“ในแถบเทือกเขาเซียร์รามาเดรของกัวเตมาลา
เส้นทางเดินป่าน่าตื่นตาเส้นหนึ่งพาคุณเข้าใกล้ภูเขาไฟมีพลัง
ที่สุดลูกหนึ่งของอเมริกากลาง แต่อยู่ในระยะที่ปลอดภัย”
สูงขึ้นไปบนเทือกเขาเซียร์รามาเดราในกัวเตมาลา โวลกันเดฟวยโกคืออัศจรรย์ทางธรณีวิทยาที่มอบประสบการณ์การเดินทางสุดพิเศษ ภูเขาไฟลูกนี้มองเห็นได้ดีที่สุดจากมุมสูงบนยอดเขาเพื่อนบ้าน นั่นคือโวลกันเดอากาเตนันโก ภูเขาไฟไม่มีพลังความสูง 3,976 เมตร ซึ่งเป็นภูเขาสูงที่สุดเป็นอันดับสามในกัวเตมาลา เส้นทางเดินป่าคดเคี้ยวพาผู้มาเยือน ผ่านไร่กาแฟเขียวชอุ่ม และป่าเมฆ ขึ้นสู่ภูมิประเทศงามแปลกตาใกล้ยอดเขา จากที่นั่น รางวัลที่คุณได้รับคือ ภาพภูเขาไฟฟวยโกพ่นแก๊สและเถ้าถ่าน ขณะที่พื้นดินเบื้องล่างส่งเสียงสะเทือนเลื่อนลั่น

จุดเริ่มต้นการเดินทางที่สะดวกที่สุดคือจากแอนติกากัวเตมาลา เมืองเล็ก ๆ ยุคอาณานิคมที่ถนนหนทางปูด้วยหินและทำหน้าที่เมืองหลวงของกัวเตมาลาจนกระทั่งถึงปลายศตวรรษที่สิบแปด ต่อมากลายเป็นศูนย์กลางการผลิตกาแฟ และเมื่อไม่นานมานี้ก็ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของยูเนสโก ซึ่งเป็นการยอมรับที่ช่วยให้มรดกทางสถาปัตยกรรมอันรุ่มรวยของสเปนได้รับการปกป้อง ที่ระดับความสูง 1,520 เมตรเหนือระดับทะเล เมืองนี้จึงเป็นจุดพักให้บรรดานักผจญภัยใจกล้าใช้เวลาปรับตัวกับความสูงและลิ้มลองอาหารท้องถิ่นรสเลิศ
นักเดินทางไม่ว่าจะเลือกใช้บริการมัคคุเทศก์ท้องถิ่นหรือไม่ใช้ มักเริ่มจากหมู่บ้านลาโซเลดัดซึ่งเป็นจุดปล่อยตัว การเดินขึ้นสู่เบสแคมป์ของอากาเตนันโกใช้เวลาเฉลี่ยห้าถึงหกชั่วโมงขึ้นอยู่กับฝีเท้าและสภาพอากาศ ผู้ให้บริการบางรายเสนอทางเลือกในการขี่ม้าสำหรับผู้สนใจ แต่ไม่ว่าอย่างไร ช่วงสุดท้ายของการปีนขึ้นสู่ยอดเขาอากาเตนันโกต้องใช้การเดินเท้าเท่านั้น และแม้จะสามารถขึ้นไปถึงยอดเขาและกลับลงมาได้ภายในวันเดียวโดยใช้เวลา 10 ถึง 12 ชั่วโมง นักเดินทางจำนวนมากมักเลือกทริปที่ใช้เวลาสองวันโดยพักค้างคืนที่เบสแคมป์ ก่อนออกเดินสู่ปากปล่องภูเขาไฟอาการเตนันโกในวันรุ่งขึ้น รางวัลที่รออยู่คือภาพอันน่าตื่นตาของภูเขาไฟฟวยโก เสียงลาวาเดือดปุด ๆ และทอแสงเรืองรองใต้ท้องฟ้าพร่างดาว ก่อนดวงอาทิตย์จะโผล่พ้นขอบฟ้ามาทักทาย

นักเดินทางที่ขึ้นไปพักแรมควรเตรียมพร้อมสำหรับความเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ ซึ่งในช่วงเวลากลางวันอาจสูงราว 20 องศาเซลเซียสและต่ำกว่าจุดเยือกแข็งในตอนกลางคืน ช่วงเวลาที่สามารถชมภูเขาไฟฟวยโกได้ชัดเจนที่สุดคือระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเมษายนซึ่งเป็นฤดูแล้ง แม้ว่าการปะทุของภูเขาไฟอาจคาดเดาได้ยากในแต่ละวัน นอกจากภูเขาไฟฟวยโกและอากาเตนันโกแล้ว ในภูมิทัศน์เดียวกันยังมีภูเขาไฟลูกที่สามชื่ออากวาด้วย แต่ดึงดูดนักเดินทางน้อยกว่า แม้ฟวยโกและอากาเตนันโกจะไม่เชื่อมต่อกับอากวาในทางกายภาพ แต่ภูเขาไฟทั้งสามลูกเป็นส่วนหนึ่งของแนวภูเขาไฟอเมริกากลาง (Central American Volcanic Arc) ที่ทอดยาวราว 1,300 กิโลเมตรจากปานามาถึงเม็กซิโก
การเดินทางสู่อากาเตนันโกเพื่อชมภูเขาไฟฟวยโกแม้จะท้าทาย แต่ก็กลายเป็นทริปปีนเขายอดนิยมทริปหนึ่งของอเมริกากลาง และสำหรับนักเดินทางค้างแรมที่มาเยือนพร้อมมัคคุเทศก์ รางวัลที่คู่ควรยังมาในรูปของไวน์รสเลิศและท้องฟ้าเรื่อเรืองด้วยแสงดาวและลาวา

เคล็ดลับท่องเที่ยว
เพื่อสัมผัสประสบการณ์อย่างจุใจและปลอดภัย แนะนำให้เดินทางแบบกลุ่มพร้อมมัคคุเทศก์ท้องถิ่น ผู้ให้บริการ เช่น OX Expeditions มีแพกแกจทั้งแบบไปเช้าเย็นกลับและค้างคืนให้เลือก ทั้งสองทางเลือกมาพร้อมกับมัคคุเทศก์สองภาษา และบริการรถรับส่งจากแอนติกา สำหรับทริปค้างคืน OX Expeditions จัดหาอาหารและที่พักให้ นักเดินทางต้องเตรียมเสื้อผ้าหนาๆ รองเท้าบูตทนทาน ครีมกันแดด และของว่างมาเอง

หาข้อมูลก่อนเดินทาง
ภูเขาไฟฟวยโกปะทุเกือบทุกวัน และบางครั้งวันละหลายครั้ง โดยพ่นก๊าซและเถ้าถ่านปริมาณไม่มากนัก อย่างไรก็ตามการปะทุครั้งใหญ่และทำลายล้างเคยเกิดขึ้นมาก่อนโดยเฉพาะเมื่อปี 2018 มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก และมีรายงานผู้เสียชีวิตกว่า 200 คน แนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับภูเขาไฟฟวยโกประจำสัปดาห์ได้ที่เว็บไซต์ volcano.si.edu ของสถาบันสมิทโซเนียน
เรื่อง เอริก พีเนโด
ภาพถ่าย ปีเตอร์ ฟิชเชอร์
แปล กองบรรณาธิการ