วงล้อ สีผิวมนุษย์
“ฉันมั่นใจว่าผิวดำและผิวขาวไม่มีอยู่จริง” ช่างภาพ แองเจลิกา ดาส กล่าว เธอใช้เวลาหกปีจับคู่สีผิวของคนเป็นพัน ๆ คนกับเฉดสีมาตรฐานเพื่อแสดงให้เห็นว่าการจำแนกคนด้วยเผ่าพันธุ์นั้นเป็นไปอย่างไร้หลักการเพียงใด
ในปี 2012 เธอถ่ายภาพตัวเอง สามีในขณะนั้น และครอบครัวของทั้งสองฝ่ายเพื่อแสดงให้เห็นถึงการผสมผสาน เธอจับคู่แถบพิกเซลของจมูกพวกเขากับแถบสีของแพนโทนซึ่งกำหนดมาตรฐานสีมาอย่างยาวนาน แล้วโครงการ “ฮิวแมนเน” (Humanae – แห่งมนุษย์) โครงการที่รวบรวมภาพถ่ายบุคคล 4,000 ภาพและสีผิวอันหลากหลายใน 18 ประเทศก็เริ่มต้นขึ้น
สีผิวยังกำหนดการปฏิบัติต่อกันในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดอยู่ “การลดทอนความเป็นมนุษย์กำลังเกิดขึ้นอยู่เดี๋ยวนี้แหละค่ะ” ดาสเอ่ย “ที่ชายแดนของลิเบีย และในชีวิตประจำวันของเรา เมื่อใครก็ตามไม่อาจได้รับอิสรภาพอย่างที่คุณได้ เพราะคุณทำกับเขาเหมือนไม่ได้เป็นคนเท่าคุณ”
เมื่อเธออายุ 6 ขวบ คุณครูบอกเธอให้ใช้สีเทียนระบาย “สีผิว” “ฉันมองดูสีชมพูนั่นแล้วคิดว่า ฉันจะบอกครูได้อย่างไรว่านี่ไม่ใช่สีของผิวฉัน” คืนนั้นเธออธิษฐานให้ตื่นมามีผิวขาว เธอเล่าเรื่องนี้ให้เด็กนักเรียนฟังเมื่อนำเอาโครงการของเธอเข้าสู่โรงเรียนต่าง ๆ “เด็ก ๆ ไม่พูดถึงตัวเองว่าเป็นคนผิวดำและผิวขาว เราต่างหากที่สอนพวกเขาเรื่องผิวดำและผิวขาว” ดาสว่า และก็เป็นเด็ก ๆ นั่นเองที่ประดิษฐ์ชื่อสีอย่างสีถั่ว สีช็อกโกแลตที่ดาสใช้กับครอบครัวของเธอเองการสร้างสรรค์โครงการ “ฮิวแมนเน” ขึ้นมานี้ พาให้ดาส ซึ่งมาจากรัฐเทนเนสซี ที่ที่อดีตคนคลั่งผิวขาวร้องไห้ในอ้อมแขนของเธอ ไปถึงสวิตเซอร์แลนด์ที่ซึ่งบรรดาผู้สูงวัยกับผู้อพยพที่พวกเขาต่อต้านการลงหลักปักฐานได้มาพบกัน
“ในสถานที่ที่คุณไม่คาดคิดว่าจะพบความเห็นอกเห็นใจอาจเป็นที่ที่เมล็ดพันธุ์เล็ก ๆ เริ่มงอกงามก็ได้นะคะ” เธอกล่าว
เรื่อง นีนา สตรอคอลิก
อ่านเพิ่มเติม