ระหว่างกลับขึ้นสู่ผิวนํ้า ความหลากหลายทางชีวภาพก็เริ่มลดลง น่านนํ้าระดับตื้นกว่ามีสภาพแวดล้อมที่เสถียรหรือคงที่น้อยกว่า ภูเขานํ้าแข็งและนํ้าแข็งทะเลที่ล่องลอยอยู่มักครูดไปกับก้นสมุทร อีกทั้งการแข็งตัวและการละลายของพื้นผิวทะเลตามฤดูกาล ซึ่งดึงนํ้าจืดออกไปจากมหาสมุทรแล้วปล่อยคืนกลับลงมาใหม่ ทำให้ค่าความเค็มของนํ้าแกว่งไปมาอย่างสุดขั้ว แต่ก็ยังมีอะไรมากมายให้ดูเพลินตา สาหร่ายขนาดเล็ก (microalgae) เกาะตามเพดานนํ้าแข็งเปลี่ยนให้เป็นเพดานรุ้งสีส้ม เหลือง และเขียว อันที่จริงเพดานที่ว่านี้ดูเหมือนเขาวงกตสลับซับซ้อนมากกว่า เพราะประกอบด้วยชั้นนํ้าแข็งสูงๆ ต่ำๆ
อีกวันหนึ่ง ชองตีลก็เรียกให้ผมดูทุ่งดอกไม้ทะเลโปร่งแสงตัวจิ๋วๆ ที่เกาะห้อยลงมาจากแพนํ้าแข็ง พวกมันฝังตัวลึกเข้าไปสองสามเซนติเมตรในนํ้าแข็งที่เหมือนหิน หนวดของพวกมันที่มีแสงอาทิตย์ส่องผ่าน โบกพัดอยู่ในกระแสนํ้า ดูคมและแวววาว พวกมันช่างตราตรึงใจยิ่งนักโลกใต้นํ้าแข็งแอนตาร์กติกก็เหมือนกับเมานต์เอเวอเรสต์ เพราะงดงามน่าอัศจรรย์ แต่ขณะเดียวกันก็อาจโหดร้ายทารุณ
ตอนที่เฮลิคอปเตอร์ของพวกเราบินอยู่เหนือเกาะนอร์แซลก็อยู่ในทะเลเปิดแล้ว พอเฮลิคอปเตอร์หย่อนเราลงไปบนเกาะ เราก็ถูกรายล้อมด้วยมหาสมุทรและภูเขานํ้าแข็งใหญ่ยักษ์ และตระหนักถึงอภิสิทธิ์ของการได้อยู่ในที่ที่ไม่เคยมีใครเคยดำลงไปมาก่อน
ฤดูร้อนกำลังจะมาถึง วันนั้นอากาศไม่หนาวจัด อุณหภูมิใกล้จุดเยือกแข็ง แต่นํ้ายังคงเย็นถึงลบ 1.8 องศาเซลเซียส บลองช์ผู้เป็นแพทย์ของเราเริ่มจับเวลาด้วยนาฬิกามาตรเวลา (chronometer) เขาให้เวลาเราสาม ชั่วโมงสี่สิบนาที แล้วเราก็ดำดิ่งลงไปอีกครั้งสู่อีกโลกหนึ่งเบื้องล่าง
เรื่องและภาพถ่าย : โลรอง บาเลสตา