เพราะทะเลไทยเป็นแหล่งดำน้ำติดอันดับของโลก ทำให้คนไทยเริ่มสนใจเริ่มเรียนดำน้ำเพื่อสำรวจโลกใต้ทะเลอันสวยงามที่ใกล้บ้าน นี่คือข้อมูลน่ารู้สำหรับผู้ที่สนใจ เรียนดำน้ำ
การดำน้ำเป็นกิจกรรมที่มาพร้อมกับการท่องเที่ยวทางทะเลซึ่งได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยประเทศไทยนั้นมีพื้นที่ชายฝั่งทะเลกว้างใหญ่ทั้งทะเลฝั่งอันดามันและอ่าวไทย ที่ติดอันดับในเรื่องของความสมบูรณ์และสวยงามของโลกใต้ทะเล จนได้รับการจัดอันดับให้เป็นแหล่งดำน้ำที่ดีที่สุดในโลกอยู่บ่อยครั้ง ทำให้มีคนไทยเริ่มสนใจการ เรียนดำน้ำ เพื่อให้มีทักษะเพียงพอเพื่อการออกไปสำรวจสิ่งแวดล้อมใต้ทะเลเช่นเดียวกับแนวคิดการออกไปสำรวจป่าไม้บนพื้นดิน
แต่อย่างไรก็ตาม การ “ เรียนดำน้ำ ” คือกระบวนการสำคัญสำหรับคนที่อยากท่องเที่ยวพร้อมกับสำรวจใต้ทะเลต้องผ่านไปให้ได้ ซึ่งนัก (อยาก) ดำน้ำหลายคนอาจเปลี่ยนใจเนื่องจากมีความคิดไปก่อนว่าการ เรียนดำน้ำ เป็นเรื่องที่ยากเข็ญ ซ้ำต้องทุ่มเทเวลาให้มากมาย รวมถึงคิดว่าค่าใช้จ่ายในการเรียนนั้นต้องสูงเป็นแน่ ทั้งที่ความจริงแล้วสิ่งเหล่านี้อาจไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด
นี่คือข้อมูลเบื้องต้นสำหรับผู้ที่สนใจเรียนดำน้ำสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสความสวยงามใต้ท้องทะเลที่น่าตื่นตาตื่นใจด้วยตาของตัวเอง
เหตุผลของการเรียนดำน้ำ
แรงบันดาลใจของผู้เรียนดำน้ำโดยส่วนมากคือต้องการไปสัมผัสโลกใต้น้ำที่สวยงาม เช่น ปลาทะเลหายาก ปะการังหลากชนิด และระบบนิเวศทางทะเลที่สวยงามด้วยตัวเอง โดยมักเป็นการต่อยอดจากการไปเที่ยวทะเลเพื่อสัมผัสบรรยากาศสวยงามหรือเล่นน้ำทะเลตามชายฝั่ง เหตุผลนี้เองทำให้หลายคนชื่นชอบการดำน้ำอย่างยิ่ง เพราะการดำน้ำในแต่ละครั้ง ผู้ดำน้ำไม่มีทางทราบว่าจะได้พบเจออะไรหรือมีสิ่งใดรอให้ค้นพบอยู่ ดังนั้น การดำน้ำคือความสนุกของผู้ที่อยากสำรวจทะเลโดยแท้จริง
แต่อย่างไรก็ตาม มีนักดำน้ำจำนวนไม่น้อยที่ต่อยอดจากการดำน้ำเพื่อความหย่อนใจไปยังจุดประสงค์อื่น เช่น เพื่อเป็นนักสำรวจทางทะเล ช่างภาพใต้น้ำที่คอยบันทึกภาพอันสวยงามของโลกใต้น้ำ หรือแม้กระทั่งการเป็นนักกู้ภัยทางทะเลก็จำเป็นต้องมีทักษะการดำน้ำที่ดี
ประเภทของการดำน้ำ
ประเภทของการดำน้ำที่นิยมโดยทั่วไปมีดังต่อไปนี้
1. การดำน้ำแบบ Snorkeling หรือการดำน้ำตื้น โดยผู้ดำน้ำจะลอยอยู่บริเวณผิวน้ำ และหายใจโดยการอมท่อหายใจ การดำน้ำประเภทนี้เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นดำน้ำ หรือไม่มีประสบการณ์ในการดำน้ำมาก่อน เพียงแค่มีทักษะการว่ายน้ำมาบ้าง และอาจจะต้องรับฟังหรืออบรมวิธีการใช้อุปกรณ์เล็กน้อยเท่านั้น
2. การดำน้ำแบบ Scuba หรือการดำน้ำลึก แต่ลึกไม่เกิน 30 เมตร เป็นการดำน้ำระดับใต้ผิวน้ำที่มีอุปกรณ์สำคัญคือ “ถังออกซิเจน” หรือถังอากาศลงไปในน้ำ พร้อมกับการใช้หน้ากากดำน้ำหรือตีนกบ เนื่องจากเป็นการดำน้ำลึก ผู้ต้องการดำน้ำแบบ Scuba ต้องผ่านการเรียนดำน้ำอย่างจริงจังเพื่อให้มีทักษะที่เพียงพอ และสามารถใช้อุปกรณ์ดำน้ำได้อย่างคล่องแคล่ว
เนื้อหาในการเรียน
เนื้อหาในการเรียนการสอนจะมีการแบ่งเป็นภาคทฤษฎีและปฏิบัติ
ตัวอย่างวิชาเรียนภาคทฤษฎี เช่น ความรู้เบื้องต้น ข้อจำกัดของการดำน้ำ ทฤษฎีแรงดันน้ำ ผลของแรงดันน้ำที่ส่งผลต่อการดำน้ำ วิธีการป้องกันโรคหรืออุบัติเหตุจากการดำน้ำ ข้อควรปฏิบัติก่อนดำน้ำและระหว่างดำน้ำเป็นต้น
ตัวอย่างวิชาเรียนภาคปฏิบัติ คือการออกดำน้ำจริง ซึ่งอาจจะเป็นการดำน้ำในสระปิดที่มีการจำลองสิ่งแวดล้อมให้เหมือนการดำน้ำจริงหรือออกไปดำน้ำจริงๆ ในทะเล ตามแต่ที่ตั้งของหรือนโยบายของแต่ละโรงเรียน โดยแต่ละหลักสูตรจะมีข้อบังคับที่แตกต่างกัน เช่น ต้องดำน้ำให้ได้ครบ 4 ไดร์ฟ รวมการทดสอบ
ถ้าสามารถผ่านเกณฑ์ที่ตั้งไว้ ก็จะได้รับประกาศณียบัตรการอบรมในการดำน้ำ อันเป็นใบเบิกทางให้คุณสามารถจองทริปดำน้ำ หรือสามารถซื้อขายอุปกรณ์ดำน้ำได้ง่ายขึ้น
หลักสูตรที่พบบ่อย
โรงเรียนดำน้ำแห่งหนึ่งอาจมีหลักสูตรที่หลากหลาย แต่โดยพื้นฐานแล้วจะมีหลักสูตรโดยทั่วไปดังนี้
– หลักสูตร Discover หรือ Fun Diving เป็นหลักสูตรทดลองเพื่อให้ได้สัมผัสโลกใต้น้ำในขั้นต้น และทดลองให้รู้ตัวเองว่าชื่นชอบในการดำน้ำจริงหรือไม่ มักจะเป็นหลักสูตร 1 วัน ที่ตลอดทั้งวันจะมีครูผู้สอนควบคุม หรือ “จับมือพาไปดำน้ำ” อย่างใกล้ชิด โดยบางคนอาจสมัครเรียนหลักสูตรนี้เพื่อเป็นกิจกรรมระหว่างออกทริปไปเที่ยวทะเลให้มีความสนุกมากขึ้น ราคาโดยเฉลี่ยของหลักสูตรแบบนี้จะอยู่ที่ 2,200 – 4,000 บาท แต่จะไม่ได้ใบประกาศณียบัตรรับร้อง เหมาะสำหรับผู้ที่อยากทดลองดำน้ำแต่ไม่อยากเป็นนักดำน้ำแบบจริงจัง
– หลักสูตร Open Water Diver หรือหลักสูตรนักดำน้ำขั้นต้น กล่าวได้ว่าเป็นหลักสูตรขั้นฐานเพื่อก้าวไปสู่การเป็นนักดำน้ำมืออาชีพ โดยหลักสูตรนี้จะเริ่มสอนตั้งแต่ทฤษฎีการว่ายน้ำที่จำเป็นทั้งหมด วิธีการใช้อุปกรณ์ เทคนิคการดำน้ำ การสอนเชิงปฏิบัติในพื้นที่ดำน้ำจริง จนกระทั่งการสอบปฏิบัติตามที่แต่ละโรงเรียนได้วางเกณฑ์เอาไว้ โดยส่วนมากจะใช้ระยะเวลาเรียนประมาณ 4 วัน ค่าเล่าเรียนหลักสูตรโดยประมาณอยู่ที่ 11,000 – 25,000 บาท โดยผู้ที่ผ่านการทดสอบจะได้ประกาศณียบัตร และได้รับอนุญาตให้ดำน้ำได้ด้วยตัวเองตามทริปดำน้ำต่างๆ
– หลักสูตร Advance Water Diver คือหลักสูตรดำน้ำขั้นสูงต่อยอดจาก Open Water ซึ่งมักจะเป็นการสอนดำน้ำในเชิงเทคนิคมากขึ้น การใช้เข็มทิศในการดำน้ำ การดำน้ำลึก การดำน้ำกลางคืน การดำน้ำในกระแสน้ำ หรืออาจจะมีการดำน้ำเพื่อการถ่ายรูปหรือสำรวจซากปรักหักพังในน้ำ เป็นต้น ใช้เวลาเรียนราว 3 – 4 วัน ค่าเล่าเรียนจะอยู่ที่ 11,000 – 25,000 บาท เช่นเดียวกัน
โดยหลักสูตรระยะยาวแบบนี้ส่วนใหญ่จะเปิดการเรียนการสอนในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ด้วยเช่นกัน
คุณสมบัติของผู้เรียนดำน้ำ
– อายุไม่ต่ำกว่า 10 ปี (ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละโรงเรียนที่อาจมีเกณฑ์กำหนดอายุเริ่มต้นของผู้เรียนที่ต่างกัน)
– สุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวที่กระทบต่อการดำน้ำ เช่น โรคปอด โรคหัวใจ หอบหืด ความดันโลหิตสูง ในขณะที่โรคประจำบางโรคสามารถขอใบรับรองแพทย์เพื่อใช้สมัครเรียนได้
– ควรมีทักษะการว่ายน้ำมาบ้าง ถ้าไม่มีควรฝึกว่ายน้ำให้เป็นเสียก่อน