บนฮันลา ภูเขาที่สูงที่สุดในเกาหลีใต้มีป่าต้นสนขนาดเล็กกระจุกตัวอยู่ จนมีชื่อเล่นว่า “ป่าต้นคริสต์มาส” แม้จะมองเผิน ๆ เหมือนกับต้นสนคลาสสิกแบบที่ทั่วโลกคุ้นเคย แต่แท้จริงแล้วนี่คือต้นสน Abies koreana สายพันธุ์เฉพาะที่เติบโตบนเกาะเจจูเท่านั้น
ความพิเศษของต้นสนพันธุ์นี้ อยู่ที่ขนาดเล็กเพียง 30-60 ฟุต เมื่อเทียบกับต้นสนสายพันธุ์อื่น ๆ ที่อาจสูงถึง 300 ฟุต ใช้เวลาเกือบ 30 ปีกว่าจะเติบโตเต็มที่ และยังผลิตโคนต้นสนซึ่งเป็นรวงบรรจุเมล็ดตั้งแต่ยังมีความสูงเพียง 3 ฟุตเท่านั้น
ปรากฏการณ์ของต้นสนคริสต์มาสในเกาหลีพึ่งเริ่มต้นขึ้นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา พร้อมกับจำนวนประชากร 30% ของประเทศที่นับถือศาสนาคริสต์ และกลายมาเป็นวันหยุดประจำชาติหลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ไม่นาน บวกกับข้อจำกัดของสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้คนต้องอยู่แต่บ้าน นั่นทำให้ผู้คนกระตือรือร้นในการมองหาต้นไม้สำหรับการตกแต่งบ้านมากขึ้น เช่นเดียวกันกับต้นสนคริสต์มาสที่ช่วยสร้างชีวิตชีวาสำหรับการอยู่อาศัยก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ความต้องการต้นคริสต์มาสที่เพิ่มขึ้นไม่ได้เป็นตัวการที่ทำให้ป่าต้นคริสต์มาสลดจำนวนลง หากแต่สภาพภูมิอากาศที่ร้อนขึ้นต่างหากที่ทำให้เกือบครึ่งหนึ่งของต้นสนสูญหายไปในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา
จากเดิมที่เคยเป็นทิวทัศน์เขียวขจีที่ปกคลุมไปด้วยหิมะบนความสูงเกือบ 6,000 ฟุตจากระดับน้ำทะเล ในตอนนี้ นักท่องเที่ยวที่มาเยือนป่าแห่งนี้ได้พบกับความสูญเสียของป่าอย่างเห็นได้ชัด – ต้นไม้หลายร้อยต้นล้มลงแบบถอนรากถอนโคน เปลือกลำต้นที่ลอกออกเป็นแผ่น และกิ่งก้านเหี่ยวแห้งที่แผ่นออกไปยังท้องฟ้า
“กลายเป็นว่าผู้คนหยุดถ่ายเซลฟี่กันตรงนี้ เพราะต้นไม้ดูแปลกมาก” โดยที่ก็ไม่รู้ว่าเป็นต้นไม้ชนิดใด หรือทำไมมันถึงตาย คิม จิน นักวิจัยภาคสนามที่สถาบันวิทยาศาสตร์ป่าไม้แห่งชาติกล่าว
ด้วยกายภาพของต้นสนที่รากเติบโตขนานไปกับแนวพื้นดิน แทนที่จะแทงรากลงในแนวดิ่งเช่นเดียวกับต้นไม้ชนิดอื่น ต้นสนจึงถูกพายุไต้ฝุ่นโค่นล้มได้อย่างง่ายดาย หากแต่อีกปัจจัยซึ่งเป็นสาเหตุของการลดจำนวนลงของต้นสนที่นี่ คืออากาศที่ร้อนขึ้นทุกปี และการกัดเซาะจากลมและความแห้งแล้งที่เปลี่ยนสภาวะในดิน “ปีที่แล้ว ภูเขาฮันลาไม่มีหิมะเลย!” คิมจินกล่าว
คิม อึนซุก นักวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศจาก National Institute of Forest Science กล่าวว่า เพราะภาวะโลกร้อนที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เธอชี้ให้เห็นว่า พืชสายพันธุ์นี้ปรับตัวให้เข้ากับความหนาวเย็น ลมกรรโชกแรง และหิมะได้ดี แต่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างรวดเร็วเช่นนี้ทำให้ต้นไม้ไม่สามารถรับมือกับความร้อนได้ และหากไม่มีต้นสนแล้ว เธอกลัวว่าระบบนิเวศของภูเขาฮันลาทั้งหมดจะพังทลาย
นอกจากความพยายามของกรมป่าไม้เกาหลีในการกระจายพันธุ์ต้นสนนี้บนภูเขากึมวอน ทางตะวันออกเฉียงใต้ของแผ่นดินใหญ่แล้ว ทางหน่วยงานบริหารบนเกาะเจจูเองก็เริ่มต้นโครงการปลูกต้นสน 5,000 ต้น ในช่วงระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายนของทุกปี และต้องใช้เวลา 5-10 ปี เพื่อสังเกตการณ์ว่าต้นไม้เหล่านั้นหยั่งรากและต้านทานแรงลมได้ดีเพียงใด
คิม จิน เชื่อว่า ความต้องการต้นสนคริสต์มาสที่เพิ่มขึ้นในเกาหลีใต้ จะช่วยดึงความสนใจและการตระหนักถึงความสำคัญในการรักษาต้นสน Abies koreana ได้มากขึ้นอีก “ฉันไม่รู้ว่าต้นสนสายพันธุ์นี้จะตายภายในเวลาร้อยปีหรือไม่ แต่ฉันคิดว่าพวกมันจะอยู่รอดตลอดชีวิตของฉัน”
เรื่อง ยุน ฮานา
ภาพถ่าย คิม จิน