Julian David Velazquez วัย 13 ปี อุ้มทารกขณะเรียนหนังสือไปด้วย
หุ่นยนต์ทารกป้องกัน การตั้งครรภ์ในวัยรุ่น
Jefrin Bayona กำลังจะไปโรงเรียนสาย แม้ขณะนั้นจะเพิ่ง 6 โมงเช้าก็ตาม “เมื่อคืนผมแทบไม่ได้นอนเลย” เด็กนักเรียนวัย 15 ปีกล่าว “ลูกปลุกผมตอนสี่ทุ่ม เที่ยงคืน แล้วก็อีกครั้งตอนตีสี่” ชั้นเรียนในชนบททางตะวันออกเฉียงเหนือของโคลอมเบีย เริ่มต้นแต่เช้าตรู่ เขากำลังยืนอยู่ในครัวมืดๆ ของบ้าน Jefrin ลากมือลงมาตามใบหน้าที่อ่อนล้าของตนเอง ระหว่างจิบช็อกโกแลตร้อน ในขณะที่ Estiven ลูกชายของเขานั่งอยู่เงียบๆ บนที่นั่งเด็ก ในห้องนั่งเล่น
นับเป็นโชคดีของ Jefrin ที่ภารกิจทดลองเป็นพ่อคนของเขาสิ้นสุดลงในวันนี้ นี่คือส่วนหนึ่งของโครงการลดการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นที่โรงเรียนจัดตั้งขึ้น และ “Estiven” แท้จริงแล้วคือหุ่นยนต์เด็กทารกที่จำลองแบบมาจากทารกวัยหนึ่งเดือน ซึ่งจะร้องไห้ทั้งในเวลากลางวัน และกลางคืน เพื่อเรียกร้องให้พ่อแม่ป้อนนม หรือเปลี่ยนผ้าอ้อม การตอบสนองต่อทารกจะถูกบันทึกไว้ และเด็กนักเรียนจะได้คะแนนตามความเร็วที่พวกเขาตอบสนองต่อหุ่นยนต์ ซึ่งหากใครก็ตามที่ปล่อยให้หุ่นยนต์ร้องไห้จนมันเงียบไปเอง แน่นอนว่าคะแนนของพวกเขาคงไม่ดีแน่
Jefrin ดูแลเด็กทารกมา 48 ชั่วโมงแล้ว ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่าเขาอิดโรยอย่างมาก และเดินทางมาถึงโรงเรียนห้านาทีหลังกริ่งสัญญาณดัง ผู้ดูแล Estiven คนต่อไปคือ Alexandra Guerrero นักเรียนหญิงวัย 15 ปี ซึ่งแต่ละคนจะผลัดเวรกันดูแลเด็กคนละสองวัน
ปัจจุบันในแต่ละปีทั่วโลกมีแม่วัยรุ่นราว 17 ล้านคน การตั้งครรภ์เมื่อไม่พร้อมจะนำมาซึ่งความเสี่ยงด้านสุขภาพ ไปจนถึงเมื่อคลอดบุตรแล้ว แม่คนนั้นๆ และครอบครัวของเธอยังต้องเผชิญกับผลกระทบทางเศรษฐกิจไปอีกนาน พวกเธอต้องยุติการศึกษา และพับความฝันในอาชีพการงานเก็บไว้ นั่นคือสิ่งที่แม่วัยรุ่นหลายคนต้องพบ ภูมิภาคละตินอเมริกามีการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นสูงเป็นอันดับสามของโลก แม้ว่าอัตราการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นทั่วโลกจะลดลงในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา แต่ภูมิภาคนี้ก็ยังคงมีอัตราสูงเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น
ในโคลอมเบีย 1 ใน 5 ของแม่คนล้วนเป็นวัยรุ่นอายุ 15 – 19 ปี และวัยรุ่นจากชนบทคือกลุ่มที่มีความเสี่ยงมากที่สุด
นั่นคือที่มาที่ทำให้เราติดตามโปรแกรมลดการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ของโรงเรียนรัฐบาลแห่งหนึ่ง ในเมือง Tame โปรแกรมที่ Jefrin, Alexandra และนักเรียนเกรด 9 อีก 100 คน ในช่วงวัย 14 – 16 ปี เข้าร่วม ในความยินยอมของผู้ปกครอง ซึ่งนอกเหนือจากการทดลองเป็นพ่อแม่คนระยะเวลามากกว่า 30 ชั่วโมงแล้ว นักเรียนเหล่านี้ยังจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับเพศศึกษาเบื้องต้น รวมไปถึงการคุมกำเนิด และร่วมอภิปรายเกี่ยวกับบทบาท และค่านิยมทางเพศในสังคม ความรุนแรงทางเพศ ตลอดจนศึกษาว่าการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นจะส่งผลต่อสถานภาพทางการเงินของครอบครัวอย่างไร ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วเด็กๆ เหล่านี้จะต้องทำข้อสอบ และเขียนความเรียง หรือบันทึกวิดิโอเกี่ยวกับประสบการณ์ที่พวกเขาได้เรียนรู้ โดยเฉพาะสิ่งที่ได้จากการเลี้ยงดูหุ่นยนต์เด็ก
“เพศศึกษา และการจำลองเป็นพ่อแม่คนเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะมันส่งเสริมซึ่งกันและกัน” Camila Guzman ผู้อำนวยการโครงการ ¿Bebé? ¡Piénsalo Bien! หรือ Baby? Think It Over! ในโคลอมเบียกล่าว “เป้าหมายไม่ได้เพื่อขู่ให้เด็กๆ กลัว แต่เราต้องการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเซ็กส์ และการตั้งครรภ์ แน่นอนว่าหากพวกเขามีลูกมันเป็นเรื่องน่ายินดี แต่ต้องมีในเวลาที่พร้อม”
หุ่นยนต์เด็กทารกเหล่านี้ถูกพัฒนาขึ้นในสหรัฐอเมริกา เมื่อ 20 ปีก่อน เพื่อใช้ในโปรแกรมดังกล่าวที่ดำเนินงานในหลายประเทศทั่วโลก ทว่ามันเป็นโปรแกรมที่มีค่าใช้จ่ายแพงพอตัว เนื่องจากเด็กนักเรียนที่เข้าร่วมต้องเสียค่าใช้จ่ายราว 100 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือว่าสูงในประเทศที่กำลังพัฒนา อย่างไรก็ดีจากการดำเนินงานที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่าโปรแกรมดังกล่าวได้ผล ในการศึกษาเด็กนักเรียน 1,400 คน จากภูมิภาคหนึ่งของโคลอมเบีย ที่ผ่านหลักสูตรดังกล่าวพบว่า โปรแกรมช่วยลดอัตราการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นลงถึง 40%
หลัง Alexandra ผ่านสัปดาห์ที่ยากลำบาก เธอเล่าว่ามีแผนที่จะเรียนต่อด้านวิศวกรรม แต่ยอมรับว่าลึกๆ แล้ว เธออยากเป็นนักแสดง พร้อมตั้งเป้าหมายชัดเจนว่าเธอจะไม่เป็นแม่คนในเร็ววันนี้แน่ “ฉันยังไม่อยากมีลูก ฉันดูแลพวกเขาไม่ได้แน่ๆ” เธอกล่าว “ไม่แน่ว่าฉันอาจจะมีตอนอายุ 25 หรือ 26 ปี เมื่อเรียนจบแล้ว”
เรื่อง Davia Brindley
ภาพถ่าย Christian Rodriguez
อ่านเพิ่มเติม
แค่ตรวจเลือดก็รู้ได้ว่าจะ คลอดก่อนกำหนด หรือไม่