เต่ามะเฟือง : บันทึกภาคสนามนักอนุรักษ์
ราว 3.00 น. ของวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ท่ามกลางความมืด ณ ชายหาดท่าไทร อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา แสงสีแดงถูกสาดส่องไปบนชายหาด ลูก เต่ามะเฟือง ตัวแล้วตัวเล่าค่อยๆ คลานลงสู่ทะเล ท่ามกลางความปลื้มปีติของสักขีพยาน อาสาสมัครและช่างภาพกว่าร้อยชีวิตที่เฝ้ารออย่างอดทนเป็นเวลาหลายวัน
เรื่อง เพชร มโนปวิตร
ภาพถ่าย ศิรชัย อรุณรักษ์ติชัย
เต่ามะเฟือง (Dermochelys coriacea) หรือ Leatherback turtle เป็นเต่าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีความยาวเมื่อโตเต็มที่ถึงสองเมตร และหนักเกือบหนึ่งตัน เต่ามะเฟืองเป็นสัตว์เลื้อยคลานที่สืบสายพันธุ์มากว่า 100 ล้านปี ประชากรเต่ามะเฟืองในมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดียจัดอยู่ในขั้นใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง (critically endangered)
ในประเทศไทย บริเวณหาดทรายที่ยังเงียบสงบและปราศจากการรบกวนของอุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง และชายหาดบริเวณใกล้เคียง ตั้งแต่เขาหลักในจังหวัดพังงา ลงไปถึงหาดไม้ขาวในจังหวัดภูเก็ต คือแหล่งวางไข่แห่งสุดท้ายของเต่ามะเฟืองในประเทศไทย ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่มีการพบรังเต่ามะเฟืองมากว่า 5 ปีแล้ว การกลับมาวางไข่ของเต่ามะเฟืองจึงนับเป็นข่าวสำคัญของการอนุรักษ์ทะเลไทยในรอบหลายปี
เช้าวันรุ่งขึ้น ข่าวการกำเนิดของลูกเต่ามะเฟืองรังที่สองจำนวน 35 ตัวถูกสื่อสารออกไปทั่วประเทศ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีสัตว์อะไรที่สามารถปลุกกระแสการอนุรักษ์สัตว์ทะเลหายากและระบบนิเวศชายฝั่งของประเทศไทยได้มากขนาดนี้
ไม่กี่วันก่อนหน้าที่ลูกเต่ามะเฟืองจะลืมตาดูโลก ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่รัฐมนตรีเจ้ากระทรวง อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช นักวิชาการ สัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสัตว์ทะเล ตัวแทนจากกองทัพเรือ องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดพังงาและภูเก็ต ตัวแทนภาคเอกชนโรงแรม 11 แห่ง อาสาสมัครและประชาชนกว่า 500 คน มารวมตัวกันเพื่อลงนามในปฏิญญาอนุรักษ์เต่าทะเลแห่งประเทศไทย เพื่อร่วมกันดูแลและปกป้องแหล่งอาศัยและวางไข่ของเต่ามะเฟืองในระยะยาว
“หากเทพธิดาแห่งท้องทะเลมีตัวตน แม่เต่ามะเฟืองตัวนี้แหละคือเธอ อะไรที่เคยผลักดันยากเย็นในสมัยก่อน แม่เต่าตัวเดียวช่วยขับเคลื่อนงานอนุรักษ์ได้อย่างเหลือเชื่อ” ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ หรือ อาจารย์ธรณ์นักวิชาการและผู้ปลุกกระแสการอนุรักษ์ทะเลและสิ่งแวดล้อมในประเทศไทยกล่าว
อาจารย์ธรณ์เป็นหนึ่งในผู้พยายามผลักดันให้มีการขึ้นบัญชีสัตว์ทะเลหายากสี่ชนิดคือเต่ามะเฟือง วาฬบรูด้า วาฬโอมูระ และฉลามวาฬเป็นสัตว์สงวน รวมไปถึงการแก้ปัญหาขยะทะเลอย่างจริงจังด้วยการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ซึ่งภายหลังการขึ้นวางไข่ของเต่ามะเฟือง ประเด็นเหล่านี้ดูจะมีความก้าวหน้าที่เป็นรูปธรรมทั้งการปรับปรุงพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า และแผนการแก้ปัญหาขยะทะเลแห่งชาติที่รวมถึงการแบนพลาสติกใช้แล้วทิ้ง 8 ชนิดในประเทศไทย
นอกจากปัญหาขยะทะเลแล้ว ภัยคุกคามร้ายแรงต่อพื้นที่วางไข่เต่ามะเฟืองและเต่าทะเลทุกชนิดคือโครงการพัฒนาสิ่งก่อสร้างและการเปลี่ยนแปลงสภาพชายหาด หลักฐานโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมชายฝั่งทะเลอันดามันความยาวกว่า 340 เมตร บริเวณวัดเทสก์ธรรมนาวา (วัดท่าไทร) ในพื้นที่อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา ด้วยงบประมาณ 30 ล้านบาท ตั้งอยู่ห่างจากรังเต่ามะเฟืองไปเพียง 200 เมตรเท่านั้น
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้มีการพูดคุยกับกรมโยธาธิการและผังเมือง ในเรื่องหลักการของการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งทั้งหมด ซึ่งปกติแล้วกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จะพยายามไม่ให้มีโครงการลักษณะนี้ในบริเวณชายฝั่ง เพราะการสร้างแนวกันคลื่นที่มีโครงสร้างแข็งจะทำให้ชายหาดบริเวณโดยรอบเปลี่ยนสภาพและได้รับผลกระทบตามไปด้วย
จากการพูดคุยกับผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา เจ้าอาวาสวัดท่าไทร ต่างมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า โครงการนี้อาจมีผลกระทบกับระบบนิเวศชายหาดและพื้นที่วางไข่เต่าในอนาคต กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จึงได้ใช้อำนาจตามมาตรา 17 ของ พระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง สั่งระงับการก่อสร้างเขื่อนไปก่อน แม้จะมีความคืบหน้าไปกว่า 70% แล้วก็ตาม โดยหลังจากนี้อาจมีการพิจารณาปรับแบบเพื่อลดผลกระทบต่อไป
น่าสังเกตว่านี่เป็นการใช้มาตรา 17 ที่มีความเด็ดขาดเป็นครั้งแรกต่อกรณีโครงการก่อสร้างที่อาจมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบนิเวศชายฝั่ง ซึ่งอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเห็นว่าเป็นทางออกในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ และต่อไปจะนำมาใช้กับทุกโครงการที่สร้างแล้วจะกระทบต่อระบบนิเวศและทรัพยากรทางทะเล เพราะขณะนี้มีคณะกรรมการระดับจังหวัด ผู้ทรงคุณวุฒิที่จะมาช่วยคัดกรองความเหมาะสมของโครงการอยู่แล้ว
“หากเทพธิดาแห่งท้องทะเลมีตัวตน แม่เต่ามะเฟืองตัวนี้แหละคือเธอ อะไรที่เคยผลักดันยากเย็นในสมัยก่อน แม่เต่าตัวเดียวช่วยขับเคลื่อนงานอนุรักษ์ได้อย่างเหลือเชื่อ” – ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์
ในแง่ของการสำรวจและวิจัย ดร.ก้องเกียรติ กิตติวัฒนาวงศ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามัน (ภูเก็ต) กล่าวว่า “เรายังต้องการข้อมูลอื่นๆ อีกมากครับในการจัดการอนุรักษ์ประชากรเต่ามะเฟือง โดยเฉพาะเส้นทางการหากิน และพัฒนาการของลูกเต่า อย่างครั้งนี้เราก็พยายามช่วยให้เขามีโอกาสรอดมากที่สุด”ดร.ก้องเกียรติ อธิบายถึงการตัดสินใจขุดรังเต่าเพื่อช่วยเหลือลูกเต่าออกจากรัง เพราะเมื่อตรวจดูอุณหภูมิภายในหลุม พบว่าลูกเต่าได้ออกมาจากไข่หมดแล้ว จากประสบการณ์ติดตามการฟักไข่เต่ามะเฟืองรังที่ 1 พบว่าลูกเต่าชุดที่แข็งแรงน้อยสุดได้ขาดอากาศหายใจตายในหลุม ครั้งนี้เมื่อรอจนครบ 12 ชั่วโมง ซึ่งเป็นช่วงที่น้ำทะเลขึ้นสูงสุดยังไม่มีลูกเต่าขึ้นมา จึงตัดสินใจลงมือขุดหลุมนำลูกเต่าขึ้นวางบนหาดทราย เพื่อให้มีการปรับสภาพก่อนที่จะคลานลงสู่ทะเลได้
ความร่วมมือร่วมใจของทุกภาคส่วนทั้งหน่วยงานราชการ องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคธุรกิจและชุมชนนับเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ภารกิจเฝ้าระวังรังเต่ามะเฟืองตลอด 2 เดือนที่ผ่านมาจนกระทั่งลูกเต่าออกจากไข่และกลับคืนสู่ทะเลประสบความสำเร็จ
“ที่ผ่านมาเราติดตามเรื่องเต่ามะเฟืองมาตลอดครับ น่าดีใจที่ตอนนี้ชุมชนตื่นตัวขึ้นมาก กระแสการอนุรักษ์จากภายนอกก็ดีขึ้น ต้องยอมรับว่าเมื่อก่อนยังมีการลักลอบขุดเอาไข่เต่าไปขายอยู่บ้าง เพราะเป็นของหายากมีราคา การจัดตั้งกองทุนให้รางวัลแก่ชาวบ้านที่ช่วยแจ้งข้อมูลการพบเห็นรังเต่าช่วยลดปัญหานี้ไปได้มาก” พี่ปรารภ หรือ นายปรารภ แปลงงาน หัวหน้าศูนย์ศึกษาและวิจัยอุทยานแห่งชาติทางทะเลจังหวัดภูเก็ต หนึ่งในแกนนำการอนุรักษ์เต่ามะเฟือง อธิบาย
กองทุนอนุรักษ์เต่าทะเลหาดไม้ขาว-หมู่เกาะสุรินทร์-หมู่เกาะสิมิลัน เป็นความร่วมมือกับมูลนิธิเพื่อการอนุรักษ์เต่าทะเลหาดไม้ขาว ซึ่งเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์เต่าทะเล โดยมีการมอบเงินรางวัลให้เพื่อเป็นกำลังใจให้แก่ราษฎรจิตอาสา ช่วยแจ้งข้อมูลและเบาะแสในกรณีที่พบเห็นรัง นอกจากนี้ก็ยังมีการอบรมเยาวชนเกี่ยวกับความสำคัญของเต่าทะเลและรณรงค์เรื่องปัญหาขยะทะเลอย่างต่อเนื่องเพื่อลดการสร้างขยะพลาสติกที่ไม่จำเป็น
การกลับมาของเต่ามะเฟืองเป็นตัวจุดประกายให้มีการปกป้องชายหาดธรรมชาติ และอนุรักษ์ระบบนิเวศชายฝั่งที่สำคัญของพื้นที่ทะเลอันดามันตอนเหนือลงไปถึงชายหาดของภูเก็ตอีกครั้งหนึ่ง หากเต่ามะเฟืองยังสามารถอยู่ได้ ทะเลไทยก็ยังมีความหวัง
อ่านเพิ่มเติม
บันทึกภาคสนามนักอนุรักษ์: “ฉลาม” นักล่าผู้ตกเป็นเหยื่อ