังหวัดพะเยามีอะไรน่าสนใจบ้าง จริงๆ แล้วจังหวัดนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานมากนะครับ เป็นแหล่งที่พบพระพุทธรูปหินทรายและหลักศิลาจารึกมากมาย แสดงให้เห็นถึงความเป็นชุมชนเก่าแก่ที่มีอารยธรรมและมีเรื่องราวน่าสนใจไม่แพ้จังหวัดอื่นเลย ว่ากันว่าพะเยายังเป็นหนึ่งในเส้นทางแห่งความรักของพระลอ พระเพื่อน และพระแพง ตัวเอกจากในวรรณคดีเรื่องลิลิตพระลออีกด้วย
แน่นอนว่าแหล่งท่องเที่ยวที่คุ้นหูคนทั่วไปมากที่สุดก็คือ “กว๊านพะเยา” ซึ่งแต่เดิมเคยเป็นชุมชนมาก่อนกาลเวลาผ่านไปจนกระทั่งมีสภาพอย่างปัจจุบันเพราะมีการสร้างประตูน้ำกักเก็บน้ำ และใต้ผืนน้ำแห่งนี้ก็มีวัดที่จมอยู่ประมาณยี่สิบวัด หนึ่งในนั้นคือวัดติโลกอาราม เป็นวัดสำคัญที่ปรากฏในหลักศิลาจารึกของจังหวัดพะเยาด้วย ไม่ไกลจากกว๊านพะเยาก็เป็นที่ตั้งของวัดศรีโคมคำ วัดคู่บ้านคู่เมืองที่เป็นที่ประดิษฐานพระเจ้าตนหลวง พระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่ถือว่าเก่าแก่ที่สุดในแผ่นดินล้านนา
ด้านแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ พะเยาก็มีของดีไม่แพ้ใครและยังเป็นเป้าหมายในการเดินทางครั้งนี้ด้วย นั่นคือดอยหลวงที่มีความสูง 1,694 เมตรจากระดับทะเล และ ดอยหนอก อันเป็นหมุดหมายสำคัญของเหล่านักเดินป่า เพราะว่าบนยอดดอยหลวงและดอยหนอกนั้นจัดว่ามีทัศนียภาพสวยงามมาก บนยอดดอยหนอกยังเป็นที่ประดิษฐานเจดีย์พระธาตุดอยหนอก อันเป็นที่สักการะของชาวพะเยา ลำปาง และเชียงราย
ก่อนเดินทางขึ้นสู่ดอยหลวง เราต้องติดต่อที่ทำการหน่วยย่อย ดล.6 อุทยานแห่งชาติดอยหลวงพะเยา ซึ่งทางอุทยานเปิดให้ขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์เท่านั้น จำกัดจำนวนคนขึ้นวันละ 50 คน ช่วงที่บรรยากาศดีที่สุดก็คือช่วงปลายเดือนธันวาคมที่เราไปกันนั่นเอง ในการเดินป่านั้นจะต้องมีเจ้าหน้าที่ป่าไม้อย่างน้อย 1 คนเดินไปกับเราด้วย เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว และหากท่านใดแบกน้ำหนักเยอะไม่ไหว ทางอุทยานก็มีลูกหาบไว้คอยบริการด้วย คิดวันละ 600 บาท แบกให้ 15 กิโลกรัม ถ้าเกินคิดกิโลกรัมละ 50 บาท เวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยวครั้งนี้อยู่ที่ 3 วัน 2 คืนครับ
เราเริ่มเดินจากจุดรวมพลริมถนน 120 เพื่อพิชิตดอยหลวง – ดอยหนอกซึ่งอยู่ในเขตอำเภอวังเหนือ จังหวัดลำปาง เป็นจุดเริ่มเดินที่มีวิวทิวทัศน์สวยกว่าจุดเริ่มเดินจุดอื่นๆ ระยะทางเดินจากจุดเริ่มเดินจนถึงยอดดอยหลวงประมาณ 10 กิโลเมตร เป็นทางเดินที่ถือว่ายังไม่ยากมาก มีทุ่งโล่งให้พอได้ถ่ายรูป บางช่วงเป็นทางเดินแคบๆ แต่ด้วยระยะทางที่ขึ้นเขาลงเขาไกลแบบนี้อาจไม่ง่ายนักสำหรับมือใหม่หัดเดินเขา ดังนั้นการเลือกใช้รองเท้าเดินป่าและไม้โพลสำหรับเดินป่าจึงเป็นสิ่งสำคัญมากนะครับ
ใช้เวลาเดินประมาณ 8 ชั่วโมงเราก็มาถึงจุดกางเต็นท์บนยอดดอยหลวง ซึ่งเป็นช่วงที่หมอกลงจัดมาก ประกอบกับลมแรงด้วย ทำให้ไม่ค่อยได้เห็นวิวสวยๆ แต่พอช่วงเช้าเริ่มดีขึ้น พอได้เห็นวิว หลังจากเก็บสัมภาระเสร็จเราเดินทางต่อไปยังยอดดอยหนอกซึ่งตั้งอยู่บนสันเขาดอยหลวง มีความสูง 1,077 เมตรจากระดับทะเล ดอยหนอกเป็นภูเขาหินที่สูงชัน เจ้าหน้าที่แนะนำให้วางเป้ไว้ที่ตีนเขา แล้วค่อยปีนขึ้นไปกราบพระธาตุดอยหนอก ซึ่งบอกเลยว่าถ้ามาแล้วไม่ขึ้นไปแสดงว่ามาไม่ถึงนะครับ หลังลงจากยอดดอยหนอกแล้วเรามาแวะกินข้าวเที่ยงที่ลานพระซึ่งเห็นไกลๆจากบนยอดดอยหนอก โดยหากใครประสงค์จะปักหลักนอนที่ลานนี้ก็ได้นะครับ เพราะถือเป็นจุดค้างแรมเหมือนกัน แต่เราเลือกลงไปพักกันที่น้ำตกผาเกล็ดนาค
เมื่อกินมื้อเที่ยงอิ่มหนำสำราญดีแล้ว เราก็เข้าสู่โหมดที่โหดที่สุดของเส้นทางนี้ เป็นการเดินไปยังจุดผานางจูบและจุดกางเต็นท์สุดท้ายของทริปคือน้ำตกผาเกล็ดนาค เป็นเส้นทางเดินที่ถือว่าโหดเอาเรื่องเลยทีเดียว เพราะทั้งชันและลื่น ตอนเดินยังต้องระวังต้น “หารช้างล้ม” (แค่ชื่อก็โหดแล้ว ขนาดช้างยังล้ม) จะขึ้นอยู่สองข้างทางที่เดินผ่าน ถ้าใครโดนเข้าไปจะเกิดอาการแสบร้อนและคันมาก
ทีมงานมาถึงจุดกางเต็นท์สุดท้ายเมื่อตะวันใกล้ลับขอบฟ้า หลังกางเต็นท์เสร็จขอแช่น้ำตกก่อนครับหลังไม่ได้อาบน้ำมาสองวันแล้ว เช้าวันใหม่หลังอาหารเช้าพวกเราเดินกลับลงมาทางด้านหมู่บ้านห้วยหม้อ โดยเดินเลาะมาตามลำธาร เส้นทางนี้ส่วนใหญ่จะเดินบนหินที่ลื่นมาก ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูง พลาดมาคือเจ็บแน่นอน เป็นระยะทาง 2 กิโลเมตรที่ยากทีเดียว เมื่อออกมาจนพ้นเขตอุทยานจะมีรถอีแต๋นที่ว่าจ้างไว้มารอรับพวกเรา ก็เป็นอันจบทริปท่องเที่ยวธรรมชาติในเมืองรองอย่างพะเยา
ขอเน้นย้ำอีกครั้งนะครับว่าการเดินทางท่องเที่ยวแบบนี้ สิ่งสำคัญคืออุปกรณ์ รองเท้า ไม้โพล เสื้อผ้าและเป้ หากเราเลือกให้ถูกกับลักษณะการใช้งาน ก็จะช่วยให้เราไปท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติแบบนี้ได้สนุกขึ้นครับ
ติดต่อเจ้าหน้าที่นำเดินป่าดอยหลวงและดอยหนอก คุณทอน โทรศัพท์ 08-6136-8389
ค่าใช้จ่าย
ค่าธรรมเนียมการเข้าอุทยาน 20 บาท/คน
ค่าบริการพื้นที่พักค้างแรม 30 บาท/คืน/คน
ค่าเบี้ยเลี้ยงเจ้าหน้าที่นำทาง 600 บาท/คน/วัน
ค่าจ้างลูกหาบ 600 บาท/คน/วัน
ค่าเช่าเหมารถอีแต๋น 600 บาท/คัน
ค่าเช่าเหมารถยนต์รับ-ส่งจากสถานีขนส่งพะเยาถึงจุดเริ่มเดิน 1,600 บาท/คัน
ค่าบริการจัดเก็บขยะ 20 บาท/คน
เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ : อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล: ขึ้นรถไฟไปปีนผาและเดินป่าในม่านหมอกจาง