เรื่อง เดวิด ควาเมน
ภาพถ่าย สตีเฟน วิลก์ส
ในช่วงต้นปี 1916 สหรัฐฯมีแนวคิดอันบรรเจิดและเปี่ยมวิสัยทัศน์ แม้จะยังมีความสับสนและไม่เป็นรูปเป็นร่างนักก็ตาม นั่นคือการก่อตั้งอุทยานแห่งชาติ (National Park) ซึ่งจะเป็นอุทยานสำหรับชาวอเมริกันทุกคน เป็นอุทยานที่ใช้ร่วมกัน แม้กระทั่งกับผู้มาเยือนจากทั่วทุกมุมโลก
เวลานั้นมีอุทยานแห่งชาติเกิดขึ้นแล้ว 14 แห่งทั่วสหรัฐฯ อุทยานเก่าแก่ที่สุดคือเยลโลว์สโตน ซึ่งได้รับการสงวนไว้ภายใต้กฎหมายของรัฐบาลกลางเมื่อปี 1872 ให้เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของโลก ส่วนอุทยานแห่งอื่นๆของสหรัฐฯซึ่งเป็นตัวอย่างอันหลากหลายของภูมิทัศน์ที่ยิ่งใหญ่ ล้วนตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำมิสซิสซิปปี เช่น โยเซมิทีในรัฐแคลิฟอร์เนีย วินด์เคฟในรัฐเซาท์ดาโคตา เกลเชียร์ในรัฐมอนแทนา และร็อกกีเมาน์เทนในรัฐโคโลราโด นอกจากนี้ยังมีอนุสรณ์สถานแห่งชาติ (National Monument) อีก 21 แห่ง ซึ่งเป็นรูปแบบการคุ้มครองที่เกิดขึ้นได้ง่ายกว่า เพราะสามารถกำหนดโดยกฤษฎีกาที่ประธานาธิบดีเป็นผู้ลงนามภายใต้รัฐบัญญัติว่าด้วยการคุ้มครองทรัพย์สินทางโบราณคดี (กฎหมายฉบับนี้ผ่านรัฐสภาเมื่อปี 1906) ซึ่งประธานาธิบดีทีโอดอร์ โรสเวลต์ นำมาใช้อย่างแข็งขันในช่วงสามปีสุดท้ายของการดำรงตำแหน่ง รายชื่ออนุสรณ์สถานแห่งชาติรุ่นแรก ได้แก่ เดวิลส์ทาวเวอร์ ชาโกแคนยอน มิวเออร์วูดส์ และแกรนด์แคนยอน
สิ่งที่ประเทศนี้ยังไม่มีเมื่อปี 1916 แต่ตระหนักดีว่าเป็นสิ่งจำเป็นในเวลานั้นก็คือ นิยามที่เห็นพ้องต้องกันของคำว่าอุทยานแห่งชาติ ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานเพียงหนึ่งเดียว ในเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน รัฐสภาได้ผ่านรัฐบัญญัติซึ่งประธานาธิบดีวูดโรว์ วิลสัน เป็นผู้ลงนาม ให้จัดตั้งกรมอุทยานแห่งชาติ (National Park Service) ขึ้นภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงมหาดไทย สตีเฟน แมเทอร์ ชาวแคลิฟอร์เนียผู้ร่ำรวยจากการขายบอแรกซ์หรือน้ำประสานทอง แต่มีความห่วงใยเรื่องการอนุรักษ์ธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง กลายเป็นผู้อำนวยการกรมอุทยานแห่งชาติคนแรก ผู้ช่วยของเขาคือทนายความหนุ่มฐานะยากจนชื่อ ฮอเรซ อัลไบรต์ ลูกชายของวิศวกรเหมืองแร่ เขาเป็นผู้ควบคุมดูแลเยลโลว์สโตนมาตั้งแต่ปี 1919 และได้รับตำแหน่งผู้อำนวยการกรมอุทยานแห่งชาติต่อจากแมเทอร์ในที่สุด หัวหอกคนสำคัญทั้งสองกับพันธมิตรของพวกเขาระดมกำลังสนับสนุนระบบอุทยานและการขยายหน่วยงานใหม่ๆเพิ่มเติม
อุทยานรุ่นแรกทางภาคตะวันตกของสหรัฐฯก่อตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์หลักในการปกปักรักษาสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ ความงดงามของผาหิน น้ำตกและน้ำแข็งถาวร ความรักและความหวงแหน “มหาวิหาร” ทางธรรมชาติของชาวอเมริกัน ทำให้การก่อตั้งอุทยานในสมัยนั้นง่ายกว่าในภายหลัง อีกปัจจัยหนึ่งคือตัวอย่างเชิงลบกรณีน้ำตกไนแอการาซึ่งจุดชมวิวที่ดีที่สุดหลายๆจุดถูกผู้ประกอบการเอกชนกว้านซื้อไปและล้อมรั้ว ทำให้สัญลักษณ์ของชาติกลายเป็นสถานที่จัดการแสดงไร้รสนิยมเพื่อหากำไร การปกป้องคุ้มครองสิ่งมีชีวิต เช่น ไบซันในเยลโลว์สโตนหรือสนซีคัวยายักษ์ กลายเป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดนี้เช่นกัน ทว่ากว่าจะมีการอนุมัติให้จัดตั้งอุทยานแห่งชาติของสหรัฐฯเพื่อจุดประสงค์ในการคุ้มครองสัตว์ป่าเป็นหลักเวลาก็ล่วงเลยมาถึงปี 1947 นั่นคืออุทยานแห่งชาติเอเวอร์เกลดส์ พื้นที่ชุ่มน้ำกว้างใหญ่ไพศาลในรัฐฟลอริดา ซึ่งปราศจากภูเขาหรือหุบผาชัน แต่มีนกและอัลลิเกเตอร์ชุกชุม
นับแต่นั้นมา อุทยานแห่งชาติของสหรัฐฯก็ค่อยๆดำเนินตามวัตถุประสงค์อันซับซ้อนมากขึ้นเป็นลำดับในการอนุรักษ์ความหลากหลายทางธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นพรรณพืชและพรรณสัตว์ในท้องถิ่น ระบบนิเวศ แหล่งน้ำที่ไหลรินอย่างอิสระ หรือลักษณะทางธรณีวิทยาที่งดงามตามธรรมชาติ ในฐานะตัวอย่างโครงสร้างอันซับซ้อนของโลกที่มีความเชื่อมโยงกันอยู่ใช่เพียงในฐานะดินแดนมหัศจรรย์ที่มีทิวทัศน์สวยงาม อุทยานยังช่วยให้เรามองเห็นภาพภูมิทัศน์ของดินแดนและสิ่งมีชีวิตที่อาศัยพักพิง ก่อนหน้าที่ทางรถไฟ รถยนต์ และโรงแรมที่พักจะเข้ามา อุทยานถ่ายทอดภาพจากอดีตมาสู่ปัจจุบัน และถ้าเรามีจุดยืนที่แน่วแน่และปัญญาที่หลักแหลมยิ่งขึ้น อุทยานจะถ่ายทอดภาพในปัจจุบันไปสู่อนาคตได้เช่นกัน