เทพธิดา กุมารี – เทวนารีผู้ยังมีลมหายใจ
กุมารี ของชาวเนปาล
ในห้องกว้างสัก 2 ตารางเมตร มีแสงสว่างจากหลอดไฟพอประมาณ ผสานกับแสงจากลำเทียนที่ตั้งปะปนกับจานชามที่ใส่เครื่องเซ่น ประเภทขนม ผลไม้ ระเกะระกะอยู่บนพื้นอันเกลื่อนกล่นด้วยเมล็ดข้าว กลีบดอกไม้ ผงสีแดง ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของเครื่องเซ่นสังเวยบูชาเทพเจ้า เหมือนอย่างที่เราเห็นจนชินตาตามเทวสถานมากมายในประเทศนี้ – เนปาล ซึ่งตามธรรมเนียมจะมิได้ประดิษฐานเทวรูปไว้บนหิ้งสูง แต่จะประทับวางเทวรูปไว้กับพื้น ประหนึ่งให้ท่านได้สัมผัสพื้นโลก
ต่างกันก็ตรงที่เทวรูปเบื้องหน้าผมขณะนี้ มิได้สร้างจากศิลาจำหลัก หรือเครื่องสำริดขัดเป็นมันวาวแบบที่เคยเห็น แต่เป็นเด็กหญิงวัยราว 11-12 ปี ในชุดสีแดงเพลิง ใบหน้ามีจุดเด่นที่การเขียนขอบตาดำ และลากเส้นที่หางตาตวัดยาวไปจนถึงไรผม นั่งสงบนิ่งบนบัลลังก์ไม้แกะสลักรูปพญานาคเกี่ยวกระหวัด
เหนือสิ่งอื่นใด เธอยังมีชีวิต มีเลือดเนื้อและมีลมหายใจ เป็นที่เคารพสักการะ ในฐานะร่างประทับทรงของเทพนารีผู้คุ้มครองเมือง นามว่า “ตะเลจูภวานี” เธอจึงถูกเรียกขานว่าเป็น “เทพธิดากุมารี” หรือเทวนารีผู้ยังมีลมหายใจ (Living Goddess)
ผมก้มลงกราบเธอด้วยอาการประหม่า ขณะที่เธอทอดสายตานิ่งและเฉย ก่อนจะใช้นิ้วหยิบผงสีและเมล็ดข้าวมาเจิมที่กลางหน้าผากของผมอย่างรวดเร็ว แทนความหมายว่าเทพนารีองค์นี้ได้ประทานพรให้ โดยไม่ต้องเปล่งเสียงกล่าวมนตราใดๆ ออกมาแม้แต่คำเดียว นี่เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่ได้เข้าใกล้ชิดสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวเนปาลแห่งเมืองลลิตาปูร์คารพนับถือสูงสุด แม้เธอจะมีความสำคัญเป็นอันดับสอง รองจากกุมารีหลวงแห่งนครกาฐมาณฑุ แต่เป็นที่ทราบกันดีว่ากฎระเบียบในวังกุมารีหลวงนั้นเข้มงวด จนยากที่ใครจะเข้าถึงองค์อย่างใกล้ชิดเช่นนี้ได้ นอกจากไปยืนเฝ้าคอยให้ท่านปรากฏองค์ที่ช่องพระแกลของพระราชวัง เพียงชั่วประเดี๋ยวประด๋าว
ชาวหุบเขากาฐมาณฑุ ทั้งฮินดูและพุทธ มีความเชื่อร่วมกันว่า “ตะเลจูภวานี” คือเทพนารีผู้ปกปักรักษาหุบเขานี้ให้ร่มเย็นเป็นสุข ตามตำนานเล่าขานว่า เมื่อราว 300 ปีก่อน องค์ตะเลจูฯ เคยปรากฏพระองค์ในร่างเทพธิดาผู้เลอโฉม ลงมาเล่นสกากับกษัตริย์ราชวงศ์มัลละอยู่เนือง ๆ จนราตรีหนึ่ง กษัตริย์เกิดอารมณ์ปรารถนาถึงขั้นแตะเนื้อต้องตัวองค์ตะเลจูฯ ยังความเดือดดาลให้เทพธิดาถึงขั้นไม่ปรากฏองค์ให้เห็นอีก แต่จะมาประทับในร่างทรงที่เป็นเด็กหญิงพรหมจารี มีสถานะเป็นเทพธิดาที่มีลมหายใจ ให้ทุกคนกราบไหว้บูชา
![ลลิตาปูร์, เนปาล, ตำนาน, ความเชื่อ](https://i2.wp.com/ngthai.com/app/uploads/2020/06/กุมารี-3.jpg?resize=640%2C418&ssl=1)
โดยกระบวนการค้นหาว่าเด็กหญิงคนไหนคือร่างทรง เริ่มจากผู้เชี่ยวชาญจากสำนักพระราชวัง คัดเลือกเด็กหญิงอายุ 4-5 ขวบ จากตระกูลศากยะ ต้นวงศ์พระพุทธเจ้า ด้วยเชื่อว่าเป็นตระกูลที่สืบเชื้อสายบริสุทธิ์ เพราะมีประเพณีเคร่งครัดที่จะไม่แต่งงานข้ามสกุล เด็กหญิงที่ได้รับการคัดเลือกต้องมีคุณลักษณะครบ 32 ประการ เช่น สุขภาพสมบูรณ์ ผิวพรรณเกลี้ยงเกลา ผมดำ ตาดำ ฟันเรียบติดกันและมีสีขาวเงางาม ลิ้นเล็กได้รูป ลำคอกลมกลึงดั่งหอยสังข์ ไม่มีกลิ่นตัว ฯลฯ
จากนั้นก็จะนำเด็กหญิงไปทดสอบ ให้นั่งในห้องมืดที่มีหัวควายที่เพิ่งผ่านพิธีบูชายัญประดับอยู่โดยรอบ และมีคนสวมหน้ากากปีศาจออกมาร่ายรำ ส่งเสียงโหยหวนน่าสะพรึงกลัว เพื่อพิสูจน์ว่าเธอคือองค์ตะเลจู ที่ไม่มีอะไรจะมาหลอกหลอนได้ หากเด็กหญิงมีความสงบเยือกเย็น ไม่หวาดกลัวจนร่ำไห้ เธอจะได้ไปเลือกเสื้อผ้าและเครื่องประดับของกุมารีองค์ก่อนให้ถูกต้อง
![กุมารี, เทพเจ้า, เนปาล, ความเชื่อ](https://i1.wp.com/ngthai.com/app/uploads/2020/06/กุมารี-4.jpg?resize=640%2C817&ssl=1)
แล้วครั้นเมื่อโหราจารย์ตรวจสอบโดยละเอียดว่าเธอมีดวงชะตาสมพงษ์กับพระชะตาแห่งพระราชา เธอจะได้รับการแต่งตั้งเป็น “เทพธิดากุมารี” และจะต้องย้ายมาประทับ ณ วังกุมารี ภายในจัตุรัสพระราชวังกาฐมาณฑุ เพื่อจะได้รับการเคารพสักการะจากประชาชนในฐานะ “ตะเลจูภวานี” ที่มีลมหายใจ ตราบจนกระทั่งถึงวาระที่มีประจำเดือน หรือมีอุบัติเหตุอันเป็นเหตุให้พระโลหิตหลั่ง จึงจะพ้นจากตำแหน่ง ซึ่งโดยเฉลี่ยแต่ละคนจะเป็นกุมารีอยู่ราว 7-8 ปี
![กุมารี, เทพเจ้า, เนปาล, ความเชื่อ](https://i1.wp.com/ngthai.com/app/uploads/2020/06/กุมารี-5.jpg?resize=640%2C480&ssl=1)
ในขณะที่กุมารีแห่งเมืองลลิตาปูร์ มีระเบียบให้ประทับอยู่ที่บ้านได้ และได้ออกไปร่วมงานเทศกาลสำคัญของเมืองปีละหลายๆ ครั้ง (กุมารีหลวงได้ออกนอกวังปีละแค่ 3 วันในเทศกาลอินทรฉัตรา) โดยกุมารีองค์ที่ผมได้คารวะ มีอายุสิบขวบ เกิดในตระกูลนักบวชแห่งศาสนาพุทธนิกายวัชรยาน เธอมีชื่อว่า “อนิตา วัชราจารย์” ซึ่งหากดูจากรูปที่ถ่ายไว้ในวันรับตำแหน่ง นับว่ามีหน้าตาและผิวพรรณดี ต้องตรงกับคุณสมบัติของผู้ที่คู่ควรเป็นเทพธิดากุมารี ต่างกับที่ผมเห็นองค์จริง ซึ่งจะทรงนิ่ง ไม่ยิ้ม ไม่สบตา ตามสถานะที่เป็นเทพให้คนกราบไหว้
เคยมีองค์กรสิทธิมนุษยชน กล่าวหาว่าธรรมเนียมความเชื่อเรื่องกุมารี นำมาซึ่งการละเมิดสิทธิเด็ก แต่ได้รับคำอธิบายว่า ปัจจุบัน กุมารีได้เรียนหนังสือในระหว่างดำรงตำแหน่ง หากเจ็บไข้มีหมอรักษา ดีกว่าแต่ก่อนมาก ครอบครัวกุมารีเองก็ถือเป็นเกียรติยศของวงษ์ตระกูล ที่สำคัญ เป็นความเชื่อถือศรัทธาของชาวเนปาลมานาน
![](https://i1.wp.com/ngthai.com/app/uploads/2020/06/กุมารี-6.jpg?resize=640%2C853&ssl=1)
![](https://i2.wp.com/ngthai.com/app/uploads/2020/06/กุมารี-7.jpg?resize=640%2C480&ssl=1)
แม้แต่รัฐบาลที่มีเสียงข้างมากมาจากพรรคคอมมิวนิสต์ (กลุ่มนิยมลัทธิเหมา) เคยมี พยายามยกเลิกตำแหน่งนี้ หลังจากใช้เสียงข้างมาก ออกกฎหมายยกเลิกระบอบกษัตริย์ของเนปาลสำเร็จในปี 2551 แต่ที่สุดก็ต้องยอมเปลี่ยนท่าที เมื่อมีเสียงต่อต้านจากชาวเนปาล ที่ยังมีความเชื่ออยู่มากว่า บ้านเมืองจะระส่ำระสาย หากไร้สิ้นซึ่งกุมารี จนมีคำกล่าวว่า เด็ดดอกไม้สะเทือนดวงดาว เด็ดกุมารีหนาวสะท้านทั้งหิมาลัย
เรื่องและภาพถ่าย: ธีรภาพ โลหิตกุล
ภาพเปิดจากสารคดีฉบับเดือนมิถุนายน ปี 2015 โดย
เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ : นักล่าน้ำผึ้งคนสุดท้าย
![](https://i0.wp.com/ngthai.com/app/uploads/2017/07/bee4.jpg?resize=640%2C424&ssl=1)