วิจัยใหม่เผย สุนัขสามารถดมกลิ่นผู้ป่วนโรคพาร์กินสันได้แม่นยำถึง 98%

วิจัยใหม่เผย สุนัขสามารถดมกลิ่นผู้ป่วนโรคพาร์กินสันได้แม่นยำถึง 98%

“น้องหมาสามารถดมกลิ่นโรคพาร์กินสันได้หลายปี

ก่อนจะปรากฏอาการด้วยความแม่นยำสูง

งานวิจัยใหม่เผยให้เห็นว่าผู้ป่วยโรดนี้มีกลิ่น

ที่สามารถตรวจจับได้ด้วยสุนัขที่ผ่านการฝึก”

โรคพาร์กินสันเป็นหนึ่งในโรคที่มีความท้าทายมากที่สุด ข้อมูลจากมูลนิธิพาร์กินสันระบุว่าปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคนี้มากกว่า 10 ล้านคนทั่วโลก แต่สิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่าคืออัตรการเติบโตของโรคกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยรายงานในปี 2021 คาดการณ์ว่าอาจเพิ่มขึ้นเป็น 25 ล้านคนภายในปี 2050 นี้

ด้วยเหตุนี้การทำความเข้าใจโรคให้ดียิ่งขึ้นจึงเป็นเรื่องเร่งด่วน ซึ่งในปัจจุบันโรคพาร์กินสันยังไม่มีวิธีการทดสอบขั้นแรกของโรคที่แม่นยำ และนั่นทำให้อาการแย่ลงเรื่อย ๆ สร้างปัญหาภาวะทางสมองจนนำไปสู่ปัญหาเกี่ยวกับการเคลื่อนไหว สุขภาพจิต การนอนหลับ ความเจ็บปวด และปัญหาอื่น ๆ 

น่าเศร้าที่ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด การบำบัดและยาสามารถบรรเทาอาการได้บางส่วนเท่านั้น ทว่าอาการกล้ามเนื้อสั่นเกร็งอย่างเจ็บปวดและการพูดที่ลำบากก็ทำให้ผู้ป่วยทุกข์ทรมาน และบางคนก็พัฒนาเป็นโรคสมองเสื่อมเพิ่มเติม 

“ปัจจุบันเรายังไม่มีการทดสอบโรคพาร์กินสันในระยะเริ่มต้น และอาการอาจเริ่มปรากฏให้เห็นนานถึง 20 ปีก่อนที่จะปรากฏชัดและคงอยู่ต่อไป ซึ่งนำไปสู่การวินิจฉันที่ได้รับการยืนยัน (ในภายหลัง)” แคลร์ เกสต์ (Claire Guest) ซีอีโอของ Medical Detection Dogs และ ผู้เขียนงานวิจัยกล่าว

“การวินิจฉันอย่างทันท่วงทีเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากการรักษาที่ตามมาอาจช่วยชะลอการลุกลามของโรคและลดความรุนแรงของอาการได้” เธอเสริม

น้องหมามาแล้ว

ในงานรายงานใหม่ที่เผยแพร่บนวารสาร The Journal of Parkinson’s Disease ทีมวิจัยจาก Medical Detection Dogs ซึ่งเป็นองค์กรการกุศล ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยบริสตอลและแมนเชสเตอร์ ได้ฝึกสุนัขสองตัวคือ บัมเปอร์-โกลเด้นรีทรีฟเวอร์สุดร่าเริง และ พีนัท-ลาบราดอร์รีทรีฟเวอร์สีดำ ให้แยกแยะกลิ่นจากสำลีของผู้ป่วยและไม่ป่วยโรคพาร์กินสัน

ทั้งคู่ได้รับการฝึกเป็นเวลาหลายสัปดาห์กับตัวอย่างกลิ่นมากกว่า 200 ตัวอย่างจากผู้ที่มีผลตรวจโรคพาร์กินสันเป็นพวก และตัวอย่างควบคุมจากผู้ที่ไม่มีโรค น้องหมาจะได้ดมบนแท่นทดสอบ และได้จะรับรางวัลเมื่อระบุตัวอย่างที่เป็นบวกได้อย่างถูกต้องกับละเว้นตัวอย่างที่เป็นลบได้อย่างถูกต้องเช่นกัน

สิ่งสำคัญคือการทดสอบเหล่านี้เป็นการทดสอบแบบ ‘อำพรางทั้งสองฝ่าย’ ซึ่งหมายความว่าทั้งมนุษย์และสุนัขจะไม่มีทางรู้ว่าตัวอย่างที่ถูกต้องอยู่ตรงไหน มีแค่เพียงคอมพิวเตอร์เท่านั้นที่ทราบ ขณะเดียวกัน ตัวอย่างใดที่ไม่ได้รับการสนใจก็จะถูกนำเสมอใหม่ในลำดับย้อนกลับจนกว่าจะบอกได้ทั้งหมดว่า ‘ใช่หรือไม่’ 

ผลลัพธ์นั้นน่าทึ่งมาก “เราภูมิใจอย่างยิ่งที่จะกล่าวอีกครั้งว่า สุนัขสามารถตรวจจับโรคได้อย่างแม่นยำมาก” เกสต์ กล่าว 

บัมเปอร์และพีนัท มีความไวในการตรวจจับสูงถึง 80 เปอร์เซ็นหรือก็คือสามารถระบุโรคพาร์กินสันในตัวอย่างได้ร้อยละ 80 ของตัวอย่างทั้งหมด ในทำนองเดียวกัน ทั้งคู่ก็สามารถให้ระบุตัวอย่างลบในกลุ่มควบคุมได้ถูกต้องร้อยละ 98 ซึ่งสูงกว่า ‘ความบังเอิญ’ อย่างน่าทึ่ง

“สุนัขในการศึกษานี้มีความไวและความจำเพาะสูง ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีลายเซ็นของกลิ่นเฉพาะตัวของผู้ป่วยโรคนี้” นิโคลา รูนีย์ รองศาสตราจารย์ประจำคณะสัตวแพทยศาสตร์บริสตอล มหาวิทยาลัยบริสตอล กล่าว “ระดับความไว 70% (ของบัมเปอร์) และ 80% (ของพีนัท) นั้นถือว่าสูงกว่าความน่าจะเป็น และผมเชื่อว่าสุนัขสามารถช่วยเราพัฒนาวิธีการที่รวดเร็ว ไม่รุกราน และคุ้มค่าในการระบุผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน” 

ยังไงก็ตามทีมวิจัยเน้นย้ำว่าต้องมีการศึกษาต่อไป โดยเฉพาะวิธีการฝึกน้องหมา เนื่องจากแต่ละตัวมีความสามารถแตกต่างกันไป ซึ่งในตอนแรกพวกเขาฝึกสุนัข 10 ตัว จากเหลือเพียง 5 ตัวที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่อาจเกิดขึ้นได้ 

ต่อมาเมื่อการฝึกเริ่มเข้มข้นขึ้นก็มี 3 ตัวที่สอบตก จนในที่สุดก็เหลือเพียงบัมเปอร์และพีนัทเท่านั้นที่มีสิทธิเข้าสอบปลายภาค ซึ่งยังถือว่าเป็นจำนวนน้อยมาก ทว่ามันก็เปิดประตูสู่โอกาสใหม่ ๆ มากมาย 

“แม้ว่าเราจะไม่ได้คาดการณ์ว่าสุนัขจะสามารถวินิจฉัยโรคได้ แต่หากปรับปรุงให้ดีขึ้น สุนัขอาจช่วยยืนยันวิธีการที่มีประโยชน์ทางคลินิก และช่วยในการคัดกรองและวินิจฉัยโรคได้อย่างรวดเร็ว” ทีมวิจัยระบุ

“สิ่งนี้อาจนำไปสู่โอกาสการแทรกแซงได้เร็วขึ้น และเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับกรณีโรคพาร์กินสันที่วินิจฉัยได้ยาก” 

ที่มา

https://journals.sagepub.com

https://www.iflscience.com

https://www.sciencealert.com

https://www.news-medical.net


อ่านเพิ่มเติม : หมูตัวนี้อาจรักษาชีวิตเราได้

Recommend