จากการสอบถามผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเกี่ยวกับ เทรนด์การท่องเที่ยว ในปี 2020 คำตอบที่เป็นเอกฉันท์คือ นักท่องเที่ยวเห็นความสำคัญของผลกระทบจากการท่องเที่ยว เช่น ผลกระทบต่อโลก ต่อพื้นที่ ต่อชุมชน และต่อตัวนักท่องเที่ยวเอง
ความยั่งยืนเป็นเรื่องที่ผู้คนตระหนักมากขึ้น “นักท่องเที่ยวให้ความสนใจและใส่ใจกับรูปแบบของการท่องเที่ยวมากขึ้น” วิลล์ โจนส์ ผู้ก่อตั้ง Journey by Design และ Wild Philanthropy กล่าว และเสริมว่า “แนวคิดเรื่องความยั่งยืนเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมาก” เทรนด์การท่องเที่ยว ของปี 2020 นี้อาจไม่ได้บอกว่าคุณควรไปเที่ยวที่ไหน แต่เรากำลังชี้ว่าคุณควรเดินทางแบบไหน
การท่องเที่ยวที่สนับสนุนกิจกรรมชดเชยคาร์บอน (Carbon offsetting) เริ่มขึ้นแล้ว
“อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั้งหมดให้ความสนใจวิกฤตทางสภาพอากาศและพยายามลดผลกระทบจากการท่องเที่ยว” จอนนี บีลบี ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Wild Frontiers กล่าว โดยเริ่มจากธุรกิจการบิน
นักท่องเที่ยวคาดหวังว่าผู้ประกอบการการท่องเที่ยวจะช่วยเกี่ยวกับกิจกรรมชดเชยคาร์บอน บริษัท Wild Frontiers มีการชดเชยคาร์บอนมาตั้งแต่ปี 2005 และในปีนี้บริษัทสามารถลดปริมาณคาร์บอนได้ 1.5 ลูกบาศก์เมตรต่อผู้โดยสารหนึ่งท่าน
มีการถกเถียงกันเรื่องการบริหารเงินเพื่อชดเชยคาร์บอน “ผู้โดยสารที่เดินทางด้วยเครื่องบินเป็นเวลานานเริ่มคำนึงถึงกิจกรรมชดเชยคาร์บอนของสายการบินเพื่อให้มั่นใจว่าเงินที่ใช้จ่ายไปช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลง” เมลิซซา บิกส์ กล่าว
การหยุดพักร้อนช่วงสั้น ๆ (Microcations) กำลังได้รับความนิยม
“การเดินทางด้วยเครื่องบินนาน ๆ หรือการนั่งเฟิร์สต์คลาสได้รับความนิยมน้อยลงแล้ว” ฟิลิปเป บราวน์ ผู้ก่อตั้ง Brown+Hudson กล่าว และเสริมว่า “คนที่ลาพักร้อนมากกว่าสามครั้งในหนึ่งปีจะไม่สามารถลาได้อีก” ในขณะที่ Microcations หรือการเที่ยวระยะเวลาสั้น ๆ กำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น
การพักร้อนในระยะเวลาสั้น ๆ เหมาะสำหรับการเดินทางไปยังสถานที่ที่ไม่ไกลมาก เอ็ดเวิร์ด ผู้ก่อตั้งและประธาน Classic Journey กล่าวว่า “นักท่องเที่ยวหันมาเที่ยวในสถานที่ใกล้บ้านหรือในประเทศ เพราะไม่ต้องคอยกังวลกับอาการเจ็ตแล็ก หรือไม่ต้องนั่งเครื่องบินเป็นเวลานาน และการเดินทางในประเทศเหมาะกับตารางงานในยุคปัจจุบันมากกว่า”
การพักในโรงแรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green hotels)
“นักท่องเที่ยวเลือกพักในที่พักที่รักษาสิ่งแวดล้อม” บราวน์ กล่าว จากการสำรวจบนเว็บไซต์ booking.com พบว่าร้อยละ 70 ของนักท่องเที่ยวเลือกที่พักที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ร้อยละ 72 ไม่ทราบข้อมูลว่ามีการให้บริการของที่พักที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม “เราเริ่มสร้างความรับผิดชอบต่อสังคมโดยการประเมินที่พักที่ให้บริการบนเว็บไซต์ของเรา” แบรดลีย์ กล่าว โดยบริษัทของเขามีแผนที่จะเปิดตัวโปรแกรมประเมินนี้ในช่วงต้นปี 2020
จอร์จ มอร์แกน เกร็นวิลล์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง Red Savannah กล่าวว่า “การผลิตพลังงานสีเขียว การรีไซเคิล และการซื้อผลผลิตหรืออาหารออร์แกนิกจากท้องถิ่นเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวต้องการมากขึ้น” ที่พักหรูกำลังนำกระแสความยั่งยืนมาประยุกต์ใช้ &beyond Phinda Private Game Reserve ในแอฟริกาใต้ ผลิตน้ำบริสุทธิ์และบรรจุในขวดแก้วรีไซเคิล คาริ เกรย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Gray & Co. แนะนำรีสอร์ตอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่าง Islas Secas ในปานามา ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ทั้งหมดและนำขยะอาหารมาทำเป็นปุ๋ย หรือโรงแรม Finca La Donaira ในสเปนที่เป็นฟาร์มออร์แกนิกและนำผลผลิตมาบริโภคภายในโรงแรมและขายให้แก่ชุมชนโดยรอบ
เลิกใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง (Single-use plastics)
โอแชนนอน เบิร์นส์ บรรณาธิการด้านความยั่งยืนของเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิกเอ็กซ์เพดิชัน (National Geographic Expeditions) กล่าวว่า “การพกและใช้ขวดน้ำหรือแก้วกาแฟส่วนตัวเป็นวิธีการง่าย ๆ ในการลดขยะพลาสติกขณะเดินทาง”
แต่การลดปริมาณขยะพลาสติกไม่ใช่แค่การลดจำนวนขวดน้ำดื่ม ในรัฐแคลิฟอร์เนียมีกฎห้ามโรงแรมแจกขวดแชมพูหรือครีมนวดผมที่บรรจุในขวดพลาสติกแก่ผู้เข้าพัก โดยจะเริ่มบังคับใช้ในปี 2023 แบรดลีย์กล่าวว่า โรงแรมในเครือแมริออทอินเทอร์เนชันแนลเลิกใช้หลอดพลาสติกในโรงแรมและมีแผนจะเลิกใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งกับผลิตภัณฑ์อาบน้ำต่าง ๆ ภายในโรงแรมก่อนสิ้นปี 2020 ในขณะเดียวกัน รีสอร์ต Soneva Fushi ในมัลดีฟส์ห้ามใช้หลอดพลาสติกตั้งแต่ 10 กว่าปีที่แล้ว ในปี 2017 ทางรีสอร์ตเริ่มรีไซเคิลพลาสติกเอง ปัจจุบันมีอัตราการรีไซเคิลร้อยละ 90 ของปริมาณขยะในรีสอร์ต ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการแปรรูปขยะเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ และในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ ทางรีสอร์ตจะเริ่มช่วยเหลือเกาะที่อยู่บริเวณโดยรอบในเรื่องการลดปริมาณขยะ
กิจกรรมอาสาเพื่อสังคม
“การรักษาและอนุรักษ์แหล่งกำเนิดทางธรรมชาติเพื่อระบบนิเวศเป็นกระแสที่ได้รับความสนใจมากในแอฟริกา” มิกเกลสัน กล่าว และอธิบายว่า ต้นน้ำของแม่น้ำโอกาวางโกเป็นเนินป่าเล็ก ๆ ในแองโกลา การตัดต้นไม้หรือการใช้ที่ดินภายในบริเวณดังกล่าวส่งผลให้ดินดอนสามเหลี่ยมโอกาวางโกในบอตสวานาตกอยู่ในภาวะเสี่ยง เช่นเดียวกันกับป่ามาอูที่เป็นต้นน้ำของแม่น้ำมาราและแม่น้ำอื่น ๆ ในเคนยา กำลังถูกทำลายอย่างรวดเร็ว การท่องเที่ยวในบริเวณดังกล่าวสามารถมีส่วนช่วยปกป้องทรัพยากรธรรมชาติได้
สำหรับนักเดินทางที่ต้องการช่วยเหลือ “ความร่วมมือของประชาชนโดยการเป็นอาสาสมัครมีส่วนช่วยเรื่องการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ โดยนักท่องเที่ยวเป็นอีกหนึ่งแหล่งข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ได้” เบิร์น กล่าว และเสริมว่า “มีตัวอย่างของนักท่องเที่ยวในอะแลสกาส่งรูปวาฬให้กับ Happywhale เพื่อให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจประชากรวาฬและการอพยพของวาฬได้ดีขึ้น เพราะนักวิจัยไม่สามารถลงพื้นที่ได้ตลอดเวลา และเทคโนโลยีของนักท่องเที่ยวมีส่วนช่วยเหลืองานวิจัยนี้ได้”
Earthwatch องค์กรสิ่งแวดล้อมไม่หวังผลกำไร เปิดรับอาสาสมัครในงานทางด้านวิทยาศาสตร์ทั่วโลก โครงการล่าสุดคือการศึกษาความหลากหลายทางชีวภาพในคิวบา โดย Llomas de Banao Ecological Reserve และ Tunas de Zaza Wildlife Refuge โดยให้นักท่องเที่ยวร่วมเก็บข้อมูลเกี่ยวกับนก ติดตามสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก และสำรวจต้นไม้เพื่อช่วยนักวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการวิจัย
ผู้หญิงเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น
“เราเห็นจำนวนนักท่องเที่ยวที่เป็นกลุ่มผู้หญิงเพิ่มมากขึ้น” แคโรล แคมบาตา ประธาน Greaves Tours ที่เชี่ยวชาญเรื่องการท่องเที่ยวในประเทศอินเดีย กล่าว บริษัท Remote Lands ของ Heald จัดการท่องเที่ยวสำหรับกลุ่มผู้หญิงเท่านั้นในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น กัมพูชา ลาว เวียดนาม และไทย
“ผู้หญิงมักสนับสนุนผู้หญิงด้วยกันเอง บริษัทจึงจ้างไกด์ผู้หญิงและนำเข้าสินค้าจากบริษัทที่มีผู้หญิงเป็นเจ้าของ” บราวน์ กล่าว ในแอฟริกาใต้มีหน่วยงานป้องกันการลุกล้ำพื้นที่ป่า Black Mamba Anti-Poaching Unit ที่นำกลุ่มโดยสตรีชาวแอฟริกัน
การพักผ่อนเพื่อสุขภาพท่ามกลางธรรมชาติ
“นักท่องเที่ยวมีความต้องการกลับสู่ความเรียบง่ายด้วยธรรมชาติบำบัดและเสียงบำบัด” เกรย์ จาก Gray & Co. กล่าว แบรดลีย์เห็นด้วยและเสริมว่า “ที่พักหลาย ๆ แห่งมีโปรแกรมที่ออกแบบเฉพาะเพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงตนเอง ไม่ใช่แค่ร่างกายและจิตใจ แต่รวมถึงประโยชน์ทางจิตใจและวิญญาณของการเชื่อมต่อกับธรรมชาติ” โดยสามารถสัมผัสประสบการณ์ดังกล่าวได้ที่ Blackberry Mountain ในเทนเนสซี, Shou Sugi Ban House ในนิวยอร์ก, Four Seasons Resort ในเชียงใหม่ และโปรแกรม Asaya ที่ Roeswood Hotels and Resorts
ปกติแล้วซาฟารีในแอฟริกาคือการท่องเที่ยวเพื่อประสบการณ์กับธรรมชาติและสัตว์ป่า แต่มีรีสอร์ตแห่งหนึ่งเชี่ยวชาญด้านสุขภาพอย่าง Six Senses กำลังเริ่มลงทุนในซาฟารี
***แปลและเรียบเรียงโดย ภูม บุญมาแย้ม
โครงการนักศึกษาฝึกงาน กองบรรณาธิการ นิตยสารเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ฉบับภาษาไทย