วิลเลียม เชคสเปียร์ ตำนานยอดกวีแห่งเอวอน ชายผู้ที่ผลงานของเขาสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนทั่วโลก และเป็นอัจฉริยะผู้สร้างภาษาอังกฤษยุคใหม่
เชคสเปียร์ ถือว่าเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญของโลกที่มีบทบาทสำคัญต่อหลากหลายวงการทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น งานวรรณกรรม ละครเวที ซีรีส์ ภาพยนตร์ และวิวัฒนาการของภาษาอังกฤษ ผลงานของเขาได้รับการแปลในหลายภาษา พร้อมถูกนำไปอ้างอิงทั่วโลกจนถึงปัจจุบัน
ประวัติ วิลเลียม เชคสเปียร์
วิลเลียม เชคสเปียร์ ถูกบันทึกว่าเข้าพิธีรับศีลล้างบาปเมื่อวันที่ 26 เมษายน 1564 ประเทศอังกฤษ ที่เมืองสแตรทฟอร์ด-อัพพอน-เอวอน แคว้นวอร์วิกเชอร์ หลายคนยึดเอาวันที่ 26 เมษายน เป็นวันเกิดของเขา แต่บางแห่งระบุว่าพิธีรับศีลล้างบาปจะทำหลังวันเกิด 3 วัน ดังนั้นวันเกิดของ เชคสเปียร์ จึงควรเป็นวันที่ 23 เมษายน ในประวัติศาสตร์ จึงมีการระบุวันเกิดของเขาแตกต่างกันไป ทว่าส่วนใหญ่จะเป็น 23 เมษายน 1564
เชคสเปียร์ เกิดในครอบครัวคนมีฐานะ พ่อของเขาชื่อว่า จอห์น เชคสเปียร์ เป็นนักชิมไวน์ที่ย้ายมาที่สแตรทฟอร์ด อะพอน เอวอนในปี ค.ศ. 1551 จนได้รับการขนานนามว่าเป็นนักชิมเหล้าเอลแห่งโบโรห์ในปี ค.ศ. 1556 ต่อมาจอห์นแต่งงานกับ แมรี่ อาร์เด็น บุตรสาวเจ้าของฟาร์มที่มีที่ดินจำนวนมาก ทำให้ตำแหน่งทางสังคมของเขามั่นคงมากขึ้น (บางแห่งระบุว่า จอห์น เชกสเปียร์ เคยเป็นเทศมนตรีและพ่อค้าถุงมือ)
ในวัยเด็ก เชกสเปียร์ เข้ารับการศึกษาเบื้องต้นที่โรงเรียน King’s New School ที่เมืองสแตรทฟอร์ดในยุคสมัยพระนางเอลิซาเบธที่ 1 ทางโรงเรียนได้สอนไวยากรณ์ละตินและวรรณกรรมคลาสสิกให้กับนักเรียน ซึ่งดูเหมือนว่าเด็กชายเชกสเปียร์จะชื่นชอบเรื่องภาษามาก เมื่ออายุได้ 18 ปี เชกสเปียร์แต่งงานกับหญิงสาวที่ชื่อ แอนน์ ฮาธาเวย์ วัย 26 ปี เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน ค.ศ.1582 สาเหตุอาจเนื่องมาจากเธอตั้งครรภ์
หกเดือนหลังการแต่งงาน เแอนน์ ได้ให้กำเนิดลูกสาวคนแรกคือ ซูซานนา ก่อนจะมีลูกชายและลูกสาวฝาแฝด คือ แฮมเน็ต กับ จูดิธ แต่ แฮมเน็ตเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุเมื่ออายุได้เพียง 11 ปี มีพิธีฝังศพเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ค.ศ. 1596
ด้านนิสัยและชีวิตส่วนตัว นักประวัติศาสตร์เชื่อว่าแม้จะสมรสแต่ยังหนุ่ม แต่เชคสเปียร์เป็นเพลย์บอยคนหนึ่ง ด้วยชื่อเสียงเงินทอง ทำให้มีหญิงสาวทุกชนชั้นอยากเข้าหา เชคสเปียร์มีความสัมพันธ์กับหญิงอื่นๆ มากหน้าหลายตาและมีลูกนอกสมรสอีกหลายคน แต่อีกทางหนึ่งก็มีการตั้งข้อสังเกตจากนักวิชาการบางคนว่า แท้จริงแล้วเขาอาจเป็นเกย์ เมื่อดูจากงานเขียนขอ เชคสเปียร์ ที่หลายเรื่องมักเล่าถึงความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งของเพื่อนผู้ชาย เช่นเพื่อนรักอย่าง อันโตนิโย กับ บัสสานิโย ใน เวนิสวาณิช แต่ก็ไม่ได้มีหลักฐานอะไรมารองรับ
เชคสเปียร์ มีตัวตนจริงหรือไม่
แม้ว่าจะมีเรื่องราวการเล่าขานถึง วิลเลียม เชคสเปียร์ มากมาย แต่เคยมีทฤษฎีสมคบคิดหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่า เชคสเปียร์ เป็นเพียงนามปากกาของ คริสโตเฟอร์ มาร์โลว์ นักประพันธ์ที่เกิดปีเดียวกับเขา
ทั้งนี้ทฤษฎีดังกล่าวมาจากการที่นักวิชาการบางคนสงสัยว่า เชคสเปียร์ ซึ่งไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัย และไม่เคยเดินทางออกไปนอกประเทศ ทำไมสามารถเขียนเรื่องราวที่มีจินตนาการลํ้าเลิศ บอกเล่าถึงต่างประเทศได้อย่างถูกต้อง (ข้อนี้นักประวัติศาสตร์ระบุว่า เชคสเปียร์ ใช้เวลาหลายปีฟังเรื่องเล่าจากนักเดินทางก่อนนำมาเขียนเป็นบทละคร)
ทฤษฎีสมคบคิดข้อนี้ถูกปัดตกไปอย่างรวดเร็ว นักประวัติศาสตร์สามารถหาหลักฐานจนสามารถพิสูจน์ได้ว่า วิลเลียม เชคสเปียร์ มีตัวตนอยู่จริง และเป็นคนละคนกับ คริสโตเฟอร์ มาร์โลว์ อย่างแน่นอน โดยหลังจาก เชคสเปียร์ เสียชีวิตไปแล้ว มีผู้ที่ไปตามสืบเรื่องราวของเขา จนพบทั้งประวัติการเข้าพิธีรับศีลล้างบาปที่โบสถ์ , การเขียนบันทึกถึงเขาจากคนรอบตัว , มีงานเขียนที่ถูกตีพิมพ์ซึ่งใช้ชื่อ วิลเลียม เชคสเปียร์ , การสร้างและดำเนินกิจการโรงละคร , เอกสารการทำธุรกรรมต่างๆ และมีหลุมศพกับแท่นบูชาของเขาในเมืองเอวอน ที่ตอนนี้กลายเป็น 1 ในสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของประเทศอังกฤษ
ศิลปะแห่งการเล่าเรื่องของ วิลเลียม เชคสเปียร์
วิลเลียม เชคสเปียร์ เริ่มถูกพูดถึงในประวัติศาสตร์ตั้งแต่เขาเดินทางมาถึงลอนดอน โดย เชคสเปียร์ เริ่มต้นจากการเอาดีทางด้านการสร้างละครเวที ซึ่งก่อนหน้านั้นเขามีงานเขียนบทกลอนเก็บมาพอสมควร โชคดีที่ในยุคสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1 ละครเวทีกำลังเข้าสู่ยุครุ่งเรือง เชคสเปียร์ กับทีมงานจึงเดินหน้าเขียนบทละครขึ้นมาจำนวนมาก เพื่อนำมาเล่นหารายได้ในกรุงลอนดอน
แรกเริ่ม เชคสเปียร์ ผลิตงานตลกชวนหัวตามสมัยนิยม ประวัติศาสตร์ และงานดราม่าฉาวๆ เกี่ยวกับแวดวงในรั้วในวัง ก่อนที่ต่อมาเขาจะพัฒนาบทละครให้แข็งแรงยิ่งขึ้น ชื่อเสียงของละครของเขาจึงโด่งดังขึ้นเรื่อยๆ โดยบางเรื่อง เชคสเปียร์ ไปร่วมเป็นนักแสดงเองด้วย เรียกว่าเป็นศิลปินตัวจริงที่มีทักษะทั้งด้านการเขียน การเล่าเรื่อง การสร้างละคร และ การแสดง ซึ่งการที่เขาสามารถทำได้แทบทุกตำแหน่งในโรงละครเวที ทำให้ เชคสเปียร์ โดดเด่นกว่านักเขียนหรือนักการละครในยุคเดียวกัน เพราะเขาเข้าใจในทุกกระบวนการของละครเวที แถมยังมีศาสตร์แห่งการเล่าเรื่องที่ไม่เหมือนใคร
เชคสเปียร์ จึงถือเป็นบุคคลที่มีทักษะด้าน Storytelling เป็นเลิศคนแรกของโลก ศิลปะการเล่าเรื่องของเขาแตกต่างจากโรงละคนอื่นๆ เชคสเปียร์ สร้างความประทับใจให้ผู้ชม สามารถทำให้คนหัวเราะ ยิ้ม เศร้า ดีใจ เสียใจ ไปจนถึงร้องไห้ในโรงละครได้ ราคาค่าตั๋วเข้าชมละครของเขาสูงขึ้นเรื่อยๆ จนเชคสเปียร์กลายเป็นผู้สร้างละครที่สำนักราชวังอังกฤษในยุคนั้นให้เงินสนับสนุน โดยเขาต้องเข้าไปแสดงละครในวังทุกๆ เดือน ต่อมา เชคสเปียร์ ก็กลายเป็นชายที่มีฐานะที่รํ่ารวยที่สุดคนหนึ่งของกรุงลอนดอน มีหลักฐานว่าเขาใช้เงินซื้อที่ดินไว้หลายแห่งเพื่อทำกำไร
ว่ากันว่าบทละครเรื่องแรกที่เขาเขียนคือ The Two Gentlemen of Verona ต่อมาในปี 1595 เชคสเปียร์ เริ่มเขียนละครโศกนาฏกรรม เริ่มตั้งแต่ โรมิโอกับจูเลียต ไปจนถึง จูเลียส ซีซาร์ ในปี ค.ศ. 1599 โดยเริ่มต้นจากการนำงานของชาวโรมันและอิตาลีหรือบทละครแนวอิงประวัติศาสตร์มาต่อยอด จนเขาได้รับฉายาว่าเป็น ยอดกวีแห่งเอวอน
ก่อนที่ใน ค.ศ. 1600 ถึงประมาณ 1608 นับเป็นยุคโศกของเขา เมื่อเชกสเปียร์เขียนแต่เรื่องโศกนาฏกรรมเป็นส่วนใหญ่ หลังจากนั้นในช่วงปี 1608 ถึง 1613 จะเป็นแนวเศร้าปนตลก หรือบางครั้งเรียกว่าแนวโรมานซ์ ซึ่งจับใจคนดูอย่างมาก เมื่อจับทางได้ว่าคนดูชอบเรื่องอะไรที่เขาเล่า เชคสเปียร์ ก็ผลิตบทละครดังออกมาอีกมากมายทั้ง เวนิสวาณิช , แฮมเล็ต , แม็คเบธ , โอเธลโล , คิงเลียร์ และ เดอะเทมเปสต์ เป็นต้น
ผลงานชิ้นแรกของเชคสเปียร์ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1623 แต่เขาไม่เคยตีพิมพ์งานของตัวเอง ผลงานของ เชคสเปียร์ ถูกรวบรวมโดย เฮนรี่ คอร์เดลล์ และจอห์น เฮมมิ่งส์ เจ้าของโรงละครที่เขาทำงานให้ ซึ่งเมื่องานของเขาถูกพิมพ์เป็นหนังสือก็ได้รับความนิยมอย่างสูงเช่นกัน
ตัวละครที่มีชีวิตจริงขึ้นมา
โรมิโอกับจูเลียต คือบทละครที่มีชื่อเสียงที่สุดของ เชคสเปียร์ วรรณกรรมโศกนาฏกรรมเกี่ยวกับเรื่องราวความขัดแย้งของสองตระกูล คือ ตระกูลมอนตะคิวและตระกูลคาปุเล็ต ในเมืองเวโรนา ประเทศอิตาลี ยุคเรเนซองส์ ซึ่งมีเนื้อหาที่ตราตรึงผู้อ่านและผู้ชม
ถึงจะเป็นเรื่องแต่ง แต่เนื้อหาของโรมิโอกับจูเลียตก็มีพลังจนหลายคนเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง โรมิโอ และ จูเลียต มีตัวตนอยู่จริง ทำให้ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางไปที่เมืองเวโรนา เพื่อเยี่ยมชมบ้านจูเลียตที่ถูกสร้างขึ้นมาภายหลัง และนักท่องเที่ยวพากันซื้อของที่ระลึกเกี่ยวกับโรมิโอกับจูเลียตมากมาย แม้จะรู้ว่าทั้งหมดเป็นตัวละครในนิยายของ เชคสเปียร์
ขณะที่ในแวดวงละครเวทีทั่วโลกก็ยังเล่าเรื่อง โรมิโอกับจูเลียต ซํ้าไปซํ้ามาทุกปี (อย่างน้อยๆ ก็ในละครเวทีของโรงเรียนท้องถิ่น) เช่นเดียวกับวงการฮอลลีวู้ดที่มีการนำเอา โรมิโอกับจูเลียต มาถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์อยู่เรื่อยๆในหลากหลายมุมมอง รวมถึงถูกนำไปดัดแปลงเป็นหนังหรือซีรีส์แทบทุกปี ราวกับทั้งคู่เป็นอมตะ เพราะชื่อของ โรมิโอ และ จูเลียต แทบไม่เคยหากไปจากวงการบันเทิงของโลกเลย
ชายผู้มีอิทธิพลต่อวิวัฒนาการภาษาอังกฤษ
หลายคนอาจไม่ทราบว่านอกจากวงการวรรณกรรมแล้ว วิลเลียม เชคสเปียร์ ยังมีอิทธิพลอย่างมากต่อภาษาในโลก โดยเฉพาะภาษาอังกฤษยุคใหม่ เนื่องจากบทละครของเขามีถ้อยคำ-ประโยคที่สละสลวย เชคสเปียร์ สร้างสำนวนกับคำศัพท์ใหม่ๆ ขึ้นมาจำนวนมาก ซึ่งสิ่งนี้คือความอัจฉริยะของเขาที่ไม่แพ้กับการเล่าเรื่องเลยทีเดียว
ผลงานประพันธ์ของ วิลเลียม เชคสเปียร์ ไม่ว่าจะเป็นบทกวีเกิน 100 บท และบทละคร 37 เรื่อง มีบทบาทอย่างมาต่อยุค Modern English ที่ทำให้ภาษาอังกฤษมีการตกผลึก รวมถึงมีมาตรฐานมากขึ้น จากที่ก่อนหน้านั้นใช้วิธีนำหลายๆ ภาษามารวมกัน
เชคสเปียร์ จึงได้ชื่อว่าเป็นบุคคลที่มีความสำคัญต่อวิวัฒนาการภาษาอังกฤษยุคใหม่ด้วยการนำคำเดิมมาผสมกันหรือนำมาใช้ต่างจากเดิม อาทิ eyeballs , birthplace และ watchdog เป็นต้น จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของภาษาตัวเอง ว่ากันว่าเขาคิดคำขึ้นมาเองกว่า 400 คำ และเมื่อรวมกับคำที่ เชคสเปียร์ กับทีมเขียนบทละครช่วนกันเขียนอาจมากถึง 1,700 คำเลยทีเดียว
เกิดและตายวันเดียวกัน
วิลเลียม เชกสเปียร์ กวีเอกของโลกถูกบันทึกว่าเสียชีวิตในวันที่ 23 เมษายน 1616 ที่บ้านเกิดของเขา โดยมีเรื่องเล่าว่าหลังจากโรงละครของเขาไฟไหม้ เชกสเปียร์ ก็เกิดอาการหมดไฟ ไม่เขียนงานใหม่ขึ้นมาเลยในช่วง 3 ปีสุดท้าย
ทว่าในเดือนเกิดของ เชกสเปียร์ คือเมษายน เขาเขียนพินัยกรรมของตัวเองขึ้นมา นักประวัติศาสตร์บางคนเชื่อว่า เชกสเปียร์ อาจมีปัญหาทางจิต เพราะต่อมาเขาดื่มเหล้าหนักมากจนกระทั่งเสียชีวิต ซึ่งวิเคราะห์กันว่าเขาอาจมีอาการป่วยทางจิตเรื่องหลงใหลการฆ่าตัวตาย เนื่องจากที่ผ่านมามีตัวละครในงานเขียนของเขาที่พยายามฆ่าตัวตายถึง 13 ครั้ง (ในจำนวนนี้มีหลายตัวละครที่ทำสำเร็จ)
ดังนั้นการที่ เชกสเปียร์ เสียชีวิตในวันที่ 23 เมษายน ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของตัวเอง อาจไม่ใช่เรื่องบัญเอิญ แม้จะไม่มีการระบุสาเหตุแน่ชัด ซึ่งหากเป็นความตั้งใจของเขา ก็มีความเป็นไปได้สูงที่ เชกสเปียร์ จะตั้งใจจบชีวิตตัวเองลงในวัย 52 ปีในวันเกิด
อย่างไรก็ตาม วิลเลียม เชกสเปียร์ คือหนึ่งในศิลปินที่น่ายกย่องในเรื่องของความคิดสร้างสรรค์และความเป็นเลิศในการเล่าเรื่อง ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ทุกๆ คำพูดในบทละครของเขาสามารถสะท้อนให้เห็นเป็นภาพได้ สามารถทำให้เกิดความรู้สึกโกรธ หลงใหล กลัว สุขใจ ฮึกเหิม เป็นทุกข์ สนุกสนาน ฯ จึงไม่น่าแปลกใจที่ผลงานของเขายังคงสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนมากมายจวบจนถึงทุกวันนี้
สืบค้นและเรียบเรียง สิทธิโชติ สุภาวรรณ์
ภาพจาก ILLUSTRATION โดย HULTON ARCHIVE, GETTY
ข้อมูลอ้างอิง