ในปี 2015 โรเบิร์ต ยาน แวน เดอ กาอิจ นักขับมอเตอร์ไซค์ เริ่มต้น มอเตอร์ไซค์ทริป เป็นระยะเวลาสามเดือนจากเนเธอร์แลนด์สู่อินเดีย
โรเบิร์ต ยาน แวน เดอ กาอิจ มีเลือดนักผจญภัยตั้งแต่วัยเด็ก วันหนึ่ง ขณะนั่งชมรายการโทรทัศน์เกี่ยวกับชายผู้หนึ่งที่เดินทางข้ามประเทศ แวน เดอ กาอิจ ตัดสินใจทำในสิ่งเดียวกัน และตั้งใจว่าอยากเริ่ม มอเตอร์ไซค์ทริป สิบกว่าปีให้หลัง เขาสอบใบขับขี่ผ่านและในปี 2013 เขาซื้อรถจักรยานยนต์คันแรกในชีวิต สองปีหลังจากนั้น แวน เดอ กาอิจ ผลักดันตัวเองให้เริ่มออกเดินทางจากบ้านในเนเธอร์แลนด์สู่ประเทศอินเดีย โดยมีระยะทางกว่า 16,000 กิโลเมตร ภายในระยะเวลาสามเดือน
แวน เดอ กาอิจ ในวัย 30 ปี เป็นนักออกแบบกราฟิก เขาเริ่มวางแผนทริปของเขาในเดือนกันยายน ปี 2014 หลังจากจบการศึกษาไม่นาน เขาศึกษาการเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์จากผู้มีประสบการณ์อย่าง กอร์ดอน จี. เมย์ และพอล แวน ฮอฟฟ์ ตระเตรียมเอกสารที่จำเป็น เก็บเงินโดยหารายได้จากงานฟรีแลนซ์ เขาและรถคู่ใจสีฟ้าครามที่ได้รับการตั้งชื่อว่า เพอร์รี เริ่มต้นออกเดินทางในเดือนสิงหาคม ปี 2015 มุ่งหน้าสู่ทางตะวันออก และทิ้งรอยยางไว้เบื้องหลัง
“ใจของผมตั้งมั่น แต่รถของผมไม่พร้อม” แวน เดอ กาอิจ ให้สัมภาษณ์กับเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ทางอีเมล “รถมอเตอร์ไซค์ที่ผมซื้อไม่เหมาะกับการเดินทางไกล และผมไม่มีประสบการณ์การผจญภัยมาก่อน กระเป๋าของผมเทอะทะและราคาถูก แต่ไม่นับเป็นอุปสรรคใหญ่ สิ่งเหล่านั้นกลับกลายเป็นแรงขับเคลื่อนของผม ผมอยากท้าทายตัวเอง และปรับตัวตามสิ่งที่เกิดขึ้น”
การผจญภัยที่ขรุขระ
การคร่อมบนมอเตอร์ไซค์ผ่าน 14 ประเทศ แวน เดอ กาอิจ พบพานกับความหลากหลายของผู้คนและทัศนียภาพ และเป็นเหมือนการเพิ่มขีดจำกัดของตัวเอง เขาเจอผู้เดินทางมากหน้าหลายตาระหว่างทางและนอนหลับอยู่ข้างนอกนั้น
แต่การเดินทางตลอดสามเดือนก็เป็นเรื่องท้าทายเช่นกัน บางครั้ง เขาขับขี่รอนแรมไปอย่างไม่รู้ว่าจะมีปั๊มน้ำมันอยู่ตรงไหน และจำนวนเงินที่ร่อยหรอลงทุกวัน ในช่วงสุดท้ายของการเดินทาง รถคู่ใจของเขาก็มาเสียเอากลางคัน แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยการช่วยเหลือจากคนท้องถิ่น
“คนท้องถิ่นมองมาที่ผม และพูดภาษาอังกฤษสำนวนแปลกๆ ว่า ‘ปัญหาของคุณ ก็เหมือนปัญหาของผม เราจะซ่อมรถช่วยกัน’ ” แวน เดอ กาอิจ เล่าให้เราฟัง “ตลอดเส้นทางที่ผมขี่รถผ่านมา ในยามที่จิตใจผมอ่อนแอ คือช่วงเวลาที่ผมพบมิตรภาพที่มีความหมายที่สุด”
แวน เดอ กาอิจ เล่าว่า การเดินทางข้ามชายแดนอิหร่านเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมาก เขาต้องจ่ายเงินค่าวีซ่าจำนวนหนึ่งเพื่อเข้าประเทศ และในระหว่างเดินทางอยู่ในอิหร่าน กลุ่มชายฉกรรจ์พยายามฉกกุญแจรถมอเตอร์ไซค์ไป แต่โชคดีที่เขาคล้องสายใส่ข้อมือไว้ อีกหนึ่งเหตุการณ์ ในขณะที่เขาขี่รถข้ามลำธารในอินเดีย เครื่องยนต์ก็ดับไปกลางลำธาร เขาได้รับการช่วยเหลือจากคนเลี้ยงแกะในพื้นที่สองคนมาช่วยกู้รถขึ้นจากน้ำ
“ผมรู้สึกโชคดีที่พวกเขาอยู่ตรงนั้น ซึ่งช่วงก่อนหน้านั้นผมไม่เจอะเจอกับมนุษย์เลย” แวน เดอ กาอิจ เล่าและเสริมว่า “[พวกเขา] เดินลงมาหาผมแทบจะทันที และช่วยผมเอารถขึ้นจากลำธารที่หนาวเย็น” หลังจากเอารถขึ้นจากน้ำได้จนแทบไม่เหลือเรี่ยวแรง พวกเขาจับมือและกล่าวอำลาโดยไม่ถามถึงค่าตอบแทนเลยสักคำ
เส้นทางสุดแสนอันตราย
หนึ่งในเส้นทางที่อันตรายที่สุดในการเดินทางของเขา คือการขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านหิมาลัย แวน เดอ กาอิจ ต้องปรับตัวให้เขากับสภาพอากาศร้อน และภูมิประเทศแบบทะเลทราย ในช่วงแรกของการเดินทาง แต่เขาต้องปรับตัวใหม่อีกครั้งกับสภาพอากาศที่หนาวเย็น เขาประยุกต์ใช้สนับศอกให้กลายมาเป็นที่กันลม และซื้อถุงมือสกีราคาถูก และพันเข้ากับที่แฮนด์บิดเพื่อเพิ่มการยึดเกาะ
เส้นทางจากหมู่บ้านมันตาลียาสู่เมืองมะนาลี มีหมู่บ้านเล็กๆ อยู่ระหว่างทาง สัญญาณโทรศัพท์แผ่วเบา และหาป๊มน้ำมันยากมาก เส้นทางเต็มไปด้วยก้อนหิน ทราย และหน้าผาสูงชัน รถของเขาเซไปมาหลายครั้ง และมือของเขาเลื่อนหลุดจากแฮนด์บิดครั้งเล่าครั้งเล่าที่รถกระดอนผ่านหินก้อนใหญ่
ก่อนเดินทางถึงมะนาลี แวน เดอ กาอิจ ต้องผ่าน “โรห์ตังพาส” ในจุดนี้ ตรงกับวันที่ 10 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นช่วงที่เส้นทางเริ่มปกคลุมด้วยน้ำแข็ง และเริ่มมีหิมะตกที่เชิงเขา แต่เขาตัดสินใจขับรถผ่านเส้นทางโคลน ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย
ระหว่างที่ แวน เดอ กาอิจ ขี่รถไต่ขึ้นไปเรื่อยๆ หิมะและกระแสลมเริ่มแรงขึ้น ล้อมอเตอร์ไซค์ลื่นไปมาบนพื้นถนน ซึ่งเขาควบคุมรถได้ยากมาก รถยนต์คันแล้วคันเล่าผ่านเขาไปอย่างไม่ไยดีอะไร เขาต้องทิ้งรถของเขาไว้และเดินกลับลงมาที่เชิงเขาเกือบสิบกิโลเมตร แต่สุดท้ายเขาก็โบกรถได้และมาถึงเชิงเขาในที่สุด
เมื่อเขาเดินทางถึงเมืองที่ใกล้ที่สุด ไม่มีห้องพักเหลือว่างเลย แวน เดอ กาอิจ จึงต้องนอนในโรงเก็บไม้ของเกสต์เฮาส์
“มันเป็นช่วงเวลาที่อันตรายมาก แต่ผมรู้สึกโอเค” แวน เดอ กาอิจ กล่าว “หลังจากนั้น ผมต้องไปกลับไปเอารถที่ทิ้งไว้ และขี่ต่อไปตามไหล่เขา” ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน แวน เดอ กาอิจ เดินทางถึงมุมไบ ที่นั่น เขาส่งรถคู่ใจของเขากลับประเทศบ้านเกิดผ่านทางเรือ ส่วนตัวเขาโดยสารกลับทางเครื่องบิน
“เดินทาง 81 วันเพื่อมาถึงที่นี่” เขาโพสต์บนอินสตาแกรมส่วนตัว “แต่ใช้เวลาเพียง 18 ชั่วโมงในการเดินทางกลับ”
อ่านเพิ่มเติม : ล่องเรือคายัคในทะเลแดนใต้ของไทย