เขตปลอดทหารเกาหลี เหนือ-ใต้ มรดกที่ยังมีชีวิตจากยุคสงครามเย็น ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม
เขตปลอดทหารเกาหลี ที่แผ่ขยายไปในความยาวราว 241 กิโลเมตรตามเส้นขนานที่ 38 นี้ก่อตั้งขึ้นในปี 1953 ในฐานะพื้นที่กันชนระหว่างประเทศเศรษฐกิจคอมมิวนิสต์ฝั่งเหนือและประเทศเศรษฐกิจทุนนิยมฝั่งใต้ ในทุกวันนี้ เขตปลอดทหารเกาหลี ได้แทรกซึมเข้าไปในวัฒนธรรมเกาหลี ในฐานะหนึ่งในเขตชายแดนที่มีการป้องกันมากที่สุดในโลก และยังเป็นมรดกที่ยังมีชีวิตจากยุคสงครามเย็น
แม้จะเป็นที่รับรู้ว่าทั้งสองเกาหลีเป็นชาติที่มีความแตกต่างกัน แต่ก็เป็นเวลานับพันปีมาแล้วที่ครั้งหนึ่ง สองเกาหลีเคยเป็นแผ่นดินเดียวกัน ในปี 1945 ในช่วงบทสรุปของสงครามโลกครั้งที่สอง สหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตได้แบ่งแยกคาบสมุทรแห่งนี้ที่เส้นขนานที่ 38 โดยมิได้คำนึงถึงความรู้สึกของชาวเกาหลีแต่อย่างใด
การถูกแบ่งแยกตามอำเภอใจเนื่องจากอุดมคติทางการเมืองที่ขัดแย้ง การปกครองแบบล่วงละเมิด และความตึงเครียดระหว่างฝั่งเหนือและใต้ ได้ยกระดับกลายเป็นสงคราม 3 ปี อย่างสงครามเกาหลี ซึ่งส่งผลเสียหายต่อประชาชนอย่างยิ่ง
ในวันที่ 27 กรกฎาคม 1953 เขตปลอดทหารได้ถูกก่อตั้งขึ้นในฐานะส่วนหนึ่งของการเจรจาหยุดยิงระหว่างองค์การสหประชาชาติและกองกำลังคอมมิวนิสต์ โดยไม่มีการลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพจนทุกวันนี้
“[นักท่องเที่ยว] รับรู้ว่าชายแดนแห่งนี้เป็นสัญลักษณ์ของภูมิทัศน์ทางวัฒนธรรมซึ่งเต็มไปด้วยพื้นที่อันโดดเด่นและเป็นสถานที่ซึ่งสะท้อนถึงความทรงจำร่วมสาธารณะ” วารสารนานาชาติแห่งการวิจัยการท่องเที่ยวกล่าวและเสริมว่า “ความทรงจำดังกล่าวเน้นไปยังอดีตและสงครามที่กำลังเกิดขึ้น หรือความขัดแย้งในพื้นที่ชายแดนซึ่งได้สร้างเขตชายแดนนี้ขึ้นมา”
การท่องเที่ยวสามารถเป็นแรงผลักดันสู่สันติภาพ: เป็นกลไกที่จะส่งเสริมความเห็นอกเห็นใจและสนับสนุนกระบวนการประนีประนอมระหว่างประเทศ นอกเหนือไปจากการฟูมฟักการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม มีงานวิจัยกล่าวว่าประเทศที่เปิดและมีอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนจะมีระดับของภาวะสันติภาพมาก มีความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ และความสามารถในการปรับตัวได้ดี
ภาพ DAVID GUTTENFELDER
ภาพทุกภาพมีลิขสิทธิ์